สันติ มือฆ่า 2 สามีภรรยาที่ไต้หวัน มอบตัวกับตำรวจแล้ว เบื้องต้นให้การภาคเสธ บอกลวงไปพบจริง แต่ไม่ได้ฆ่า ด้านพี่ชาย ลั่น ไม่ต้องมาขอขมา เพราะไม่มีวันให้อภัย ชี้ ต้องมีคนสมรู้ร่วมคิด
จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ เมื่อนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน หรือนายหวัง ฆ่านางสาวพจนีย์ แซ่หลี่ กับ นายประเสริฐ โนราษ สองสามีภรรยาที่กำลังตั้งท้องลูกแฝดที่ไต้หวัน รวม 4 ศพ ก่อนหนีกลับมายังประเทศไทย แถมมีปมปริศนา โดยพบว่าก่อนเกิดเหตุ ทั้ง 3 คนกินข้าวด้วยกันราวกับเป็นคนในครอบครัว เบื้องต้นตำรวจออกหมายจับแล้ว
อ่านข่าว : เปิดโพสต์สุดท้าย ผัว-เมีย คนไทย ถูกฆ่าในไต้หวัน กินข้าวกับฆาตกร ยกเหมือนคนในครอบครัว
เบื้องต้น นายสันติให้การภาคเสธ บอกว่า ตนไม่ได้เป็นคนฆ่าทั้งสองคน แต่ยอมรับว่าได้เรียกทั้งสองคนให้ไปพบจริง
ภาพจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
ดำเนินคดีที่ไทยได้ ไม่ต้องไปไต้หวัน
ขณะที่ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวน และจะตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่มีการอนุญาตให้ประกันตัวเด็ดขาดเพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หวั่นคนร้ายหลบหนี
ส่วนในเรื่องคดี ทางการไทยสามารถดำเนินคดีสอบสวนได้ทันที ไม่จำเป็นต้องส่งตัวกลับไปยังไต้หวัน เพราะนายหวังมีสัญชาติไทย และครอบครัวของผู้ตายก็ร้องขอให้ดำเนินคดีในไทย โทษสูงสุดคดีนี้คือประหารชีวิต
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พูดถึงขั้นตอนดำเนินคดีว่า นายสันติเป็นคน 2 สัญชาติ ขึ้นอยู่กับว่าญาติผู้ตายต้องการให้ดำเนินคดีที่ไหน ถ้าหากต้องการดำเนินคดีในไทย ตามกฎหมายแล้ว สิทธิในการสอบปากคำผู้ต้องหา จะอยู่กับสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่ใช่พนักงานสอบสวน เพราะคดีนี้เข้าข่ายคดีระหว่างประเทศ และทางไต้หวันจะต้องส่งหลักฐานทางคดีมาให้พิจารณาด้วย อย่างไรก็ดี สำนักงานอัยการสูงสุดก็สามารถโอนคดีให้พนักงานสอบสวนรับผิดชอบภายหลังได้
พี่ชายผู้ตายดีใจจับคนร้ายได้ แต่ไม่ให้อภัย 100%
ขณะที่นายยิ่งยศ พี่ชายของฝ่ายหญิง เปิดเผยว่า ดีใจมากที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัว หลังจากนี้ไม่ว่าดำเนินคดีที่ไทยหรือไต้หวัน ก็ไม่หนักใจ มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของทั้ง 2 ประเทศ และอยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุด อยากให้เขาไปกราบศพผู้ตาย แต่ไม่ต้องมากราบตนและครอบครัวให้เสียเวลา เพราะไม่มีใครอโหสิกรรมให้
นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ยังเปิดเผยว่า พี่ชายผู้เสียชีวิตสงสัยว่า คดีนี้มีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหรือไม่ เพราะว่า ผู้ตายทั้ง 2 คน น้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ ผู้ชายรูปร่างกำยำ ถ้าหากมีการทำร้ายคนใดคนหนึ่ง อีกคนก็น่าจะช่วยเหลือได้ รวมถึงการแบก 2 คนนี้ขึ้นรถได้ด้วยตัวคนเดียว ทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ก็ตรงกับพ่อผู้ต้องหา
ปมสังหารอาจเป็นเรื่องทอง ?
ส่วนปมสังหาร ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นายสันติได้ยืมทองนายประเสริฐ 15 บาท และเงิน 8 แสนบาทผู้ตายไป แต่จู่ ๆ มาอ้างว่า ถูกคนไทยที่ทำงานที่เดียวกันขโมยของไปหมด ทำให้มีประเด็นเกิดขึ้น หลังจากนั้นนางสาวพจนีย์ ผู้ตาย จึงโทรศัพท์มาปรึกษากับนายยิ่งยศ พี่ชาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางนายยิ่งยศก็บอกว่า ใจเย็น ๆ ขอให้อยู่ห่างนายสันติเอาไว้ก่อน เพราะมันแปลก ๆ แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์







