เพจกฎหมายคอนเฟิร์ม ลากิจพาพ่อแม่ไปหาหมอ ทำได้และเป็นกิจอันจำเป็นตามกฎหมาย ชี้ คำว่า "อย่าหัดให้พ่อแม่อ่อนแอ" น่าจะมีการศึกษาเรื่องนี้ไม่ถ่องแท้เพราะคนแก่ไม่ต้องหัดเขาก็อ่อนแอ

เป็นประเด็นที่เป็ฯที่ถกเถียงอย่างหนักสำหรับเรื่องราวของพนักงานรายหนึ่งที่ลางานแต่หัวหน้ากลับบอกมาว่า
"หากจำเป็นต้องลาจริง ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่ต้องหัดแก้ไขปัญหาดูก่อน
ให้ใครพาพ่อแม่ไปแทนได้ไหม
หรือหากพ่อแม่ไปเองได้ก็อย่าหัดให้พ่อแม่เป็นคนอ่อนแอ
หรือจำเป็นต้องลาทั้งวันไหม คิดเองตามความเหมาะสม" ทำให้หลายคนคอมเมนต์ว่าหัวหน้ารายนี้ไม่มีเมตตากับลูกน้อง จริง ๆ
ลูกน้องลาได้เพราะมีกฎหมายระบุไว้
อ่านข่าว : อห. !! พนง. เหวอ ขอลางาน แต่เจอหัวหน้าบอก "อย่าหัดให้พ่อแม่เป็นคนอ่อนแอ"
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 16 มิถุนายน 2565 เฟซบุ๊ก กฎหมายแรงงาน ระบุว่ากฎหมายให้สิทธิมาตรา 34 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลูกจ้างขอใช้สิทธิ นายจ้างหรือหัวหน้างานก็ควรพิจารณาไปตามสิทธิของเขาโดยพิจารณาว่าเป็น "กิจธุระอันจำเป็น" หรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กฎหมายแรงงาน
การทำหน้าที่พาพ่อแม่ หรือพาบุตรไปพบแพทย์ พาไปฉีดวัคซีนย่อมถือเป็นกิจอันจำเป็น เพราะการดูแลผู้บุพการี หรือบุตรกฎหมายได้กำหนดให้เป็นพันธะทางศีลธรรม (Moral Obligation) ที่ต้องทำ
ส่วนคำที่ว่า "อย่าหัดให้พ่อแม่อ่อนแอ" นั้น น่าจะมีการศึกษาเรื่องนี้ไม่ถ่องแท้เพราะคนแก่ไม่ต้องหัดเขาก็อ่อนแอ แต่จะอ่อนแอมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการสะสมและล้างผลาฐสุขภาพ
ทางเพจดังกล่าวระบุว่า สรุปแล้วเรื่องการลาเพื่อพาพ่อแม่ไปพบแพทย์ถือเป็นกิจอันจำเป็นตามกฎหมาย และเป็นไปตามนโยบายภาครัฐที่เรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
นอกจากนี้สิ่งที่นายจ้างหรือหัวหน้างานพึงระลึกอยู่เสมอว่ามาตรา
34 ให้ลาได้ปีละ 3 วันทำงาน หากลูกจ้างใช้สิทธิหมดแล้ว
สิทธิของลูกจ้างก็หมดไป ดังนั้นการลากิจจึงไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดมาก
ส่วนลูกจ้างเมื่อลากิจหมด
ก็อาจใช้สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่กฎหมายให้สิทธิ 6
วันต่อปีโดยได้รับค่าจ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กฎหมายแรงงาน






