พ่อชี้พิรุธ หวั่นตำรวจโยนบาปให้ลูก เติมเกม 1.2 ล้าน พบปลายทางมี 4 บัญชี แบบนี้คืออะไร ?

พ่อเด็กเล่าพิรุธ คาใจตำรวจโบ้ยความผิดให้ลูก

          ล่าสุด วันที่ 3 สิงหาคม 2565 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นายณรงค์ฤทธิ์ คงทอง วัย 49 ปี นักธุรกิจค้าปุ๋ย เคมีภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการเกษตร ในฐานะพ่อของเด็ก กล่าวว่า ยังตกใจและมึนงงกับข้อมูลที่ตำรวจไซเบอร์ให้มา กลายเป็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วในการพูดกับตน ก็เหมือนกับว่าตนรู้เห็นด้วย ไม่ได้บอกเลยว่า พฤติการณ์ของเด็กที่ให้ข้อมูลเป็นยังไง การล่อลวงเอาบัตรประชาชนพ่อ การชักชวนล่อลวงไม่ให้เด็กบอกพ่อถึงการส่งข้อมูลส่วนตัวของพ่อให้ ทั้งที่เด็กมีอายุ 10 ขวบ

          นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยในเรื่องการแจ้งเตือน ที่ตำรวจออกมาพูดเหมือนกับว่า ความเดือดร้อนของตนเป็นเรื่องไม่จริง จนถูกสังคมกล่าวหาเสีย ๆ หาย ๆ ซึ่งตนยืนยันว่า ตนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย และการทำธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง โดยเฉพาะทางการเงิน จะทำด้วยตัวเองที่ธนาคารผ่านสลิปหลักฐานที่เป็นกระดาษ ส่วนแอปฯ ที่ติดตั้งในเครื่อง เจ้าหน้าที่ติดตั้งไว้ให้ แต่ไม่เคยได้ใช้ เพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้

เด็กเล่านาทีคุยกับปลายทาง โดนหลอกให้เติมเกม ไม่รู้ว่าเงินพ่อหาย

          ส่วนเด็ก 10 ขวบ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงตอนที่คุยกับปลายทาง และพฤติกรรมชักจูงล่อลวงว่า มีการคุยกันทางออนไลน์ แล้วโทรศัพท์มาหาด้วย จากนั้นตนจะเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อ แต่เขาบอกไม่ต้องให้ ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ก็พอ แล้วก็มีการเสนอให้รหัสเกม ให้ตัวละคร ให้สมัครทรูมันนี่ ตนก็สมัครตามเขา แล้วก็ใส่รหัส OTP ให้ จากนั้นเขาก็ให้รหัสเกมมา ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นลิงก์เล่นเกม แต่เข้าไปมันโหลดช้าจึงออกมา

          นอกจากนี้ เขาขอบัตรประชาชนพ่อ และวิดีโอหน้าพ่อ ตนเอาไปให้ แต่ถูกห้ามบอกพ่อ ส่วนเงินที่หายไปนั้นตนไม่รู้เลย มารู้ตอนพ่อเอาสมุดบัญชีไปธนาคารแล้วรู้ว่าเงินหายไป

ทนายความ ชี้ มีพิรุธ ตำรวจให้การคล้ายทำให้เด็กกลายเป็นโอละพ่อ

          ขณะที่นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ ประธานสภาทนายความภาค 8 ให้ความเห็นว่า พฤติการณ์การติดต่อเด็ก 10 ขวบ เห็นวุฒิภาวะของเด็กอยู่แล้วว่า ยังไม่เพียงพอต่อการล่อลวงขอเอกสารของพ่อเด็ก โดยมีการสำทับว่า อย่าบอกพ่อ แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ อีกทั้งวงเงิน 1.2 ล้านบาท เป็นเงินที่เกินวิสัยของเด็ก 10 ขวบที่จะทำได้ ฉะนั้นเหตุการณ์นี้อาจเข้าข่ายฉ้อโกง ล่อลวงเด็ก จึงอยากให้ผู้เสียหายทำเรื่องที่สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องนี้ได้

ปลายทางมีบัญชีรับเงิน 4 บัญชี ผู้เสียหายกลับถูกลอยแพ

          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีที่ตำรวจไซเบอร์ให้การทำให้เรื่องเข้าทำนองโอละพ่อ คนใกล้ชิดครอบครัวสังเกตว่า เจ้าหน้าที่จะไม่ดำเนินการอะไรต่อใช่หรือไม่ ทั้งที่น่าจะมีพฤติการณ์ล่อลวงเด็กส่งเอกสารส่วนตัวของพ่อไป จนนำไปสู่การโยกเงินออกนอกบัญชี แบบนี้ไม่เป็นความผิดใช่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การกระทำของเด็ก กลับบอกว่าเป็นความผิดพลาดของเด็กเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว