เปิดชีวิต เด็กยิปซีที่เกิดในกองคาราวาน ชีวิตลำบากไร้เงินเก็บ ตอนนี้พลิกผันกลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าพ่ออาณาจักรที่อยู่อาศัย รวยอู้ฟู่อยู่คฤหาสน์ 200 ล้าน
ชีวิตนั้นไม่มีคำว่าง่าย และยากจะคาดเดาเส้นทางของอนาคตได้ มีผู้คนไม่น้อยที่ต้องผ่านเส้นทางชีวิตที่พลิกผัน รวมถึง อัลฟี เบสต์ มหาเศรษฐีวัย 52 ปี ที่พลิกชีวิตจากเด็กชาวยิปซีที่เกิดมาในกองคาราวานข้างถนน สู่เจ้าของอาณาจักรที่พักอาศัยยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ โดยจุดเริ่มต้นของเขานั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ก่อนจะทุ่มความหลงใหลจนผลักดันตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวของมหาเศรษฐีผู้นี้ถูกนำมาบอกเล่าผ่านเว็บไซต์เดอะซัน โดยเผยว่า ชายผู้เป็นเหมือนปรากฏารณ์ทางธุรกิจรายนี้ เป็นชาวยิปซีที่เกิดมาในกองคาราวานข้างถนน เขาแทบจะไม่มีทรัพย์สินติดตัวมากนัก และแทบไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร เรียกว่ายอดเงินที่เก็บไว้ไม่ได้มากไปกว่าเงินในกระเป๋าของเขาสักเท่าไร นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเริ่มต้นทุก ๆ อย่างจากฐานราก
ชีวิตในการทำธุรกิจของอัลฟี เริ่มต้นตอนที่เขาอายุ 14 ปี เขากับพ่อต้องนำยางมะตอยไปขายทีละบ้าน และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างลำบาก ทั้งยังทำให้เขามีสภาพจิตใจที่อ่อนล้าอย่างมาก บางวันเขาต้องทำมันเพียงคนเดียว แถมเขายังไม่มีความสนใจสิ่งนี้ด้วย
จากนั้นอัลฟีจะเริ่มเปลี่ยนไปทำงานขายรถตู้แทน ซึ่งการได้ทำในสิ่งที่ชื่นชอบ ทำให้เขารู้สึกสนุกไปกับทุก ๆ นาทีที่ได้ทำ เขารู้ชัดว่าลูกค้าต้องการอะไร วันเวลาในตอนนั้นเรียกได้ว่าผ่านไปไวมาก และเขาก็ทำเงินได้จากงานนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อัลฟีชี้ว่าการเปลี่ยนงานอดิเรกหรือสิ่งที่เราชอบมาเป็นธุรกิจนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนกรอบความคิดของเราเช่นกันถ้าอยากให้ผลออกมาดี เพราะมันมีความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างคำว่างานอดิเรก กับธุรกิจที่ทำกำไรได้ เราจำเป็นต้องดำเนินธุรกิจบบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนต้องมีการคิดค่าบริการ แต่เมื่อสิ่งนั้น ๆ สามารถทำเงินให้เราได้แล้ว ก็อย่าได้ลืมเรื่องที่มันเคยเป็นงานอดิเรกของเราไป
ก้าวต่อไปของอัลฟีนอกเหนือจากการขายรถตู้ ขายรถคาราวานแล้ว ก็คือการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นที่อยู่แบบปาร์คโฮม หรือบ้านสไตล์บังกะโลในพื้นที่สวนของโครงการ กระทั่งปัจจุบันบริษัท Wyldecrest ของเขาได้ขึ้นแท่นผู้ดำเนินกิจการที่อยู่แบบปาร์คโฮมรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ และเขาก็มีสวนเกือบ 100 แห่งทั่วประเทศภายใต้การดำเนินงานของบริษัท
นอกจากธุรกิจมูลค่าราว 1.2 พันล้านปอนด์ หรือราว 5.1 หมื่นล้านบาทนี้แล้ว อัลฟีก็ยังเป็นเจ้าของกิจการ Vaaroom บริษัทเช่ารถบ้านที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอังกฤษด้วย
ปัจจุบันอัลฟีอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรู มูลค่า 6 ล้านปอนด์ หรือราว 255 ล้านบาท ที่เทศมณฑลเซอร์เรย์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ใช้ชีวิตในฐานคุณพ่อลูกสอง และด้วยฐานะในตอนนี้ การจะทำคลังรถหรูและเฮลิคอปเตอร์ ล้วนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
อนึ่ง ในขณะที่อัลฟีเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนแทบจะเรียกว่าเป็นชาวยิปซีที่รวยที่สุดในโลก ทำให้ผู้คนมักจะเข้ามาขอคำแนะนำด้านธุรกิจจากเขา อัลฟีก็มีคำแนะนำง่าย ๆ มาฝากคนที่กำลังจะสร้างตัวจากการที่ไม่มีอะไรเลย
"ผมจำได้ถึงคำพูดอันชาญฉลาดจากนักธุรกิจชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เคยกล่าวไว้ว่า คนงี่เง่าที่วางแผนไว้แล้ว สามารถเอาชนะคนฉลาดที่ขาดการวางแผนได้" อัลฟี กล่าว
เขายังชี้ว่า ธุรกิจนั้นควรเป็นเรื่องของความหลงใหล ไม่ใช่เพียงผลกำไรเท่านั้น หากเรานำบางสิ่งที่เรามีความสนใจมาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ เราก็จะสามารถสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าได้เช่นกัน
"ถ้าคุณมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน ทุก ๆ ชั่วโมงที่ทำงานจะให้ความรู้สึกเหมือนแค่ 15 นาทีเท่านั้น เชื่อผมเถอะ ความกระตือรือร้นเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่สุด" อัลฟี กล่าว
อีกสิ่งสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเราพยายามจะทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยสภาพการเงินที่มีข้อจำกัด อย่างแรกที่ทำคือต้องรวบรวมแผนธุรกิจเข้าด้วยกัน และคำนวณกระแสเงินสด ให้รู้ว่าเงินที่มีอยู่ได้มาอย่างไร และจะถูกจ่ายไปที่ไหน
แผนธุรกิจที่ดีจะช่วยให้เราโฟกัสได้ดี ในจุดที่เราหวังจะให้ธุรกิจเดินหน้าไป และการขยายการลงทุนด้วยแผนธุรกิจกับกระแสเงินสดนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นรากฐานในการดำเนินงานของเรา แต่ยังทำให้ง่ายขึ้นที่จะได้รับเงินทุนจากนักลงทุนหรือธนาคารในอนาคตด้วย
อัลฟียังเตือนถึงข้อผิดพลาดสุดเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ นั่นคือการไม่จัดการแผนธุรกิจกับกระแสเงินสดให้ถูกต้อง รวมถึงการซื้อขายที่เกินกำลังจนเกิดความเสี่ยง ซึ่งทำให้ธุรกิจดี ๆ มากมายต้องพังไป แต่มันสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการจัดการแผนธุรกิจกับกระแสเงินสดทุกสัปดาห์
นอกจากนี้ อัลฟีย้ำว่าอย่าทำอะไรลวก ๆ เพียงเพื่อจะประหยัดเงินหรือเวลา เพราะเขาเองก็เคยทำมาแล้ว และมันไม่เคยได้ผลดีเลย
"วางแผนและดำเนินการตามแผนนั้น จากนั้นทุกอย่างควรจะเริ่มเข้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีวิสัยทัศน์ มีสินค้า มีจรรยาบรรณในการทำงาน และโชคเล็ก ๆ น้อย ๆ"
ส่วนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการโฆษณาธุรกิจนั้น อัลฟีชี้ว่าไม่มีอะไรจะเลิศไปกว่าการบอกปากต่อปากแล้ว แถมยังเป็นวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุดด้วย ขอให้ออกไปบอกผู้คนในเรื่องบริการลูกค้าอันเยี่ยมยอด หรือผลิตภัณฑ์ที่คุณจะนำเสนอ เชื่อมั่นในตัวเองและสินค้าหรือบริการของคุณไว้ อย่าอายที่จะบอกคนอื่นว่ามันดีแค่ไหน
แน่นอนว่าทุกวันนี้ ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีการทำโซเชียลมีเดียที่เป็นเหมือนตลาดใหม่ และเขาก็แนะนำให้ลองทำวิจัยเพื่อกำหนดเป้าหมายกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า หรือคนที่มีแนวโน้มจะสนใจในธุรกิจของเราด้วย
อัลฟีย้ำว่า ประสบการณ์ของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เขาลองทำมาทุกอย่างแล้วตั้งแต่การโฆษณาผ่านสื่อหลัก ปล่อยโฆษณาทีวี และทำป้ายบิลบอร์ด แต่คุณอาจไม่เชื่อเลยว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการรับรองแบบปากต่อปากแบบเดิม ๆ แล้ว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เดอะซัน
