เผยผลชันสูตรเบื้องต้น น้องจีฮุน เด็กเสียชีวิตในรถโรงเรียน พบตับมีการเปลี่ยนจากสีแดง เป็นสีเหลือง คาดเสียชีวิตเพราะภาวะฮีตสโตรก ไม่พบร่องรอยถูกข่มขืน-ทำร้ายร่างกาย
จากกรณีข่าวน้องจีฮุน เด็กหญิงวัย 7 ขวบ ที่เสียชีวิตในรถรับ-ส่ง นักเรียนนั้น เบื้องต้นผู้เป็นแม่ไม่เชื่อว่าเป็นการขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ต่อมาทางหมอนิติเวช ได้ออกมาระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่เด็กถูกทิ้งในรถที่จอดกลางแดด จะเสียชีวิตจากภาวะฮีตสโตรก ไม่ใช่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เพราะอุณหภูมิในรถสามารถสูงขึ้นได้เร็วมาก และเด็กจะทนต่อภาวะนี้ได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : หมอนิติเวช ไขปริศนา น้องจีฮุนเสียชีวิตในรถ เหตุใดจึงเป็นฮีตสโตรก ไม่ใช่ขาดอากาศหายใจ
อ่านข่าว : หมอนิติเวช ไขปริศนา น้องจีฮุนเสียชีวิตในรถ เหตุใดจึงเป็นฮีตสโตรก ไม่ใช่ขาดอากาศหายใจ

ภาพจาก ช่อง 3
ล่าสุด (6 กันยายน 2565) ข่าวช่องวัน รายงานว่า ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามผลการชันสูตรของน้องจีฮุน ทั้งนี้ แม่ของน้องจีฮุนได้ขอให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบกระบวนการผ่าพิสูจน์ของสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่นั้น ทางผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมสังเกตการณ์เบื้องต้นพบว่าไม่มีความผิดปกติ โดยมีการทำงาน 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. การบันทึกเสื้อผ้า
2. ตรวจสภาพร่างกายภายนอก
3. ตรวจบาดแผลนอกร่างกาย
4. เก็บวัตถุพยาน เช่น เลือด ช่องคลอด ทวารหนัก เล็บ ชิ้นเนื้อ อาหารในกระเพาะอาหาร เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิต
ทั้งนี้ เบื้องต้นพบร่องรอยฟกช้ำตามแขนและใบหน้า รวมทั้งหมด 9 จุด แต่ไม่พบกระดูกหัก ไม่มีร่องรอยการถูกข่มขืน ไม่มีร่องรอยการบีบคอ และที่สำคัญพบว่าตับเปลี่ยนสีออกเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติจะเป็นสีแดงหรือสีชมพู จึงคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากภาวะฮีตสโตรก หรือ อุณหภูมิร่างกายสูงแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต ระบุอีกว่า รอยเปื้อนบนชุดนักเรียนนั้น เกิดจากการที่น้องจีฮุนลงไปนอนบนพื้นรถที่เปื้อนฝุ่น ซึ่งแพทย์ระบุว่าศพอยู่ในลักษณะนอนคว่ำหน้าทำให้เลือดตก จนอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่แก้มซ้าย ส่วนเยื่อบุตานั้น ไม่พบว่ามีเลือดออกเช่นเดียวกับสมอง เพราะหากพบก็คาดว่าอาจเกิดจากการกระแทกได้
พร้อมกันนี้ได้เร่งรัดขอผลการผ่าพิสูจน์ศพ ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันที่ 15 กันยายน นี้ โดยศพจะอยู่ในความดูแลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิต หากครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก็จะนำไปฌาปนกิจต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน