ครูยุ่น ให้เหตุผลเรื่องตีเด็กเพราะสั่งสอน ไม่น่าผิดกฎหมาย เจอนักสิทธิเด็กสวน พูดน่าละอาย


          ครูยุ่น ตีเด็กเพื่อสั่งสอน ไม่ได้ทารุณกรรม ด้านนักสิทธิเด็กไม่เชื่อว่าไม่รู้กฎหมาย แนะอย่าบิดเบือนเพื่อปกป้องเพราะรู้จักกัน มันน่าละอาย ส่วนเรื่องใบต่ออนุญาตมูลนิธิ ถูกปฏิเสธไปแล้ว


          กลายเป็นประเด็นชวนช็อกของสังคม เมื่อมีการแฉว่า มูลนิธิช่วยเด็กชื่อดัง มีการทำร้ายเด็ก ส่วนเจ้าของมูลนิธิก็เคยเป็นอดีต ส.ว. ชื่อเสียงคุ้นหน้าคุ้นตาคนในประเทศเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีคลิปสุดหดหู่ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ลงมือตีเด็ก 4-5 ที่ยืนล้อมกัน บางคนก็ถูกทารุณสารพัด เช่น ถูกจับกดน้ำ ใช้ปัสสาวะครูราดเสื้อเด็ก เอาเสื้อไปคลุกอุจจาระ เป็นต้น พอเรื่องราวดังก็มีหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือเด็กบางส่วนออกมาจากมูลนิธิ

          ต่อมา นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น ผู้ดูแลมูลนิธิ กับนายแก้วสรร อติโพธิ์ ประธานมูลนิธิ เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

อ่านข่าว : มูลนิธิช่วยเด็กชื่อดัง ทำร้ายเด็กเอง พบคลิปจับเด็กฟาด เจ้าของเป็นอดีต ส.ว. พูดชื่อร้องอ๋อทันที

อ่านข่าว : ครูยุ่น พบตำรวจ หลังมูลนิธิเด็กทำร้ายเด็ก-ใช้แรงงานเด็ก เด็กทยอยออกเกินครึ่ง

          ล่าสุด วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นายมนตรี เปิดเผยหลังจากที่เข้าพบตำรวจนานกว่า 5 ชั่วโมงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมันมีที่มาที่ไป การรับทราบข้อกล่าวหาก็ทำตามหมายเรียก มีรายละเอียดดังนี้


          1. เรื่องการตีเด็กตามคลิป เด็กที่ถูกตีคือเด็กที่ต้องถูกทำโทษ เช่น เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฝ่าฝืนคำสั่งลงไปเล่นในแม่น้ำแม่กลอง ทั้งที่มีคนว่ายน้ำไม่เป็น อันตรายถึงชีวิต จึงเรียกมาลงโทษ ส่วนวิธีการลงโทษที่ใช้การตี หลายคนมองว่ารุนแรง แต่ตนมองว่าเพื่อสั่งสอน ไม่ได้ทารุณกรรม เหมือนพ่อสั่งสอนลูก

          2. เรื่องการนำปัสสาวะ อุจจาระ ราดเสื้อผ้าเด็ก เรื่องนี้มีการรื้อเสื้อผ้าเด็กจริง แต่ไม่ได้นำอะไรไปราดตามที่เด็กกล่าวหาแน่นอน สาเหตุที่ต้องรื้อ เพราะเด็กในมูลนิธิไม่ชอบซักเสื้อผ้า จะนำเสื้อผ้าที่ใส่ซุกในตู้จนสกปรก จึงพยายามสั่งสอนเด็ก แต่เด็กก็ไม่ยอมทำตามจนต้องรื้อออกมากองที่พื้น

          3. นายแก้วสรร กล่าวเสริมว่า พฤติกรรมที่เด็กกล่าวหาครูยุ่น ยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด ตนดูแลมูลนิธิแบบนี้มานาน และครูอาจจะสนิทกับเด็กจนใช้คำไม่สุภาพ แต่ไม่ได้มีการทำร้ายทารุณกรรมหรือหากินกับเด็กแน่นอน

          4. เรื่องการใช้แรงงานเด็กในรีสอร์ต มีความสุ่มเสี่ยงผิด พ.ร.บ.การใช้แรงงานเด็ก ประเด็นนี้นายมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการให้ค่าจ้างหรือบังคับเด็ก แต่เด็กในมูลนิธิเต็มใจไปช่วย เป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ทำทั้งวัน ไม่มีจำกัดเวลา ดังนั้น จึงมองว่าการใช้แรงงานนี้ไม่ได้เข้าข่ายความผิด และตอนนี้พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้แจ้งข้อหานี้ ภายในรีสอร์ตมีตนและภรรยาดูแล เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ได้จ้างงานเหมือนพนักงานในบริษัท เด็กมาช่วยงานบางคนก็เต็มใจ บางคนก็ไม่เต็มใจ แต่ต้องการมาเล่น ทำให้มีการร้องเรียนเรื่องนี้


นักสิทธิเด็กเยาวชนและสตรี ไม่เชื่อ ครูยุ่น - แก้วสรร ไม่รู้เรื่องการตีเด็ก


          ขณะที่ ทิชา ณ นคร นักสิทธิเด็กเยาวชนและสตรี มีการโพสต์ เฟซบุ๊ก Thicha Nanakorn ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ นายมนตรี, นายแก้วสรร และนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย จะไม่รู้จักอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเป็นรัฐภาคี เมื่อปี 2535 ซึ่งมีข้อผูกพันที่ตามมา 2 ข้อ คือ

          1. รายงานสถานการณ์สิทธิเด็กในประเทศไทยต่อคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ทุก 5 ปี ซึ่งกระทรวง พม. รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอนุสัญญาฯ เปิดรายงานในรูปแบบ Alternative report เป็นมาตรการถ่วงดุลข้อเท็จจริง

          2. รัฐภาคีต้องปรับปรุง แก้ไข กฎหมายภายในประเทศที่ขัดแย้งกับอนุสัญญาฯ จนนำไปสู่การแก้กฎหมายกรณีอายุการรับผิดทางอาญาของเด็กจากอายุ 7 ปี เป็นอายุ 10 ปี เมื่อปี 2551 และแก้ไขอีกครั้งจากอายุ 10 ปี เป็น 12 ปี ในปี 2565

          นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกระเบียบการตีเด็กในยุคที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย


สั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตมูลนิธิครูยุ่น จ่อปิดตำนานมกราคม 2566


          เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก จ.สมุทรสงคราม มีมติให้นำเด็กที่เหลืออยู่ที่มูลนิธิกว่า 20 คน ออกมาอยู่ในความคุ้มครองสวัสดิภาพของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 โดยที่ก่อนหน้านี้นำเด็กออกมาแล้ว 29 คน

          นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติไม่ต่ออายุมูลนิธิคุ้มครองเด็กดังกล่าว เนื่องจากใบอนุญาตจะหมดอายุในเดือนมกราคม 2566 หลังจากนี้ต้องปล่อยให้สิ้นสภาพการเป็นสถานสงเคราะห์ที่ได้รับอนุญาต แต่ถ้าหากมูลนิธิยื่นขอต่ออายุใหม่ ก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา แต่เท่าที่ประเมินสภาพแวดล้อมสุขอนามัยในมูลนิธิ พบว่า ต้องมีการปรับปรุงยกใหญ่พอสมควร

          ส่วนกรณีที่มีการลงโทษเด็กและการให้เด็กทำงาน เรื่องนี้ ไม่ว่าจะลงโทษด้วยการตีแบบไหน ถือเป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เพราะไม่ใช่เพียงบาดแผลทางกาย แต่มีเรื่องจิตใจด้วย ส่วนการทำงานเพื่อหารายได้เสริมในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าหากอายุมากกว่า 15 ปี หากไปช่วยงานฝึกการทำงานมีค่าตอบแทน ต้องดูเจตนาด้วย

ข่าวครูยุ่นตีเด็ก




เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูยุ่น ให้เหตุผลเรื่องตีเด็กเพราะสั่งสอน ไม่น่าผิดกฎหมาย เจอนักสิทธิเด็กสวน พูดน่าละอาย อัปเดตล่าสุด 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 14:10:37 10,767 อ่าน
TOP
x close