หมอเปิดเคสอุทาหรณ์ กินแกงนกสับระวังขิต หลังกระดูกติดคอ ทำหายใจติดขัดเฉียบพลัน จนต้องผ่าตัดฉุกเฉิน ปัญหาเกิดจากอะไร เตือน รับประทานอาหารชิ้นใหญ่ ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนเสมอ
ถือเป็นอีกเรื่องอุทาหรณ์สำหรับใครที่ชอบเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ระวังอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างเช่นคุณยายท่านนี้ที่กินแกงนกสับ แล้วกระดูกดันติดคอจนต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้โพสต์เล่าถึงเคสดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ระบุ กินแกงสับนก (นกกวัก) จนติดคอ หายใจติดขัดเฉียบพลัน ผ่าตัดฉุกเฉิน
โดยเรื่องราวเกิดกับคนไข้เป็นหญิง 70 ปีเศษ ถูกนำส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ด้วยอาการจุกแน่นที่ลำคอ เจ็บคอ หายใจลำบาก น้ำลายฟูมปาก จากการซักประวัติทราบว่า หนึ่งชั่วโมงก่อน คนไข้กินอาหารเย็นกับครอบครัว มีเมนูแกงนกสับ ซึ่งใช้นกกวักเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร สับนกปนกระดูก ปั้นเป็นก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ผสมเครื่องปรุงแกงกะทิ
ระหว่างรับประทานใกล้จะหมดจาน เหลือนกสับชิ้นสุดท้าย คนไข้ตักใส่ปากแล้วกลืนลงไป แต่ทันใดนั้นรู้สึกได้ทันที ก้อนนกสับติดคอ เหมือนชิ้นกระดูกบาดคอ กินน้ำตามก็รู้สึกจุกเจ็บ ปั้นข้าวกลืนก็ติดจนต้องคายทิ้ง ยิ่งกลืนน้ำลายยิ่งจุกแน่นในคอขึ้นเรื่อย ๆ จนหายใจติดขัด จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์
เบื้องต้น แพทย์ใช้เครื่องมือส่องหลอดลมก็มองไม่เห็น จึงส่งเอกซเรย์พบเห็นเป็นก้อนเนื้อปนเศษกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ในส่วนลึกของลำคอ จึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก เตรียมความพร้อมเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
แพทย์ได้ใช้เครื่องส่องกล้องในหลอดอาหาร พบก้อนเนื้อนกสับขนาด 3.5 เซนติเมตร ติดแน่นที่หลอดอาหารส่วนบนและเบียดหลอดลมอยู่ แพทย์จึงใช้เครืองมือผ่าตัดสอดใส่ผ่านกล้อง คีบออกมาได้สำเร็จ
พบว่ามีชิ้นส่วนกระดูกที่มีคม ทิ่มแทงผนังหลอดอาหารจนเป็นแผลมีเลือดไหล หลายจุด หลังผ่าตัดต้องให้ยาต้านเชื้อระงับการอักเสบติดเชื้อตามมา โดยผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล 3 วัน กลับบ้านได้ ปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนของสิ่งแปลกปลอมมีคมติดค้างในหลอดอาหาร
อย่างไรก็ตาม คุณหมอทิ้งท้ายว่า แกงนกสับที่ใช้นกมาเป็นวัตถุดิบ มีชิ้นส่วนกระดูกต้องระวังให้มาก และขอย้ำว่าการรับประทานอาหารชิ้นใหญ่ ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนเสมอ
![อุทาหรณ์ กินแกงนกสับจนติดคอ]( "อุทาหรณ์ กินแกงนกสับจนติดคอ")
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat
ถือเป็นอีกเรื่องอุทาหรณ์สำหรับใครที่ชอบเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ระวังอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างเช่นคุณยายท่านนี้ที่กินแกงนกสับ แล้วกระดูกดันติดคอจนต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ได้โพสต์เล่าถึงเคสดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ระบุ กินแกงสับนก (นกกวัก) จนติดคอ หายใจติดขัดเฉียบพลัน ผ่าตัดฉุกเฉิน
โดยเรื่องราวเกิดกับคนไข้เป็นหญิง 70 ปีเศษ ถูกนำส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน ด้วยอาการจุกแน่นที่ลำคอ เจ็บคอ หายใจลำบาก น้ำลายฟูมปาก จากการซักประวัติทราบว่า หนึ่งชั่วโมงก่อน คนไข้กินอาหารเย็นกับครอบครัว มีเมนูแกงนกสับ ซึ่งใช้นกกวักเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร สับนกปนกระดูก ปั้นเป็นก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ผสมเครื่องปรุงแกงกะทิ
ระหว่างรับประทานใกล้จะหมดจาน เหลือนกสับชิ้นสุดท้าย คนไข้ตักใส่ปากแล้วกลืนลงไป แต่ทันใดนั้นรู้สึกได้ทันที ก้อนนกสับติดคอ เหมือนชิ้นกระดูกบาดคอ กินน้ำตามก็รู้สึกจุกเจ็บ ปั้นข้าวกลืนก็ติดจนต้องคายทิ้ง ยิ่งกลืนน้ำลายยิ่งจุกแน่นในคอขึ้นเรื่อย ๆ จนหายใจติดขัด จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์
เบื้องต้น แพทย์ใช้เครื่องมือส่องหลอดลมก็มองไม่เห็น จึงส่งเอกซเรย์พบเห็นเป็นก้อนเนื้อปนเศษกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ในส่วนลึกของลำคอ จึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก เตรียมความพร้อมเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
แพทย์ได้ใช้เครื่องส่องกล้องในหลอดอาหาร พบก้อนเนื้อนกสับขนาด 3.5 เซนติเมตร ติดแน่นที่หลอดอาหารส่วนบนและเบียดหลอดลมอยู่ แพทย์จึงใช้เครืองมือผ่าตัดสอดใส่ผ่านกล้อง คีบออกมาได้สำเร็จ
พบว่ามีชิ้นส่วนกระดูกที่มีคม ทิ่มแทงผนังหลอดอาหารจนเป็นแผลมีเลือดไหล หลายจุด หลังผ่าตัดต้องให้ยาต้านเชื้อระงับการอักเสบติดเชื้อตามมา โดยผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล 3 วัน กลับบ้านได้ ปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนของสิ่งแปลกปลอมมีคมติดค้างในหลอดอาหาร
อย่างไรก็ตาม คุณหมอทิ้งท้ายว่า แกงนกสับที่ใช้นกมาเป็นวัตถุดิบ มีชิ้นส่วนกระดูกต้องระวังให้มาก และขอย้ำว่าการรับประทานอาหารชิ้นใหญ่ ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนเสมอ
