สาวโดนกัดหน้า ฟาดปากแฟนเก่า ปมถูกกัดหน้าเหวอะ จี้ถามกัดทำไม เจรจาขอค่ารักษาเพิ่มจนกว่าจะหาย ฝ่ายชายบอกผมเป็นโรคซึมเศร้า
จากกรณีสาวรายหนึ่งร้อง "กัน จอมพลัง" ให้ช่วย หลังจากที่ถูกอดีตแฟนหนุ่มกัดหน้าจนเกิดแผลเหวอะหวะเสียโฉม ไปทำงานไม่ได้ อีกทั้งฝ่ายชายมีญาติเป็นตำรวจ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุด รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 24 มกราคม 2566 ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย มาพร้อม กัน จอมพลัง ที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้
- อายุเท่าไหร่ ?
บี : 30 ค่ะ อาชีพเป็นโมเดลลิ่ง และรับงานเอนเตอร์เทนด้วยเป็นบางครั้ง เรามีน้อง ๆ ในสังกัด
- ไปรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ไง ?
บี : เขาติดต่อหนูมาเรื่องเด็กเอนค่ะ เขาเพิ่งใช้บริการ 2 ครั้ง เราก็ส่งคนอื่นไปค่ะ แล้วเขาส่งข้อความมาเชิงจีบ คุย ๆ กัน แล้วก็ไปเจอกัน เขานัดเราไปเจอ ที่ไปเจอครั้งแรกไม่ใช่ฐานะลูกค้า เหมือนเริ่มดูใจ ไปเจอหน้ากันว่าเป็นยังไง
- ไปครั้งแรกเขาเป็นยังไง ?
บี : เขาก็ดีนะคะ มันดูไม่ออกค่ะ เขาดีทุกอย่าง หน้าตาดี คำพูดคำจาดีค่ะ จากนั้นเราก็คุยกันต่อ หนูอยู่พัทยา เขาอยู่พานทอง ชลบุรี จากนั้นก็คุยกันปกติ แต่ครั้งแรกที่ไปเขาก็ไม่ได้อยากให้หนูกลับ เขาอยากให้หนูย้ายไปอยู่กับเขาเลยตั้งแต่วันแรก หนูคุยตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องกลับ มันไม่ใช่เรื่องง่าย คุยกันไม่นานแล้วจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หนูพยายามบอกเขาแบบนี้ ครั้งแรกเขาก็ยอมค่ะ แต่มีเคือง ๆ นิดหนึ่ง
- ก่อนไปเจอเขามีการถามประวัติเขาไหม ?
บี : เขาไม่ได้ทำงานอะไร เขาเพิ่งออกจากเรือนจำค่ะ เห็นเขาบอกว่าเป็นคดีฉ้อโกงค่ะ เขาติดอยู่นานปีสองปี หนูจำไม่ได้ค่ะ
- เราก็ไม่ได้ติดใจตรงนี้ ?
บี : ใช่ค่ะ หนูรู้สึกสงสารเขาด้วยซ้ำไป ไม่ได้ติดค่ะ
- จากนั้นเป็นยังไง ?
บี : ก็คุยกันเรื่อย ๆ แล้วไปเจอกันอีกครั้งที่ 2 ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ก็ผ่านไป จนครั้งที่ 3 หนูไปทำงาน เลิกงานมาก็กลับไปหาเขา เขาก็ชวนไปบ้านอาเขาต่อที่ชลบุรี ชวนไปดื่มค่ะ หนูดื่มนิดหนึ่งแล้วก็ไปนอน เพราะหนูไปทำงานมา เขาก็ดื่มสองคนอาหลานเขา พอตอนเย็นหนูตื่นเขาก็เรียกหนูไปนั่งดื่มด้วยนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ดื่มเยอะ หนูมีสติสัมปชัญญะครบ เสร็จแล้วหนูก็อยากอาบน้ำ เพราะหนูไม่ได้อาบน้ำเลย หนูก็บอกว่าหนูจะกลับ เขาก็คิดว่าหนูจะกลับพัทยา นั่นแหละค่ะที่ทำให้เขาโกรธ ความจริงหนูจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องเขานั่นแหละ ให้เขาตามไปทีหลัง หนูอยากอาบน้ำแล้ว เขาคิดว่าหนูจะกลับพัทยา ไม่อยู่กับเขา ตอนนั้นพูดอะไรไปเขาไม่ฟังเลย หนูก็บอกว่าจะ 2 ทุ่มแล้วนะ เพราะนัดจะกลับ 2 ทุ่ม เขาก็รัดแข้งรัดแขน เหมือนกอดดึงไว้ไม่ให้ไป
- ต่อหน้าอาไหม ?
บี : ใช่ค่ะ เขาบอกว่าอาเป็นตำรวจค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงว่าจะกลับไปอาบน้ำทำไมต้องรัดอะไรขนาดนั้น หนูเข้าใจว่าเขาจะดื่มต่อ ก็โอเค ให้เขาดื่มต่อ แต่หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะกลับนั่นแหละ เขาก็โกรธคิดว่าหนูจะกลับพัทยา พอเขาออกมาจากห้องน้ำเขาก็ผลักหนูบนเตียงแล้วนั่งคร่อมหนู แล้วพูดว่าหนูจะกลับใช่ไหม
- เขาด่าไหม ?
บี : ครั้งแรกเขาบอกว่าจะกลับใช่ไหม แย่งโทรศัพท์หนูไป หนูพยายามดันตัวเองบอกให้ปล่อย เขาบอกว่ามึงพูดมาว่ามึงจะไม่อยู่กับกู มึงจะไปทำงาน มึงจะกลับ หนูก็พูดเพราะไม่งั้นก็ไม่ได้ซะที มันไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วเขาก็บีบคอหนู หนูหายใจไม่ออกจะตายแล้ว เขาก็ปล่อย แล้วกัดตรงจมูกหนู กัดเหมือนหมาพิตบูล กัดแล้วส่ายหัว
- เหมือนจะให้จมูกขาดเหรอ ?
บี : เกือบขาด เกือบฉีกแล้วค่ะ ตอนนั้นเลือดไหลเยอะมาก พอกัดเสร็จเขาก็ลุกขึ้น แล้วก็เดินออกไปหาน้าเขา ก็ยังไปคุยกับน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังขำกับน้า หนูก็นั่งงง ๆ เอากระดาษทิชชูซับเลือดค่ะ
- ตอนนั้นอาเขาว่ายังไง ?
บี : อาเขายังไม่เห็น เขานั่งคุยกันอยู่ข้างนอก หนูก็ออกไปเรียกรถให้มารับ อาเขาก็เห็นว่าหน้าหนูเป็นสภาพนี้ เขาก็บ่น ๆ ว่า ๆ หลานเขา แต่ไม่ได้ว่ารุนแรง เหมือนมีการให้ท้ายกันอยู่ค่ะ อาเขาวิดีโอคอลหาคนที่เขาบอกว่าผู้กำกับค่ะ หนูหันไปมองแป๊บหนึ่งก็ก้มลงต่อ สารวัตรเขาก็พูดว่าธรรมดา
- เหตุที่หนักที่สุดที่ไม่ไหว ไปร้องคุณกันคืออะไร ?
บี : หนูต้องการให้เขาชดเชยค่าเสียหาย หน้าหนูเริ่มเป็นเยอะแล้ว ต้องการให้เขาจ่ายรักษา ครั้งแรกหนูไม่ได้ติดใจอะไร แต่ครั้งนี้มันหนักมาก หนูกลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมด้วย เพราะอาเขาเป็นตำรวจค่ะ
- ที่หนักมากคืออะไร โดนอะไรมา ?
บี : ครั้งสุดท้ายหนูโดนเขากัดอีกค่ะ มันเป็นวันปีใหม่พอดี เขาชวนหนูดื่ม แต่หนูไม่ดื่ม เขาก็ตามหลังเข้ามาในห้อง ด่าอะไรก็ไม่รู้ ด่า ๆ จนหนูไม่พอใจแล้ว หนูเลยถือโทรศัพท์มาจะเรียกรถกลับ เขาก็ก้มตามหลังหนูมา หนูก็เข้าใจว่าเขาจะมาหอม แต่เขากัดปากแล้วปล่อย เลือดออกเลยค่ะ ปากแทบจะแหว่งค่ะ จากนั้นหนูก็ตกใจ ถามว่าทำ ทำไม หนูทำอะไรผิด เขาก็เดินเข้าไปในห้อง คิดว่าเขาจะไปเอาทิชชูมาซับเลือดให้ แต่เปล่าค่ะ เขาไปล็อกห้อง แล้วดิ่งมาหาหนูเลย บีบคอหนูเลย ไม่พูดอะไรเลย แล้วดันหนูเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็กัด ๆ ๆ ๆ หน้าค่ะ มีจังหวะหนึ่งเหมือนเขาหยุดมองดูหน้าหนู
- เขากัดที่ไหนบ้าง ?
บี : ตรงตาค่ะ แล้วตรงปาก จมูกมันไม่โดน โดนขอบ ๆ ตรงแก้มแทน แล้วขอบปากเป็นเยอะมาก
- จากนั้นคุณติดต่อเขาอีกไหม ?
บี : ก็มีติดต่อ เพราะเขาส่งข้อความมาง้อ มาพูดดี สัญญานั่นนี่โน่น หนูก็ใจอ่อนค่ะ ก็กลับไปคุยกับเขา แต่ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปคบค่ะ ที่คุยเพราะเขาบอกว่าเขาออกมาจากตรงนั้นเลย เขาทะเลาะกับครอบครัวเขาค่ะ เพราะญาติพี่น้องเขาไม่เอา
- ทำไมยังกลับไป ?
บี : ใจอ่อนค่ะ สงสาร
- วันนี้ล่ะ ทำไมออกมาร้องคุณกัน ?
บี : จริง ๆ หนูตั้งใจจะดำเนินคดีกับเขาอยู่แล้วตั้งแต่ตอนแรก เพราะหนูไม่ยอม หนูจะไม่เอาแล้วตั้งแต่ตอนแรก อยากให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่ทำด้วย ครั้งแรกเขาไม่ได้รับผิดชอบ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ถามไถ่ ไม่ได้มีความสำนึกค่ะ ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความสงสารค่ะ
- "คุณเอ" อดีตแฟนคุณอยู่ในสาย คุณเป็นคนกัดจมูก กัดหน้า กัดตา น้องคนนี้ ?
เอ : ตรงตานี่ก็สงสัยอยู่นะ
- คุณเป็นคนกัดใช่ไหม ?
เอ : ผมเป็นคนทำ และได้ชี้แจงไปแล้ว
- กัดหรือไม่กัดหน้าเขา ?
เอ : ทำครับ
- เรื่องราวของคุณเกิดอะไร ?
เอ : ตั้งแต่คบกัน ผมให้เขามาหาผม ผมคิดว่ามันอาจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันได้ พยายามบอกเขาตลอด ผมเพิ่งออกมาจากข้างใน ก็อยากเริ่มต้นกับใคร อยากมีชีวิตคู่ ก็เหมือนที่เขาส่งข้อความมาหาผมนั่นแหละ เขาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้เต็มที่อะไรกับเรา ที่ผมทำไปเป็นเรื่องที่ผมยอมรับว่าผิด ผมผิดแน่นอน แต่ที่มาที่ไปมันมี คือเขาเอง ผมพยายามพูดบอกตลอดก่อนที่จะมาใช้ชีวิตด้วยกันว่าผมต้องการแบบไหน ผมต้องการคนเป็นคู่ชีวิต และเต็มที่แบบนี้ ๆ นะ แล้วเหตุการณ์ที่มันเกิด ที่บอกว่าผมบอกให้เขาไปกินเหล้ากับผม แล้วผมไปวีนเขา มันไม่ใช่แค่นั้น มันสะสมหลายอย่าง เขาเป็นคนที่ใช้คำพูดไม่ดี
บี : พูดไม่ดียังไงคะ คนพูดไม่ดีเป็นคุณมากกว่านะคะ
เอ : เขาจะเป็นผู้หญิงใช้คำพูดที่พูดอะไรด้วยอารมณ์ตลอด
บี : เหรอ พูดด้วยอารมณ์เหรอคะ มีแต่ฉันที่บอกให้คุณพูดจาดี ๆ คำว่าควาย เหี้- สัต- โคตรพ่อโคตรแม่ มันสมควรพูดไหม มันเริ่มต้นพูดก่อนทั้งนั้น
เอ : เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน
บี : ตลก
เอ : เขาก็พูด แต่พอผมพูด ผมก็กลายเป็นคนผิดทันที
บี : มันเกี่ยวอะไรกับแผล ถึงมาทำแบบนี้
- แล้วไปกัดเขาทำไม ?
เอ : เหตุการณ์ที่เกิดวันนั้น ผมก็นั่งดื่มด้วย ผมชวนเขาดี ๆ แต่เขาทำหน้าเครียดมาก ทำแย่ ทำพฤติกรรมที่ไม่ได้เต็มที่กับเรา มันสะสมมาหลาย ๆ เรื่อง หลาย ๆ อย่าง ผมบอกเขาแล้วว่าต้องการแบบไหน แต่เขาต่อต้านตลอด เขาบอกกูจะไปอยู่กับมึง แต่กูจะทำตัวแบบนี้ ทำไมเหรอ ทำนองนี้ ผมบอกเขาตลอด ถ้าคุณไม่พร้อมคุณไม่ต้องมานะ คุณอยู่ที่ของคุณไปเลย
บี : คำพูดพวกนั้นคุณคิดไปเอง ไม่เคยพูดเลยนะ ที่บอกว่าทำหน้าตาไม่ดี พยายามบอกตลอดทั้งวันว่าเครียดเรื่องแม่ แต่คุณไม่ได้สนใจ เพราะคุณดื่มตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว คุณเมาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วบังคับให้เราไปนั่งด้วย เราก็ไปนั่ง
เอ : ผมไม่ชอบคำว่าบังคับมาก เพราะเขาไม่มา ไม่ดื่ม ผมก็ไม่อะไรเลย ถ้าไม่เต็มที่ คุณไม่อยู่กับเราก็ได้ ผมบอกเขาตลอด บอกตั้งแต่ต้น แต่วันนั้นสะสมหลายอย่าง เหมือนเขาไม่เอาอะไรแล้ว ไม่โอเคอะไรแล้ว ผมก็เลยเข้าไปหาเขาที่ห้อง
- ไปกัดหน้าเขาทำไม ?
เอ : ผมคิดว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแบบนั้น มันเกิดจากอารมณ์ผมตอนนั้น ผมผิดเลย ผมยอมรับเลยว่าผมผิด อารมณ์ผมตอนนั้นมันไม่ไหว เขาไม่อะไรเลย เขาไม่ฟังคำพูดผมสักอย่างเดียว มันเป็นอารมณ์ผมเลย ผมยอมรับว่าผิดเลย แต่ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ได้อยู่ ๆ จะเป็นแบบนั้น แล้วที่บอกว่าผมไปล็อกประตู มันไม่ได้หมายความว่าผมจงใจจะไปทำร้ายเขาแบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว ผมปิดประตูห้องเพราะไม่อยากให้คนข้างนอกรู้ว่าทะเลาะกัน
บี : ไม่ได้ทะเลาะอะไรเลยนะคะ
เอ : พี่ไปถามข้างห้อง เคยมีเหตุการณ์ที่เขาทะเลาะกับผม ผมบอกให้เขากลับไป ครั้งนั้นเขาเขวี้ยงกระเป๋าใส่ผม โวยวายเสียงดังมาก
- คุณจะบอกว่าคุณทนพฤติกรรมเขาไม่ไหว เลยกัดหน้าเขา ?
เอ : ถ้าเหตุการณ์วันนั้น ไม่ใช่ทนพฤติกรรมเขาไม่ไหว แต่คิดว่าความรู้สึกผมคงไม่เหลืออะไรแล้ว คิดว่าเขาคงไม่น่าจะอะไรกับเราแล้ว มันเลยหลุดไป ผมบันดาลโทสะไปเพราะผมเมาด้วย ผมยอมรับแบบนี้ดีกว่า
- คุณโกรธเพราะเขาจะไม่อยู่ตรงนั้น ?
เอ : ไม่ใช่นะ ผมเป็นคนบอกเขาตลอด เมื่อไหร่ที่เขาบอกจะไป ผมก็ไม่เคยรั้งเขาไว้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถามเขาได้เลย ไม่มีสักครั้งเดียวที่จะรั้งเขา
บี : ตอแหลมากเลย พูดออกมาดูหล่อมาก เอาความจริงมาพูด รู้อยู่แก่ใจไหม ถามหน่อย
เอ : ผมไม่ได้หลงตัวเอง มีหลักฐานหมด
บี : อายไหม
กัน : น้องเอกัด เพราะคุยกันไม่ลงตัว เมาด้วย กลัวเสียเขาไป
เอ : ผมไม่เคยกลัวเสียเขาไป ถ้าเขาจะไปผมปล่อยเขาไปเลย ผมไม่เคยรั้งเขาเลย มีหลักฐาน ทุกครั้งที่คุยกันในเฟซบุ๊ก มีหลักฐานตรงนี้อยู่ ผมแคปให้พี่นักข่าวหมดแล้วว่าเวลาเขาคุยกับผมเขาพูดยังไง
กัน : เราพร้อมปล่อยเขาไป ถูกไหม แต่วันนั้นที่กัด เราปล่อยเขาไปทั้งที่สภาพหน้าเละ ๆ แบบนั้นถูกไหม อยากให้ไปแบบมึงเลิกกับกูแล้วหน้ามึงต้องเละเลย ถูกไหม
เอ : ไม่ใช่ครับ คุณกำลังกล่าวหาผม
กัน : ผมกำลังถามว่าคุณกัดเขาทำไม คุณก็ตอบดิ
เอ : ผมอธิบายไปแล้วว่ามันหลาย ๆ เรื่อง
บี : ทำไมไม่มาคุยกันที่นี่
เอ : เรื่องชวนไปดื่มเหล้าแล้วไม่ไปดื่ม มันไม่ใช่ มันมีอะไรมากกว่านั้น ผมก็ยอมรับแล้วว่าผมผิด ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกนะ
- สิ่งที่คุณพูดไร้สาระมาก เป็นเรื่องคุณหลังบ้าน แต่ที่กำลังคุยตอนนี้คือคุณกัดเขาทำไม จะแก้ไขยังไง ช่วยเหลือยังไง ส่วนคุณบีไม่ต้องไปเถียงเขาเยอะ ถ้าต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพูดกันแบบนี้ ไม่งั้นไม่จบหรอก ?
เอ : ผมไปอ่านข่าวสั้น ผมรู้สึกว่ามันบิดเบือนข้อเท็จจริงเกินไป ผมไม่ใช่ซาดิสต์ถึงขนาดนั้น
- คุณเคยกัดแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นไหม ?
เอ : ไม่เคย ผมเคยทะเลาะกับแฟน แต่เป็นบางคนที่มีปัญหากับเขา
- สรุปบางคนที่ทำ ?
เอ : เคยมีเกิดขึ้นครับ แต่ไม่ใช่ทุกคนนะ
- เราไม่ต้องการผัวเมียทะเลาะกันออกสื่อ วันนี้คุณเป็นแค่แฟน แล้วแยกย้าย คุณต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมเขากัดหน้าคุณ ต้องการเรียกร้องค่าเยียวยารักษา ส่วนฝั่งผู้ชาย ต้องการเยียวยาเขายังไง ?
เอ : เหตุเกิดวันที่ 2 มกราคม แต่วันที่ 4 มกราคม ไปคุยกับพนักงานสอบสวนแล้ว แม่ผมเป็นคนไป ผมไม่ได้ไป ทำบันทึกข้อตกลงกันว่าจะชดใช้ค่าเยียวยา เขาเรียกมา 5 หมื่น แม่ผมต่อรองเหลือ 4 หมื่น เขาจะให้ผมโอนให้สัปดาห์ละ 5 พัน เริ่มทุกวันศุกร์ ผมก็โอนไป 2 งวดแล้ว มันเหลือ 3 หมื่น ผมก็คิดว่าเขาคงไปทำเลเซอร์หน้าแหละถ้ายังเป็นรอย หลังเกิดเหตุผมก็ยังอยู่กับเขา แต่ผมก็โอนเงินให้แม่ผมปกติ ไม่ใช่ว่าอยู่กับเขาแล้วไม่ได้โอน
- เขาจ่ายให้คุณไหม ?
บี : จ่ายมาหมื่นนึงค่ะ ค่ารักษามันเกินอยู่แล้วค่ะ เพราะตอนนี้เป็นแผลคีลอยด์ มันไม่พออยู่แล้ว เขาไม่ได้ให้เป็นก้อนด้วย
เอ : เขาให้ผมโอนให้แม่ผม แล้วให้แม่ผมโอนจ่ายให้เขา ผมก็โอนให้ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าค่าใช้จ่ายจริง ๆ แล้วต้องเท่าไหร่ เพราะตอนเขาไปทำบันทึกกันไว้เท่านี้ แล้วเขามาบอกให้ผมจ่ายแบบนี้ ๆ
- จะเอาเท่าไหร่ ?
บี : กว่าจะหายเลยได้ไหมคะ
- 4 หมื่นที่เคยทำข้อตกลง ไม่เอาแล้ว ?
บี : ค่ะ ขอเฉพาะค่ารักษาจนกว่าแผลจะหายได้ไหมคะ
- ค่าอย่างอื่นไม่เอา ?
บี : ไม่เอาค่ะ เอาค่ารักษาตามจริง เอาบิลไปเบิกค่ะ
- ได้ไหม ?
เอ : ได้นะ แต่ผมไม่ได้มีรายได้อะไร ผมจ่ายสัปดาห์นึง 5 พัน ผมพร้อมได้ประมาณนี้ เดือนนึงผมต้องรับผิดชอบตรงนี้รวม 2 หมื่น แต่เขาจะเอามากกว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่ายอดเต็มที่ที่แผลจะหายมันเท่าไหร่ แต่ผมสะดวกให้ได้ประมาณนี้ เต็มที่ของผม
- คุณไปร้องขอเพิ่มแล้วเขาไม่ให้แล้ว ?
บี : เขาคงไม่ให้แล้วค่ะ เพราะเขาบอกว่าให้ได้แค่นี้
เอ : เขาไม่เคยมาเรียกร้องเพิ่ม ขนาดอยู่ด้วยกันผมออกจากคอนโดเขา วันที่ 21 ที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยบอกอะไรส่วนตัวกับผมเลยว่าจะขอเพิ่มหรืออะไร
บี : ตอนนี้ตั้งใจจะดำเนินคดีด้วยค่ะ จริง ๆ ตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะดำเนินคดี ไม่เคยบอกเขาว่าหนูจะยอมความนะคะ
กัน : ในส่วนที่น้องเอจ่ายค่าบรรเทาเยียวยาก็ต้องแยกกันกับส่วนของการกระทำ
- เอจะดูแลเขาได้ไหมจนกว่าใบหน้าเขาจะหาย ?
เอ : ผมชี้แจงไปแล้วว่าผมให้ได้สัปดาห์จะ 5 พันเท่านั้น จริง ๆ เราทำบันทึกข้อตกลงกันไปแล้ว หลังทำบันทึกข้อตกลง เขาเป็นคนบอกผมเองว่าอยากให้มันจบ ๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาความอะไร เขาบอกผมผ่านเฟซบุ๊กเอง เขาบอกตั้งแต่วันนั้นด้วยซ้ำ
บี : จะจริงได้ไง หนูบล็อกเขาเลย ไม่ตอบอะไรเลยเรื่องข้อความ
เอ : เขาไม่ได้บล็อก
บี : มันคนละวันกันหรือเปล่า ถามหน่อย
เอ : วันนั้นผมไปเซเว่นฯ เขาทักแชตมา บอกผมเองว่าห้ามผิดนัด ไม่อยากเอาความอะไร
บี : ขอหลักฐานหน่อยได้ไหม
- คุณให้ได้อาทิตย์ละ 5 พัน ตกเดือนนึง 2 หมื่น ค่ารักษากว่าหน้าจะหาย อาจกินเวลาไป 6-7 เดือน เอยินดีจ่ายไหม ?
เอ : ผมไม่มีลิมิตไว้ ก็จ่ายให้เขาไปก่อน จริง ๆ ผมก็อยากทำข้อตกลงว่า 4 หมื่นหรืออะไร แต่ถ้าพูดมาแบบนี้ผมไปต่อไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาย แล้วเขาจะเรียกไปถึงไหน ให้จบยังไง
กัน : เขาก็เอาที่รักษามาเบิกไง ไม่ได้มาเบิกปากเปล่า เบิกลอย ๆ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้อยากได้ 3 พัน 5 พัน แต่ก็พึงคิดไว้ด้วยนะ แผลที่อยู่บนหน้าเขามันก็มาจากปากเรา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มีแผลเกิดขึ้นที่หน้า ถ้าเราเยียวยาเขาตามที่บิลมันมา พี่ก็มองว่าสมเหตุสมผล ส่วนที่ทำบันทึกข้อตกลงไว้ 4 หมื่น มันเป็นการบรรเทาผลร้าย เราทำเหตุไปแล้ว เหมือนคนแทงคน บอกว่าทำไมจ่ายไป 5 หมื่นไม่จบ มันไม่ใช่ อย่างน้อยดีกับเราด้วย
เอ : ตอนนั้นผมเองไม่ได้ไปพบพนักงานสอบสวน เขาเป็นคนบอกแม่ผมว่าไม่ต้องเอาใบบันทึกนี้ให้ผมดู ผมเข้าใจว่าถ้าจ่ายเงินไปแล้วก็สิ้นสุดกันไป ก็จบกันไป พอคุยกับเขาก็อยู่กับเขาได้ต่อ ถ้าผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าดำเนินคดีอาญาต่อ ผมก็ไม่ต้องไปอยู่กับเขา ผมออกมาทำงาน แล้วเอาเงินไปเยียวยา ไปวางศาลไม่ดีกว่าเหรอ
กัน : ที่เราไปอยู่กับเขา เพราะไม่อยากให้เขาดำเนินคดีกับเราเหรอ
เอ : ไม่ใช่ คือผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังว่าจะเป็นแบบนั้นบ้าง แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนผมอยู่กับเขาผมก็จ่ายเงินปกติสัปดาห์ละ 5 พัน
กัน : เอรักเขาไหม
เอ : ตอนนี้ผมก็ยังรักเขา ไม่ได้โกรธเขา
กัน : คุณบีรักเขาอยู่ไหม
บี : ไม่ค่ะ ไม่มีทางกลับไปคืนดี
เอ : ผมรักเขา แต่ผมอยู่กับเขาไม่ได้ ผมอึดอัด ต่อให้ผมรู้สึกกับเขาก็อยู่กับเขาไม่ได้ ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้เหมือนกัน
- จริง ๆ แล้วคุณเอเคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น ?
เอ : ผมไม่เคยกัดผู้หญิงคนอื่น แต่ที่เคยทะเลาะ แบบลงไม้ลงมือ มันเคยมี แต่ไม่ได้ไปกัด ไม่มี
- คุณทำร้ายถึงขั้นไหน ?
เอ : มีตบ ทะเลาะกันลงไม้ลงมือ เรื่องมันนานมาแล้วพี่
- เรามีอารมณ์รุนแรง ?
เอ : ไม่ใช่ครับ ถามว่าผมเซนซิทีฟไหม ทุกวันนี้ผมป่วยซึมเศร้า ก็ยังรักษาอยู่ คำพูดที่จี้ความรู้สึกเราก็ใช่ แต่ผมไม่ได้ทะเลาะเขาตลอด ผมไม่ได้ใจร้อนอะไรขนาดนั้นเลย ผมอาจจะหลุดไปบ้าง
- เวลามีเซ็กส์ชอบกัดไหม ?
เอ : ไม่ครับ ไม่เคยครับ ถามเขาดูได้
- เขากัดเราไหม ?
บี : ไม่ค่ะ
- มันไม่ใช่เรื่องรสนิยม เป็นภาวะทางจิตหรือเปล่า ที่เวลาโมโหแล้วทำร้าย เคยปรึกษาหมอไหม ?
เอ : เคยครับ หมอที่รักษาผมอยู่ พูดทำนองว่าผมพยายามเข้าสังคมหน่อยนะ ผมไม่ได้มีอาการรุนแรง แต่ที่มันหลุดไป ผมว่าผมบันดาลโทสะมากกว่า คบใครก็ไม่ได้อยากทะเลาะ
กัน : หมอไม่ได้ลงว่าผิดปกติ มีอาการทางจิตรุนแรง ชอบใช้กำลัง
เอ : หมอลงว่าผมเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า
กัน : คิดว่าอารมณ์ที่ฉุนเฉียว มีอาการแบบนี้ คิดว่าเป็นอาการทางจิตหรือสันดานเราเอง
เอ : ผมบันดาลโทสะมากกว่า กับคนอื่นที่ผ่านมาก็เหมือนผัวเมียทั่วไปที่ทะเลาะกันแหละพี่ ผมก็ไม่ได้อยากทะเลาะเลย ผมไม่มีความสุขเลย ผมเอาเขาเข้ามาในชีวิตเพราะอยากมีความสุข ไม่ได้อยากทะเลาะ
กัน : ทำเคสผัวเมียมาเยอะมาก ไม่มีผัวเมียที่ไหนรักกันด้วยหมัด ศอก เข่า กัดหน้า ถ้าเรารักเขาจริง เราเห็นคนที่เรารักเจ็บเราโอเคเหรอ
เอ : ไม่โอเคนะครับ ที่เกิดเรื่องรอบแรก ไม่ใช่ผมไม่สนใจเขา แต่เขามาหาผม ผมพยายามมอง ๆ ดู ๆ อยู่ แต่ผมอาจไม่ค่อยพูด แสดงออกไม่ค่อยเป็น ไม่ใช่ผมไม่สนใจเขา
กัน : ภาพที่เห็นจากบาดแผล เอแสดงคำว่ารักไม่ถูก เอกำลังแสดงความรุนแรงออกมา
เอ : มันเป็นแค่บางครั้ง
กัน : แต่ผู้หญิง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือใบหน้า ทุกคนรักหน้าตาตัวเองหมด เอก็รู้ว่าเขาทำงานเกี่ยวกับการใช้หน้าตา
เอ : เขาบอกเขาส่งเด็กให้ลูกค้าอย่างเดียว ไม่ได้ทำงานเอง แต่พอทะเลาะกันเขาก็ไปทำงานนั้นบ้าง ก็เกิดเรื่องสะสมขึ้นมา ผมเข้าใจตลอดว่าเขาไม่ได้ไปลงงานเอง
- พยายามคิดในมุมเอก็ยังหาจุดไม่เจอ อันดับแรก เข้าใจแต่ละคนจะมีมุมมอง ?
เอ : พี่ให้ผมมาสัมภาษณ์ พี่ต้องการอะไร
- คำตอบง่าย ๆ อยากฟัง 2 เรื่อง แต่ประเด็นที่พูดออกมามันเหมือนเอไม่ยอมลงให้ใคร แม้แต่นิสัยที่พูดคุยกัน ?
เอ : ผมจะบอกว่าผมสำนึกผิดในสิ่งที่ผมทำลงไป ที่ผมทำลงไปมันผิด มันไม่ควรใช้วิธีแบบนี้แก้ปัญหาเลย ถ้าเกิดว่าคบกันแล้วไม่โอเค เราควรปล่อยเขาไป ก็ควรเป็นแบบนั้น แต่ที่อึดอัดมาตลอด ต่อให้เขารู้ว่าไม่โอเค เขาก็เอาตัวเองมาอยู่ในจุดของผมอยู่ดี มันอึดอัด ผมก็แค่อยากอธิบายตรงนั้น
กัน : เขาไม่โอเค แต่เขาทนอยู่เองเหรอ
เอ : ไม่ใช่ครับ บางครั้งผมก็เอ่ยปากชวนเขามา แต่ตอนนั้นเราคิดว่าเขาอาจไม่ได้เป็นคนคิดแบบนี้ ใช้คำพูดแบบนี้ ใช้คำพูดซัพพอร์ตเราบ้าง ทั้งชีวิตผมมีแค่แม่คนเดียว ถ้าไม่มีแม่ชีวิตผมจบเลย ผมตัวคนเดียว เวลาเกิดเรื่องแบบนี้ไม่มีใครมองผมดีทั้งนั้น ผมแค่อยากบอกว่าผมสำนึกผิดในสิ่งที่ผมทำลงไป มันผิดแน่นอน ไม่ใช่ไม่ผิด แต่ผมอึดอัด
กัน : ถ้าเขาเอาบิลรักษามาเบิกกับเรา เราโอเคไหม
เอ : ผมไม่ได้มีเงินก้อนสำรองไว้
- ค่ารักษาแต่ละเดือนอาจไม่ถึง 2 หมื่นก็ได้ เพราะเขาเบิกตามจริง ไม่ใช่เขาจะมาเรียกเอเดือนนึง 3-4 หมื่น เพราะในการรักษา เชื่อว่าถ้าหมอต้องเย็บ อาจมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นก็ว่ากันไป แต่เฉลี่ยกันจ่าย แต่สุดท้ายก็คุมอยู่ในจำนวนนี้ จาก 4 หมื่นที่ต้องจ่ายอาทิตย์ละ 5 พัน บางทีอาจแค่ 3 หมื่นก็ได้ หรืออาจ 6 หมื่น แต่อยู่ในวงจำกัดของมัน ไม่มีทางที่เขาไปเรียก 3 ล้าน 8 ล้าน เพราะเขาเรียกค่ารักษาตามจริง แล้วมันสมควร เวลาเราทำอะไรกับใครสักคน ไปทำเขาหน้าเสียโฉมแบบนี้ แล้วเขาไม่ได้เรียกร้องค่าทำมาหากินเขาด้วยนะ เขาแค่ขอค่ารักษาใบหน้า แล้วเอาบิลมาเบิก แล้วแยกย้าย แค่นั้นเอง ?
กัน : ไหวไหม
เอ : ไหว ๆ ผมมีลิมิตของผม ผมไม่ได้มีเงินก้อนสำรอง แต่ว่าถ้าเกิดจ่ายไปจนกว่าหน้าจะหาย ไม่ได้มากมายอะไร ก็ดูแลเขาได้ ผมจะพยายามแล้วกัน ต่อให้ไม่ออกรายการ ไม่เป็นเรื่องใหญ่ ผมก็โอนเงินให้แม่ผมตรงวันอยู่แล้ว
- คุณโอเคไหม ถ้าเขายินดีจะรักษาให้คุณจนกว่าคุณจะหาย ?
บี : โอเคนะคะ แต่ส่วนคดีก็จะดำเนินการต่อ
กัน : เรื่องคดีก็เรื่องคดี เรื่องเยียวยาก็เยียวยา เอเยียวยาจนเขาหายก็ยิ่งเป็นผลดีกับเอนะ
เอ : ตรงนี้ผมทราบแล้วครับ
กัน : เรื่องนี้เราปล่อยผ่านไม่ได้ มันเป็นการดัดนิสัยเอด้วย เอจะได้ไม่กล้าไปทำแบบนี้กับใครอีก ไม่ใช่โมโหตบ โมโหตี ถ้าเราโดนบ้างเราก็เจ็บนะ ลองนึกถึงพ่อแม่เขาด้วย พ่อแม่เขารู้ก็เสียใจ พ่อแม่เราเห็นว่าเราโดนเขาก็เสียใจเหมือนกัน
เอ : เข้าใจครับ จะพูดประมาณนี้ใช่ไหมครับ ผมคิดว่าผมจะอธิบายอะไรได้ ก็เอาเป็นว่าผมรับทราบแล้วครับ
- ครั้งที่ 3 คุณนั่งกินเหล้ากับอาที่เป็นตำรวจ เขาบอกจะไปอาบน้ำ แต่คุณไปกัดเขาจริงไหม ?
เอ : ตอนนั้นเขาบอกจะไปทำงาน ไปเป็นเด็กเอน เขาพูดกลับไปกลับมา ผมไม่เคยเจอแบบนี้ มาด้วยกันก็นั่งด้วยกัน ก็กลายเป็นว่าสรุปเขาจะเอาแต่นอนอย่างเดียว เพราะเขาส่งลูกค้า ทำงานดึก ๆ ช่วงกลางวันจะนอนอย่างเดียว
- วันที่เอจะคบกับเขา รู้ไหมเขาทำอาชีพนี้ ?
เอ : ฟังก่อนนะครับ ผมไม่เคยรู้ว่าเขาทำเด็กเอน ผมไปเรียกเด็กเอนกับเขา เพราะเขาเป็นโมเดลลิ่ง เขาไม่ได้รับงานเอง แต่พอทะเลาะกันทีไรเขาบอกเขาจะไปทำงาน ๆ
บี : คุยไปได้สักพักไม่เจอหน้ากัน ก็มีบอกเขาว่าหนูมีไปรับงานเองบ้าง หนูบอกเขานะคะ ตอนอยู่บ้านอา หนูบอกว่าจะไปทำงาน แต่คุยกันแล้วว่าไม่ได้ไป จะกลับพัทยาด้วย คุยกันแล้ว มันเป็นข้ออ้างของเขาเอง
- เขาถามว่าคุณไม่ได้บอกเขาว่าเป็นเด็กเอนตั้งแต่แรกจริงไหม ?
บี : วันแรกไม่ได้บอกค่ะว่าไปทำงานเอง แต่หลังจากนั้นมีบอกค่ะ
เอ : เขาบอกว่าถ้าเขาอยู่กับผมเขาจะไม่ทำงานเลย
บี : ไม่จริงค่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หนูก็ไปทำงานของหนูบ้าง
เอ : ตั้งแต่คุยกันมา เขาบอกจะไม่ทำเลย แล้วบางทีเขามาหาผม ไปดื่มกับลูกค้ามาเสร็จ 6 โมงก็นั่งรถมาอยู่กับผมที่ห้อง สภาพเมา ๆ แล้วพูดตรง ๆ ไปอัปมาบ้าง เพราะมีงานอัปด้วย ผมพูดแค่นั้น
- ถ้าวันหนึ่งเจอผู้หญิงแบบนี้อีก เอเลิกไปเลย ?
เอ : ผมจะไม่คบเขาเลย ผมคิดแค่นั้นเลย
กัน : ปกติเอหาแฟนเป็นเด็กเอนไหม
เอ : ไม่ครับ ผมไม่ได้คิดจะคบเด็กเอนเป็นแฟนครับ มีเขาคนเดียวที่เป็นโมฯ แล้วผมเข้าใจว่าเขาไม่ได้รับงาน แต่ต่อไปไม่คบเลยดีกว่า ผมรับไม่ได้ตอนที่เราคบกันแล้ว ได้กันไปแล้ว แล้วไปทำงานแบบนี้ ที่เขาเคยไปทำมาก่อนคบผม ผมไม่ได้วอรี่ ไม่ได้มายด์เลย
- คุณไปบงการชีวิตใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เราแค่มอง ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา แล้วอย่าไปทำร้ายเขา ?
เอ : ถูกต้องครับ แต่พอเป็นแบบนี้มันก็สะสม ผมทำไปผมผิดเลย
- บีอยากพูดอะไร ?
บี : ดีใจมากที่ได้ออกมาจากชีวิต บอกตรง ๆ
กัน : คนรักกันคงเห็นคนที่รักบาดเจ็บไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้ได้แสดงว่าไม่ได้รักกัน
- เชื่อพี่สักครั้ง ให้ไปปรึกษาแพทย์ ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคจิต เป็นคนไม่ดี แต่ถ้าคนเรามีภาวะที่คนทัก ลองไปดู อย่างน้อยหาคำตอบให้ตัวเองได้ ไปหากระจก แล้วจะผ่านไปได้ ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายก็ว่ากันไปตามกฎหมาย การเยียวยาก็ว่ากันไปตามที่เขาขอ คุณก็อย่าไปยั่วโมโหเขา จะได้จบ ?
บี : ไม่แล้วค่ะ
กัน : จะกลับมาดีกันไหม
เอ : คงไม่ครับ
บี : หล่อมากเลย สุดยอด อยากพูดคำหยาบมาก
จากกรณีสาวรายหนึ่งร้อง "กัน จอมพลัง" ให้ช่วย หลังจากที่ถูกอดีตแฟนหนุ่มกัดหน้าจนเกิดแผลเหวอะหวะเสียโฉม ไปทำงานไม่ได้ อีกทั้งฝ่ายชายมีญาติเป็นตำรวจ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุด รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 24 มกราคม 2566 ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย มาพร้อม กัน จอมพลัง ที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้
- อายุเท่าไหร่ ?
บี : 30 ค่ะ อาชีพเป็นโมเดลลิ่ง และรับงานเอนเตอร์เทนด้วยเป็นบางครั้ง เรามีน้อง ๆ ในสังกัด
- ไปรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ไง ?
บี : เขาติดต่อหนูมาเรื่องเด็กเอนค่ะ เขาเพิ่งใช้บริการ 2 ครั้ง เราก็ส่งคนอื่นไปค่ะ แล้วเขาส่งข้อความมาเชิงจีบ คุย ๆ กัน แล้วก็ไปเจอกัน เขานัดเราไปเจอ ที่ไปเจอครั้งแรกไม่ใช่ฐานะลูกค้า เหมือนเริ่มดูใจ ไปเจอหน้ากันว่าเป็นยังไง
- ไปครั้งแรกเขาเป็นยังไง ?
บี : เขาก็ดีนะคะ มันดูไม่ออกค่ะ เขาดีทุกอย่าง หน้าตาดี คำพูดคำจาดีค่ะ จากนั้นเราก็คุยกันต่อ หนูอยู่พัทยา เขาอยู่พานทอง ชลบุรี จากนั้นก็คุยกันปกติ แต่ครั้งแรกที่ไปเขาก็ไม่ได้อยากให้หนูกลับ เขาอยากให้หนูย้ายไปอยู่กับเขาเลยตั้งแต่วันแรก หนูคุยตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องกลับ มันไม่ใช่เรื่องง่าย คุยกันไม่นานแล้วจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หนูพยายามบอกเขาแบบนี้ ครั้งแรกเขาก็ยอมค่ะ แต่มีเคือง ๆ นิดหนึ่ง
- ก่อนไปเจอเขามีการถามประวัติเขาไหม ?
บี : เขาไม่ได้ทำงานอะไร เขาเพิ่งออกจากเรือนจำค่ะ เห็นเขาบอกว่าเป็นคดีฉ้อโกงค่ะ เขาติดอยู่นานปีสองปี หนูจำไม่ได้ค่ะ
- เราก็ไม่ได้ติดใจตรงนี้ ?
บี : ใช่ค่ะ หนูรู้สึกสงสารเขาด้วยซ้ำไป ไม่ได้ติดค่ะ
- จากนั้นเป็นยังไง ?
บี : ก็คุยกันเรื่อย ๆ แล้วไปเจอกันอีกครั้งที่ 2 ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ก็ผ่านไป จนครั้งที่ 3 หนูไปทำงาน เลิกงานมาก็กลับไปหาเขา เขาก็ชวนไปบ้านอาเขาต่อที่ชลบุรี ชวนไปดื่มค่ะ หนูดื่มนิดหนึ่งแล้วก็ไปนอน เพราะหนูไปทำงานมา เขาก็ดื่มสองคนอาหลานเขา พอตอนเย็นหนูตื่นเขาก็เรียกหนูไปนั่งดื่มด้วยนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ดื่มเยอะ หนูมีสติสัมปชัญญะครบ เสร็จแล้วหนูก็อยากอาบน้ำ เพราะหนูไม่ได้อาบน้ำเลย หนูก็บอกว่าหนูจะกลับ เขาก็คิดว่าหนูจะกลับพัทยา นั่นแหละค่ะที่ทำให้เขาโกรธ ความจริงหนูจะกลับไปอาบน้ำที่ห้องเขานั่นแหละ ให้เขาตามไปทีหลัง หนูอยากอาบน้ำแล้ว เขาคิดว่าหนูจะกลับพัทยา ไม่อยู่กับเขา ตอนนั้นพูดอะไรไปเขาไม่ฟังเลย หนูก็บอกว่าจะ 2 ทุ่มแล้วนะ เพราะนัดจะกลับ 2 ทุ่ม เขาก็รัดแข้งรัดแขน เหมือนกอดดึงไว้ไม่ให้ไป
- ต่อหน้าอาไหม ?
บี : ใช่ค่ะ เขาบอกว่าอาเป็นตำรวจค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงว่าจะกลับไปอาบน้ำทำไมต้องรัดอะไรขนาดนั้น หนูเข้าใจว่าเขาจะดื่มต่อ ก็โอเค ให้เขาดื่มต่อ แต่หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะกลับนั่นแหละ เขาก็โกรธคิดว่าหนูจะกลับพัทยา พอเขาออกมาจากห้องน้ำเขาก็ผลักหนูบนเตียงแล้วนั่งคร่อมหนู แล้วพูดว่าหนูจะกลับใช่ไหม
- เขาด่าไหม ?
บี : ครั้งแรกเขาบอกว่าจะกลับใช่ไหม แย่งโทรศัพท์หนูไป หนูพยายามดันตัวเองบอกให้ปล่อย เขาบอกว่ามึงพูดมาว่ามึงจะไม่อยู่กับกู มึงจะไปทำงาน มึงจะกลับ หนูก็พูดเพราะไม่งั้นก็ไม่ได้ซะที มันไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วเขาก็บีบคอหนู หนูหายใจไม่ออกจะตายแล้ว เขาก็ปล่อย แล้วกัดตรงจมูกหนู กัดเหมือนหมาพิตบูล กัดแล้วส่ายหัว
- เหมือนจะให้จมูกขาดเหรอ ?
บี : เกือบขาด เกือบฉีกแล้วค่ะ ตอนนั้นเลือดไหลเยอะมาก พอกัดเสร็จเขาก็ลุกขึ้น แล้วก็เดินออกไปหาน้าเขา ก็ยังไปคุยกับน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังขำกับน้า หนูก็นั่งงง ๆ เอากระดาษทิชชูซับเลือดค่ะ
- ตอนนั้นอาเขาว่ายังไง ?
บี : อาเขายังไม่เห็น เขานั่งคุยกันอยู่ข้างนอก หนูก็ออกไปเรียกรถให้มารับ อาเขาก็เห็นว่าหน้าหนูเป็นสภาพนี้ เขาก็บ่น ๆ ว่า ๆ หลานเขา แต่ไม่ได้ว่ารุนแรง เหมือนมีการให้ท้ายกันอยู่ค่ะ อาเขาวิดีโอคอลหาคนที่เขาบอกว่าผู้กำกับค่ะ หนูหันไปมองแป๊บหนึ่งก็ก้มลงต่อ สารวัตรเขาก็พูดว่าธรรมดา
- เหตุที่หนักที่สุดที่ไม่ไหว ไปร้องคุณกันคืออะไร ?
บี : หนูต้องการให้เขาชดเชยค่าเสียหาย หน้าหนูเริ่มเป็นเยอะแล้ว ต้องการให้เขาจ่ายรักษา ครั้งแรกหนูไม่ได้ติดใจอะไร แต่ครั้งนี้มันหนักมาก หนูกลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมด้วย เพราะอาเขาเป็นตำรวจค่ะ
- ที่หนักมากคืออะไร โดนอะไรมา ?
บี : ครั้งสุดท้ายหนูโดนเขากัดอีกค่ะ มันเป็นวันปีใหม่พอดี เขาชวนหนูดื่ม แต่หนูไม่ดื่ม เขาก็ตามหลังเข้ามาในห้อง ด่าอะไรก็ไม่รู้ ด่า ๆ จนหนูไม่พอใจแล้ว หนูเลยถือโทรศัพท์มาจะเรียกรถกลับ เขาก็ก้มตามหลังหนูมา หนูก็เข้าใจว่าเขาจะมาหอม แต่เขากัดปากแล้วปล่อย เลือดออกเลยค่ะ ปากแทบจะแหว่งค่ะ จากนั้นหนูก็ตกใจ ถามว่าทำ ทำไม หนูทำอะไรผิด เขาก็เดินเข้าไปในห้อง คิดว่าเขาจะไปเอาทิชชูมาซับเลือดให้ แต่เปล่าค่ะ เขาไปล็อกห้อง แล้วดิ่งมาหาหนูเลย บีบคอหนูเลย ไม่พูดอะไรเลย แล้วดันหนูเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็กัด ๆ ๆ ๆ หน้าค่ะ มีจังหวะหนึ่งเหมือนเขาหยุดมองดูหน้าหนู
- เขากัดที่ไหนบ้าง ?
บี : ตรงตาค่ะ แล้วตรงปาก จมูกมันไม่โดน โดนขอบ ๆ ตรงแก้มแทน แล้วขอบปากเป็นเยอะมาก
- จากนั้นคุณติดต่อเขาอีกไหม ?
บี : ก็มีติดต่อ เพราะเขาส่งข้อความมาง้อ มาพูดดี สัญญานั่นนี่โน่น หนูก็ใจอ่อนค่ะ ก็กลับไปคุยกับเขา แต่ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปคบค่ะ ที่คุยเพราะเขาบอกว่าเขาออกมาจากตรงนั้นเลย เขาทะเลาะกับครอบครัวเขาค่ะ เพราะญาติพี่น้องเขาไม่เอา
- ทำไมยังกลับไป ?
บี : ใจอ่อนค่ะ สงสาร
- วันนี้ล่ะ ทำไมออกมาร้องคุณกัน ?
บี : จริง ๆ หนูตั้งใจจะดำเนินคดีกับเขาอยู่แล้วตั้งแต่ตอนแรก เพราะหนูไม่ยอม หนูจะไม่เอาแล้วตั้งแต่ตอนแรก อยากให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่ทำด้วย ครั้งแรกเขาไม่ได้รับผิดชอบ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ถามไถ่ ไม่ได้มีความสำนึกค่ะ ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความสงสารค่ะ
- "คุณเอ" อดีตแฟนคุณอยู่ในสาย คุณเป็นคนกัดจมูก กัดหน้า กัดตา น้องคนนี้ ?
เอ : ตรงตานี่ก็สงสัยอยู่นะ
- คุณเป็นคนกัดใช่ไหม ?
เอ : ผมเป็นคนทำ และได้ชี้แจงไปแล้ว
- กัดหรือไม่กัดหน้าเขา ?
เอ : ทำครับ
- เรื่องราวของคุณเกิดอะไร ?
เอ : ตั้งแต่คบกัน ผมให้เขามาหาผม ผมคิดว่ามันอาจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันได้ พยายามบอกเขาตลอด ผมเพิ่งออกมาจากข้างใน ก็อยากเริ่มต้นกับใคร อยากมีชีวิตคู่ ก็เหมือนที่เขาส่งข้อความมาหาผมนั่นแหละ เขาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้เต็มที่อะไรกับเรา ที่ผมทำไปเป็นเรื่องที่ผมยอมรับว่าผิด ผมผิดแน่นอน แต่ที่มาที่ไปมันมี คือเขาเอง ผมพยายามพูดบอกตลอดก่อนที่จะมาใช้ชีวิตด้วยกันว่าผมต้องการแบบไหน ผมต้องการคนเป็นคู่ชีวิต และเต็มที่แบบนี้ ๆ นะ แล้วเหตุการณ์ที่มันเกิด ที่บอกว่าผมบอกให้เขาไปกินเหล้ากับผม แล้วผมไปวีนเขา มันไม่ใช่แค่นั้น มันสะสมหลายอย่าง เขาเป็นคนที่ใช้คำพูดไม่ดี
บี : พูดไม่ดียังไงคะ คนพูดไม่ดีเป็นคุณมากกว่านะคะ
เอ : เขาจะเป็นผู้หญิงใช้คำพูดที่พูดอะไรด้วยอารมณ์ตลอด
บี : เหรอ พูดด้วยอารมณ์เหรอคะ มีแต่ฉันที่บอกให้คุณพูดจาดี ๆ คำว่าควาย เหี้- สัต- โคตรพ่อโคตรแม่ มันสมควรพูดไหม มันเริ่มต้นพูดก่อนทั้งนั้น
เอ : เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน
บี : ตลก
เอ : เขาก็พูด แต่พอผมพูด ผมก็กลายเป็นคนผิดทันที
บี : มันเกี่ยวอะไรกับแผล ถึงมาทำแบบนี้
- แล้วไปกัดเขาทำไม ?
เอ : เหตุการณ์ที่เกิดวันนั้น ผมก็นั่งดื่มด้วย ผมชวนเขาดี ๆ แต่เขาทำหน้าเครียดมาก ทำแย่ ทำพฤติกรรมที่ไม่ได้เต็มที่กับเรา มันสะสมมาหลาย ๆ เรื่อง หลาย ๆ อย่าง ผมบอกเขาแล้วว่าต้องการแบบไหน แต่เขาต่อต้านตลอด เขาบอกกูจะไปอยู่กับมึง แต่กูจะทำตัวแบบนี้ ทำไมเหรอ ทำนองนี้ ผมบอกเขาตลอด ถ้าคุณไม่พร้อมคุณไม่ต้องมานะ คุณอยู่ที่ของคุณไปเลย
บี : คำพูดพวกนั้นคุณคิดไปเอง ไม่เคยพูดเลยนะ ที่บอกว่าทำหน้าตาไม่ดี พยายามบอกตลอดทั้งวันว่าเครียดเรื่องแม่ แต่คุณไม่ได้สนใจ เพราะคุณดื่มตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว คุณเมาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วบังคับให้เราไปนั่งด้วย เราก็ไปนั่ง
เอ : ผมไม่ชอบคำว่าบังคับมาก เพราะเขาไม่มา ไม่ดื่ม ผมก็ไม่อะไรเลย ถ้าไม่เต็มที่ คุณไม่อยู่กับเราก็ได้ ผมบอกเขาตลอด บอกตั้งแต่ต้น แต่วันนั้นสะสมหลายอย่าง เหมือนเขาไม่เอาอะไรแล้ว ไม่โอเคอะไรแล้ว ผมก็เลยเข้าไปหาเขาที่ห้อง
- ไปกัดหน้าเขาทำไม ?
เอ : ผมคิดว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแบบนั้น มันเกิดจากอารมณ์ผมตอนนั้น ผมผิดเลย ผมยอมรับเลยว่าผมผิด อารมณ์ผมตอนนั้นมันไม่ไหว เขาไม่อะไรเลย เขาไม่ฟังคำพูดผมสักอย่างเดียว มันเป็นอารมณ์ผมเลย ผมยอมรับว่าผิดเลย แต่ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ได้อยู่ ๆ จะเป็นแบบนั้น แล้วที่บอกว่าผมไปล็อกประตู มันไม่ได้หมายความว่าผมจงใจจะไปทำร้ายเขาแบบเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว ผมปิดประตูห้องเพราะไม่อยากให้คนข้างนอกรู้ว่าทะเลาะกัน
บี : ไม่ได้ทะเลาะอะไรเลยนะคะ
เอ : พี่ไปถามข้างห้อง เคยมีเหตุการณ์ที่เขาทะเลาะกับผม ผมบอกให้เขากลับไป ครั้งนั้นเขาเขวี้ยงกระเป๋าใส่ผม โวยวายเสียงดังมาก
- คุณจะบอกว่าคุณทนพฤติกรรมเขาไม่ไหว เลยกัดหน้าเขา ?
เอ : ถ้าเหตุการณ์วันนั้น ไม่ใช่ทนพฤติกรรมเขาไม่ไหว แต่คิดว่าความรู้สึกผมคงไม่เหลืออะไรแล้ว คิดว่าเขาคงไม่น่าจะอะไรกับเราแล้ว มันเลยหลุดไป ผมบันดาลโทสะไปเพราะผมเมาด้วย ผมยอมรับแบบนี้ดีกว่า
- คุณโกรธเพราะเขาจะไม่อยู่ตรงนั้น ?
เอ : ไม่ใช่นะ ผมเป็นคนบอกเขาตลอด เมื่อไหร่ที่เขาบอกจะไป ผมก็ไม่เคยรั้งเขาไว้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถามเขาได้เลย ไม่มีสักครั้งเดียวที่จะรั้งเขา
บี : ตอแหลมากเลย พูดออกมาดูหล่อมาก เอาความจริงมาพูด รู้อยู่แก่ใจไหม ถามหน่อย
เอ : ผมไม่ได้หลงตัวเอง มีหลักฐานหมด
บี : อายไหม
กัน : น้องเอกัด เพราะคุยกันไม่ลงตัว เมาด้วย กลัวเสียเขาไป
เอ : ผมไม่เคยกลัวเสียเขาไป ถ้าเขาจะไปผมปล่อยเขาไปเลย ผมไม่เคยรั้งเขาเลย มีหลักฐาน ทุกครั้งที่คุยกันในเฟซบุ๊ก มีหลักฐานตรงนี้อยู่ ผมแคปให้พี่นักข่าวหมดแล้วว่าเวลาเขาคุยกับผมเขาพูดยังไง
กัน : เราพร้อมปล่อยเขาไป ถูกไหม แต่วันนั้นที่กัด เราปล่อยเขาไปทั้งที่สภาพหน้าเละ ๆ แบบนั้นถูกไหม อยากให้ไปแบบมึงเลิกกับกูแล้วหน้ามึงต้องเละเลย ถูกไหม
เอ : ไม่ใช่ครับ คุณกำลังกล่าวหาผม
กัน : ผมกำลังถามว่าคุณกัดเขาทำไม คุณก็ตอบดิ
เอ : ผมอธิบายไปแล้วว่ามันหลาย ๆ เรื่อง
บี : ทำไมไม่มาคุยกันที่นี่
เอ : เรื่องชวนไปดื่มเหล้าแล้วไม่ไปดื่ม มันไม่ใช่ มันมีอะไรมากกว่านั้น ผมก็ยอมรับแล้วว่าผมผิด ผมไม่ได้บอกว่าผมถูกนะ
- สิ่งที่คุณพูดไร้สาระมาก เป็นเรื่องคุณหลังบ้าน แต่ที่กำลังคุยตอนนี้คือคุณกัดเขาทำไม จะแก้ไขยังไง ช่วยเหลือยังไง ส่วนคุณบีไม่ต้องไปเถียงเขาเยอะ ถ้าต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องพูดกันแบบนี้ ไม่งั้นไม่จบหรอก ?
เอ : ผมไปอ่านข่าวสั้น ผมรู้สึกว่ามันบิดเบือนข้อเท็จจริงเกินไป ผมไม่ใช่ซาดิสต์ถึงขนาดนั้น
- คุณเคยกัดแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นไหม ?
เอ : ไม่เคย ผมเคยทะเลาะกับแฟน แต่เป็นบางคนที่มีปัญหากับเขา
- สรุปบางคนที่ทำ ?
เอ : เคยมีเกิดขึ้นครับ แต่ไม่ใช่ทุกคนนะ
- เราไม่ต้องการผัวเมียทะเลาะกันออกสื่อ วันนี้คุณเป็นแค่แฟน แล้วแยกย้าย คุณต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมเขากัดหน้าคุณ ต้องการเรียกร้องค่าเยียวยารักษา ส่วนฝั่งผู้ชาย ต้องการเยียวยาเขายังไง ?
เอ : เหตุเกิดวันที่ 2 มกราคม แต่วันที่ 4 มกราคม ไปคุยกับพนักงานสอบสวนแล้ว แม่ผมเป็นคนไป ผมไม่ได้ไป ทำบันทึกข้อตกลงกันว่าจะชดใช้ค่าเยียวยา เขาเรียกมา 5 หมื่น แม่ผมต่อรองเหลือ 4 หมื่น เขาจะให้ผมโอนให้สัปดาห์ละ 5 พัน เริ่มทุกวันศุกร์ ผมก็โอนไป 2 งวดแล้ว มันเหลือ 3 หมื่น ผมก็คิดว่าเขาคงไปทำเลเซอร์หน้าแหละถ้ายังเป็นรอย หลังเกิดเหตุผมก็ยังอยู่กับเขา แต่ผมก็โอนเงินให้แม่ผมปกติ ไม่ใช่ว่าอยู่กับเขาแล้วไม่ได้โอน
- เขาจ่ายให้คุณไหม ?
บี : จ่ายมาหมื่นนึงค่ะ ค่ารักษามันเกินอยู่แล้วค่ะ เพราะตอนนี้เป็นแผลคีลอยด์ มันไม่พออยู่แล้ว เขาไม่ได้ให้เป็นก้อนด้วย
เอ : เขาให้ผมโอนให้แม่ผม แล้วให้แม่ผมโอนจ่ายให้เขา ผมก็โอนให้ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าค่าใช้จ่ายจริง ๆ แล้วต้องเท่าไหร่ เพราะตอนเขาไปทำบันทึกกันไว้เท่านี้ แล้วเขามาบอกให้ผมจ่ายแบบนี้ ๆ
- จะเอาเท่าไหร่ ?
บี : กว่าจะหายเลยได้ไหมคะ
- 4 หมื่นที่เคยทำข้อตกลง ไม่เอาแล้ว ?
บี : ค่ะ ขอเฉพาะค่ารักษาจนกว่าแผลจะหายได้ไหมคะ
- ค่าอย่างอื่นไม่เอา ?
บี : ไม่เอาค่ะ เอาค่ารักษาตามจริง เอาบิลไปเบิกค่ะ
- ได้ไหม ?
เอ : ได้นะ แต่ผมไม่ได้มีรายได้อะไร ผมจ่ายสัปดาห์นึง 5 พัน ผมพร้อมได้ประมาณนี้ เดือนนึงผมต้องรับผิดชอบตรงนี้รวม 2 หมื่น แต่เขาจะเอามากกว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่ายอดเต็มที่ที่แผลจะหายมันเท่าไหร่ แต่ผมสะดวกให้ได้ประมาณนี้ เต็มที่ของผม
- คุณไปร้องขอเพิ่มแล้วเขาไม่ให้แล้ว ?
บี : เขาคงไม่ให้แล้วค่ะ เพราะเขาบอกว่าให้ได้แค่นี้
เอ : เขาไม่เคยมาเรียกร้องเพิ่ม ขนาดอยู่ด้วยกันผมออกจากคอนโดเขา วันที่ 21 ที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยบอกอะไรส่วนตัวกับผมเลยว่าจะขอเพิ่มหรืออะไร
บี : ตอนนี้ตั้งใจจะดำเนินคดีด้วยค่ะ จริง ๆ ตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะดำเนินคดี ไม่เคยบอกเขาว่าหนูจะยอมความนะคะ
กัน : ในส่วนที่น้องเอจ่ายค่าบรรเทาเยียวยาก็ต้องแยกกันกับส่วนของการกระทำ
- เอจะดูแลเขาได้ไหมจนกว่าใบหน้าเขาจะหาย ?
เอ : ผมชี้แจงไปแล้วว่าผมให้ได้สัปดาห์จะ 5 พันเท่านั้น จริง ๆ เราทำบันทึกข้อตกลงกันไปแล้ว หลังทำบันทึกข้อตกลง เขาเป็นคนบอกผมเองว่าอยากให้มันจบ ๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาความอะไร เขาบอกผมผ่านเฟซบุ๊กเอง เขาบอกตั้งแต่วันนั้นด้วยซ้ำ
บี : จะจริงได้ไง หนูบล็อกเขาเลย ไม่ตอบอะไรเลยเรื่องข้อความ
เอ : เขาไม่ได้บล็อก
บี : มันคนละวันกันหรือเปล่า ถามหน่อย
เอ : วันนั้นผมไปเซเว่นฯ เขาทักแชตมา บอกผมเองว่าห้ามผิดนัด ไม่อยากเอาความอะไร
บี : ขอหลักฐานหน่อยได้ไหม
- คุณให้ได้อาทิตย์ละ 5 พัน ตกเดือนนึง 2 หมื่น ค่ารักษากว่าหน้าจะหาย อาจกินเวลาไป 6-7 เดือน เอยินดีจ่ายไหม ?
เอ : ผมไม่มีลิมิตไว้ ก็จ่ายให้เขาไปก่อน จริง ๆ ผมก็อยากทำข้อตกลงว่า 4 หมื่นหรืออะไร แต่ถ้าพูดมาแบบนี้ผมไปต่อไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาย แล้วเขาจะเรียกไปถึงไหน ให้จบยังไง
กัน : เขาก็เอาที่รักษามาเบิกไง ไม่ได้มาเบิกปากเปล่า เบิกลอย ๆ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้อยากได้ 3 พัน 5 พัน แต่ก็พึงคิดไว้ด้วยนะ แผลที่อยู่บนหน้าเขามันก็มาจากปากเรา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มีแผลเกิดขึ้นที่หน้า ถ้าเราเยียวยาเขาตามที่บิลมันมา พี่ก็มองว่าสมเหตุสมผล ส่วนที่ทำบันทึกข้อตกลงไว้ 4 หมื่น มันเป็นการบรรเทาผลร้าย เราทำเหตุไปแล้ว เหมือนคนแทงคน บอกว่าทำไมจ่ายไป 5 หมื่นไม่จบ มันไม่ใช่ อย่างน้อยดีกับเราด้วย
เอ : ตอนนั้นผมเองไม่ได้ไปพบพนักงานสอบสวน เขาเป็นคนบอกแม่ผมว่าไม่ต้องเอาใบบันทึกนี้ให้ผมดู ผมเข้าใจว่าถ้าจ่ายเงินไปแล้วก็สิ้นสุดกันไป ก็จบกันไป พอคุยกับเขาก็อยู่กับเขาได้ต่อ ถ้าผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าดำเนินคดีอาญาต่อ ผมก็ไม่ต้องไปอยู่กับเขา ผมออกมาทำงาน แล้วเอาเงินไปเยียวยา ไปวางศาลไม่ดีกว่าเหรอ
กัน : ที่เราไปอยู่กับเขา เพราะไม่อยากให้เขาดำเนินคดีกับเราเหรอ
เอ : ไม่ใช่ คือผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังว่าจะเป็นแบบนั้นบ้าง แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนผมอยู่กับเขาผมก็จ่ายเงินปกติสัปดาห์ละ 5 พัน
กัน : เอรักเขาไหม
เอ : ตอนนี้ผมก็ยังรักเขา ไม่ได้โกรธเขา
กัน : คุณบีรักเขาอยู่ไหม
บี : ไม่ค่ะ ไม่มีทางกลับไปคืนดี
เอ : ผมรักเขา แต่ผมอยู่กับเขาไม่ได้ ผมอึดอัด ต่อให้ผมรู้สึกกับเขาก็อยู่กับเขาไม่ได้ ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้เหมือนกัน
- จริง ๆ แล้วคุณเอเคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น ?
เอ : ผมไม่เคยกัดผู้หญิงคนอื่น แต่ที่เคยทะเลาะ แบบลงไม้ลงมือ มันเคยมี แต่ไม่ได้ไปกัด ไม่มี
- คุณทำร้ายถึงขั้นไหน ?
เอ : มีตบ ทะเลาะกันลงไม้ลงมือ เรื่องมันนานมาแล้วพี่
- เรามีอารมณ์รุนแรง ?
เอ : ไม่ใช่ครับ ถามว่าผมเซนซิทีฟไหม ทุกวันนี้ผมป่วยซึมเศร้า ก็ยังรักษาอยู่ คำพูดที่จี้ความรู้สึกเราก็ใช่ แต่ผมไม่ได้ทะเลาะเขาตลอด ผมไม่ได้ใจร้อนอะไรขนาดนั้นเลย ผมอาจจะหลุดไปบ้าง
- เวลามีเซ็กส์ชอบกัดไหม ?
เอ : ไม่ครับ ไม่เคยครับ ถามเขาดูได้
- เขากัดเราไหม ?
บี : ไม่ค่ะ
- มันไม่ใช่เรื่องรสนิยม เป็นภาวะทางจิตหรือเปล่า ที่เวลาโมโหแล้วทำร้าย เคยปรึกษาหมอไหม ?
เอ : เคยครับ หมอที่รักษาผมอยู่ พูดทำนองว่าผมพยายามเข้าสังคมหน่อยนะ ผมไม่ได้มีอาการรุนแรง แต่ที่มันหลุดไป ผมว่าผมบันดาลโทสะมากกว่า คบใครก็ไม่ได้อยากทะเลาะ
กัน : หมอไม่ได้ลงว่าผิดปกติ มีอาการทางจิตรุนแรง ชอบใช้กำลัง
เอ : หมอลงว่าผมเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า
กัน : คิดว่าอารมณ์ที่ฉุนเฉียว มีอาการแบบนี้ คิดว่าเป็นอาการทางจิตหรือสันดานเราเอง
เอ : ผมบันดาลโทสะมากกว่า กับคนอื่นที่ผ่านมาก็เหมือนผัวเมียทั่วไปที่ทะเลาะกันแหละพี่ ผมก็ไม่ได้อยากทะเลาะเลย ผมไม่มีความสุขเลย ผมเอาเขาเข้ามาในชีวิตเพราะอยากมีความสุข ไม่ได้อยากทะเลาะ
กัน : ทำเคสผัวเมียมาเยอะมาก ไม่มีผัวเมียที่ไหนรักกันด้วยหมัด ศอก เข่า กัดหน้า ถ้าเรารักเขาจริง เราเห็นคนที่เรารักเจ็บเราโอเคเหรอ
เอ : ไม่โอเคนะครับ ที่เกิดเรื่องรอบแรก ไม่ใช่ผมไม่สนใจเขา แต่เขามาหาผม ผมพยายามมอง ๆ ดู ๆ อยู่ แต่ผมอาจไม่ค่อยพูด แสดงออกไม่ค่อยเป็น ไม่ใช่ผมไม่สนใจเขา
กัน : ภาพที่เห็นจากบาดแผล เอแสดงคำว่ารักไม่ถูก เอกำลังแสดงความรุนแรงออกมา
เอ : มันเป็นแค่บางครั้ง
กัน : แต่ผู้หญิง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือใบหน้า ทุกคนรักหน้าตาตัวเองหมด เอก็รู้ว่าเขาทำงานเกี่ยวกับการใช้หน้าตา
เอ : เขาบอกเขาส่งเด็กให้ลูกค้าอย่างเดียว ไม่ได้ทำงานเอง แต่พอทะเลาะกันเขาก็ไปทำงานนั้นบ้าง ก็เกิดเรื่องสะสมขึ้นมา ผมเข้าใจตลอดว่าเขาไม่ได้ไปลงงานเอง
- พยายามคิดในมุมเอก็ยังหาจุดไม่เจอ อันดับแรก เข้าใจแต่ละคนจะมีมุมมอง ?
เอ : พี่ให้ผมมาสัมภาษณ์ พี่ต้องการอะไร
- คำตอบง่าย ๆ อยากฟัง 2 เรื่อง แต่ประเด็นที่พูดออกมามันเหมือนเอไม่ยอมลงให้ใคร แม้แต่นิสัยที่พูดคุยกัน ?
เอ : ผมจะบอกว่าผมสำนึกผิดในสิ่งที่ผมทำลงไป ที่ผมทำลงไปมันผิด มันไม่ควรใช้วิธีแบบนี้แก้ปัญหาเลย ถ้าเกิดว่าคบกันแล้วไม่โอเค เราควรปล่อยเขาไป ก็ควรเป็นแบบนั้น แต่ที่อึดอัดมาตลอด ต่อให้เขารู้ว่าไม่โอเค เขาก็เอาตัวเองมาอยู่ในจุดของผมอยู่ดี มันอึดอัด ผมก็แค่อยากอธิบายตรงนั้น
กัน : เขาไม่โอเค แต่เขาทนอยู่เองเหรอ
เอ : ไม่ใช่ครับ บางครั้งผมก็เอ่ยปากชวนเขามา แต่ตอนนั้นเราคิดว่าเขาอาจไม่ได้เป็นคนคิดแบบนี้ ใช้คำพูดแบบนี้ ใช้คำพูดซัพพอร์ตเราบ้าง ทั้งชีวิตผมมีแค่แม่คนเดียว ถ้าไม่มีแม่ชีวิตผมจบเลย ผมตัวคนเดียว เวลาเกิดเรื่องแบบนี้ไม่มีใครมองผมดีทั้งนั้น ผมแค่อยากบอกว่าผมสำนึกผิดในสิ่งที่ผมทำลงไป มันผิดแน่นอน ไม่ใช่ไม่ผิด แต่ผมอึดอัด
กัน : ถ้าเขาเอาบิลรักษามาเบิกกับเรา เราโอเคไหม
เอ : ผมไม่ได้มีเงินก้อนสำรองไว้
- ค่ารักษาแต่ละเดือนอาจไม่ถึง 2 หมื่นก็ได้ เพราะเขาเบิกตามจริง ไม่ใช่เขาจะมาเรียกเอเดือนนึง 3-4 หมื่น เพราะในการรักษา เชื่อว่าถ้าหมอต้องเย็บ อาจมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นก็ว่ากันไป แต่เฉลี่ยกันจ่าย แต่สุดท้ายก็คุมอยู่ในจำนวนนี้ จาก 4 หมื่นที่ต้องจ่ายอาทิตย์ละ 5 พัน บางทีอาจแค่ 3 หมื่นก็ได้ หรืออาจ 6 หมื่น แต่อยู่ในวงจำกัดของมัน ไม่มีทางที่เขาไปเรียก 3 ล้าน 8 ล้าน เพราะเขาเรียกค่ารักษาตามจริง แล้วมันสมควร เวลาเราทำอะไรกับใครสักคน ไปทำเขาหน้าเสียโฉมแบบนี้ แล้วเขาไม่ได้เรียกร้องค่าทำมาหากินเขาด้วยนะ เขาแค่ขอค่ารักษาใบหน้า แล้วเอาบิลมาเบิก แล้วแยกย้าย แค่นั้นเอง ?
กัน : ไหวไหม
เอ : ไหว ๆ ผมมีลิมิตของผม ผมไม่ได้มีเงินก้อนสำรอง แต่ว่าถ้าเกิดจ่ายไปจนกว่าหน้าจะหาย ไม่ได้มากมายอะไร ก็ดูแลเขาได้ ผมจะพยายามแล้วกัน ต่อให้ไม่ออกรายการ ไม่เป็นเรื่องใหญ่ ผมก็โอนเงินให้แม่ผมตรงวันอยู่แล้ว
- คุณโอเคไหม ถ้าเขายินดีจะรักษาให้คุณจนกว่าคุณจะหาย ?
บี : โอเคนะคะ แต่ส่วนคดีก็จะดำเนินการต่อ
กัน : เรื่องคดีก็เรื่องคดี เรื่องเยียวยาก็เยียวยา เอเยียวยาจนเขาหายก็ยิ่งเป็นผลดีกับเอนะ
เอ : ตรงนี้ผมทราบแล้วครับ
กัน : เรื่องนี้เราปล่อยผ่านไม่ได้ มันเป็นการดัดนิสัยเอด้วย เอจะได้ไม่กล้าไปทำแบบนี้กับใครอีก ไม่ใช่โมโหตบ โมโหตี ถ้าเราโดนบ้างเราก็เจ็บนะ ลองนึกถึงพ่อแม่เขาด้วย พ่อแม่เขารู้ก็เสียใจ พ่อแม่เราเห็นว่าเราโดนเขาก็เสียใจเหมือนกัน
เอ : เข้าใจครับ จะพูดประมาณนี้ใช่ไหมครับ ผมคิดว่าผมจะอธิบายอะไรได้ ก็เอาเป็นว่าผมรับทราบแล้วครับ
- ครั้งที่ 3 คุณนั่งกินเหล้ากับอาที่เป็นตำรวจ เขาบอกจะไปอาบน้ำ แต่คุณไปกัดเขาจริงไหม ?
เอ : ตอนนั้นเขาบอกจะไปทำงาน ไปเป็นเด็กเอน เขาพูดกลับไปกลับมา ผมไม่เคยเจอแบบนี้ มาด้วยกันก็นั่งด้วยกัน ก็กลายเป็นว่าสรุปเขาจะเอาแต่นอนอย่างเดียว เพราะเขาส่งลูกค้า ทำงานดึก ๆ ช่วงกลางวันจะนอนอย่างเดียว
- วันที่เอจะคบกับเขา รู้ไหมเขาทำอาชีพนี้ ?
เอ : ฟังก่อนนะครับ ผมไม่เคยรู้ว่าเขาทำเด็กเอน ผมไปเรียกเด็กเอนกับเขา เพราะเขาเป็นโมเดลลิ่ง เขาไม่ได้รับงานเอง แต่พอทะเลาะกันทีไรเขาบอกเขาจะไปทำงาน ๆ
บี : คุยไปได้สักพักไม่เจอหน้ากัน ก็มีบอกเขาว่าหนูมีไปรับงานเองบ้าง หนูบอกเขานะคะ ตอนอยู่บ้านอา หนูบอกว่าจะไปทำงาน แต่คุยกันแล้วว่าไม่ได้ไป จะกลับพัทยาด้วย คุยกันแล้ว มันเป็นข้ออ้างของเขาเอง
- เขาถามว่าคุณไม่ได้บอกเขาว่าเป็นเด็กเอนตั้งแต่แรกจริงไหม ?
บี : วันแรกไม่ได้บอกค่ะว่าไปทำงานเอง แต่หลังจากนั้นมีบอกค่ะ
เอ : เขาบอกว่าถ้าเขาอยู่กับผมเขาจะไม่ทำงานเลย
บี : ไม่จริงค่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หนูก็ไปทำงานของหนูบ้าง
เอ : ตั้งแต่คุยกันมา เขาบอกจะไม่ทำเลย แล้วบางทีเขามาหาผม ไปดื่มกับลูกค้ามาเสร็จ 6 โมงก็นั่งรถมาอยู่กับผมที่ห้อง สภาพเมา ๆ แล้วพูดตรง ๆ ไปอัปมาบ้าง เพราะมีงานอัปด้วย ผมพูดแค่นั้น
- ถ้าวันหนึ่งเจอผู้หญิงแบบนี้อีก เอเลิกไปเลย ?
เอ : ผมจะไม่คบเขาเลย ผมคิดแค่นั้นเลย
กัน : ปกติเอหาแฟนเป็นเด็กเอนไหม
เอ : ไม่ครับ ผมไม่ได้คิดจะคบเด็กเอนเป็นแฟนครับ มีเขาคนเดียวที่เป็นโมฯ แล้วผมเข้าใจว่าเขาไม่ได้รับงาน แต่ต่อไปไม่คบเลยดีกว่า ผมรับไม่ได้ตอนที่เราคบกันแล้ว ได้กันไปแล้ว แล้วไปทำงานแบบนี้ ที่เขาเคยไปทำมาก่อนคบผม ผมไม่ได้วอรี่ ไม่ได้มายด์เลย
- คุณไปบงการชีวิตใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เราแค่มอง ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา แล้วอย่าไปทำร้ายเขา ?
เอ : ถูกต้องครับ แต่พอเป็นแบบนี้มันก็สะสม ผมทำไปผมผิดเลย
- บีอยากพูดอะไร ?
บี : ดีใจมากที่ได้ออกมาจากชีวิต บอกตรง ๆ
กัน : คนรักกันคงเห็นคนที่รักบาดเจ็บไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้ได้แสดงว่าไม่ได้รักกัน
- เชื่อพี่สักครั้ง ให้ไปปรึกษาแพทย์ ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคจิต เป็นคนไม่ดี แต่ถ้าคนเรามีภาวะที่คนทัก ลองไปดู อย่างน้อยหาคำตอบให้ตัวเองได้ ไปหากระจก แล้วจะผ่านไปได้ ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายก็ว่ากันไปตามกฎหมาย การเยียวยาก็ว่ากันไปตามที่เขาขอ คุณก็อย่าไปยั่วโมโหเขา จะได้จบ ?
บี : ไม่แล้วค่ะ
กัน : จะกลับมาดีกันไหม
เอ : คงไม่ครับ
บี : หล่อมากเลย สุดยอด อยากพูดคำหยาบมาก