แม่ใจสลาย เล่าเหตุการณ์ลูกกินยาเกินขนาดตอนอยู่โรงเรียน หมอชี้กรณีที่ร้ายแรงที่สุดหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้หัวใจวาย ด้านครูโดนคาดโทษ สุดท้ายไม่ให้เด็กเลื่อนชั้น อ้างแกล้งเพื่อน
วันที่ 27 มกราคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง
ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ลูกกินยาเกินขนาดตอนอยู่ที่โรงเรียน โดยเล่าว่า
ฝากชีวิตลูกของเราไว้กับคุณครูได้จริง ๆ เหรอ คำตอบตามความรู้สึกจากใจจริง ๆ
คือ "ตอนนี้ไม่ไว้ใจแล้ว" เรื่องมีอยู่ว่า ณ วันเด็กในโรงเรียน
เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ น้องได้หยิบ กระเป๋าลงมาจากล็อกเกอร์
ซึ่งอยู่ประมาณหัวน้อง รื้อของจนเห็นขวดยา ซึ่งขวดยามีถุงซิปล็อคอยู่
เด็กประมาณ 3 ขวบ ใช้เวลาเปิดน่าจะนาน แล้วเปิดขวดยาทานเล่นจนหมดขวดมี
(มีหกบ้าง ฟังจากปากครูประจำชั้น) ซึ่งน้องบอกว่าตอนนั้นไม่มีใครอยู่
พี่เลี้ยงอยู่ในห้องน้ำคุณครูไปประชุม
คำถามคือใครดูเด็ก ซึ่งแม่พึ่งมาทราบเรื่องตอนเลิกเรียนประมาณ 15.00 น. ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ เท่านั้นเอง คำถามคือทำไมไม่บอกตั้งแต่เกิดเรื่อง โดยคุณครูบอกว่าคุณแม่คะ น้องกินยาไปแต่นิดเดียวเองค่ะ เพราะว่ามันเหลือไม่เยอะ แล้วแม่ก็ให้น้องกินน้ำประมาณ 2-3 ขวด หลังจากกลับจากโรงเรียน เวลาประมาณ 19.00 น. แม่หยิบกระเป๋าการบ้านน้องออกมาจึงได้เห็นว่ายาทั้งขวดมันหมด ซึ่งแม่จำได้ว่าเมื่อเช้าดูเหลือประมาณ 40 ซีซี แม่รีบโทร. หาครูแต่ไม่รับสาย
- แม่โทร. หาโรงพยาบาลแล้วถามถึงยาตัวนี้ แก้ไอขยายหลอดลม พยาบาลจึงแนะนำให้ไปหาหมอด่วน" แม่ก็เลยโทร. ไปตาม ครูประจำชั้นและพี่เลี้ยงถามว่า น้องทานยาไปตอนกี่โมง คำตอบคือ "บ่ายโมงกว่า ๆ" แม่เครียดแล้วเอาลูกมากอดเพราะลูกไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งแม่ลูบไปที่หัวมีเหงื่อทั้ง ๆ ที่นั่งเล่นดินน้ำมันอยู่แล้ว เปิดพัดลมจอถึง 3 ตัว แม่รีบเก็บของแล้วพาไปโรงพยาบาลทันที
- คุณหมอได้ตรวจแล้วปรากฎว่าน้องหัวใจเต้นเร็วผิดปกติมาก พยาบาลพยายามวัดหัวใจน้องซ้ำอีกทีประมาณ 4 เครื่อง ตอนนั้นแม่รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก แต่สุดท้ายก็เข้าไปพบหมอ สรุปว่าคุณหมอให้ไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกทีนึงเพื่อความชัวร์ พอตรวจเสร็จคุณหมอ แจ้งคุณแม่ให้อยู่ห้อง ICU เพราะน้องกินยา Overdose ของยาที่กินจริง
- พยาบาลฝ่ายจองห้องได้พูดว่า "คุณแม่คะ อันนี้มันเหมือนการทำร้ายตัวเอง ไม่สามารถเครมประกันได้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 42,000 บาท/วัน" แม่เลยขอให้คุณหมอช่วยลดคอร์สลงมาหน่อยได้ไหม คุณหมอน่ารักมากบอกพยาบาลว่า หาห้องที่อยู่ใกล้วอร์ดห้อง ICU ซึ่งเป็นห้องพิเศษให้น้องหน่อย แล้วก็ให้พยาบาลเข้ามาตรวจน้องทุก ๆ 1 ชั่วโมง ตลอด 24 ชั่วโมง
- คลื่นไฟฟ้าน้องอยู่ที่ 130 มีสิทธิ์จะขึ้นกว่านี้้ ตอนที่มาพยาบาลวัดกันอยู่ประมาณ 160 ถือว่าสูง เพราะปกติจะอยู่ที่ 110 คือสูงสุดที่เด็กควรจะเป็น หมอบอกว่า ถ้ากรณีที่ร้ายแรงที่สุดน้องจะหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ไปถึงการหัวใจวายได้ มีโอกาสแต่ว่าน้อย คุณหมอเตรียมยาฉุกเฉินไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งน้องโชคดีคที่ไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นมา พ้นเที่ยงคืนน้องก็เริ่มลงมาเป็นปกติ
- เรื่องจบลงโดยคุณหมอเองก็ช่วยดูแลเรื่องเอกสารการเคลมประกันให้ และทางประกันก็ช่วยดูแลค่ารักษาให้
เรื่องป้อนยาน้องที่โรงเรียน
- ในเรื่องของการป้อนยาเด็ก น้องไม่ได้ป่วยเป็นโรคติดต่อ ทำให้หมอวินิจฉัยให้ไปโรงเรียนได้ และ คุณแม่ก็ได้มีการโทร. ไปขอให้คุณครูช่วยป้อนยาให้น้องด้วยค่ะ ก่อนที่จะลดแค่ช่วงตอนเช้าอย่างเดียว เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ฟีดแบ็กของทางโรงเรียนหลังเกิดเรื่อง
- ทางโรงเรียนไม่ได้มีความรับผิดชอบใด ๆ มีแต่ให้คาดโทษคุณครูไว้ น้องก็ยังเรียนกับคุณครูคนเดิม แต่คุณครูประจำชั้นประเมินให้น้องไม่ผ่าน เพราะเรื่องของการแกล้งเพื่อนค่ะ และเล่นแรงเกินไปเลยไม่ให้ขึ้นไปเรียนในชั้น อ.1 ในมุมมองของแม่ น้องก็โดนทำร้ายมา แต่น้องเป็นเด็กอดทนไม่ค่อยร้องไห้ คุณครูก็เลยไม่ทราบเรื่อง โดยทางคุณครูบอกเราว่า งั้นขอใบรับรองแพทย์ว่าน้องไม่มีความผิดปกติในการเข้าสังคมกับเพื่อน ซึ่งเราเองไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องที่คุณครูโดนคาดโทษหรือเปล่า
- แน่นอนค่ะ เรื่องนี้แม่มีส่วนที่จะผิดด้วย ผิดที่ไม่รู้ ผิดที่ชะล่าใจ ผิดที่ไว้ใจค่ะ และผิดที่คาดไม่ถึงค่ะ คำถามคือเด็กผิดจริงเหรอ แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ เหตุเกิดขึ้นที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านหนองจอก