เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน - หนุ่ม กรรชัย เตรียมขาดงานไปขึ้นศาล !

          เอ๋ มิรา เปิดใจในโหนกระแส ย้อนเล่าเหตุการณ์ต้นเรื่อง ครูไพบูลย์ เป็นครูฝึกสอน ตนเองอยู่ ม.4 แอบมีสัมพันธ์สวาท ทนายมั่นใจ ครูไพบูลย์ คุกคดีพรากผู้เยาว์แน่ใน 2 ปี

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

          จากกรณี เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ฟ้องร้องอดีตสามี ครูไพบูลย์ แสงเดือน ข้อหาพรากผู้เยาว์ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 8 ปี ไม่รอลงอาญา จ่ายชดเชยค่าเสียหายแม่เอ๋ มิรา 3.5 แสน โดยหลังศาลตัดสิน เอ๋ มิรา ได้โพสต์ขอบคุณฟ้ามีตา คืนความยุติธรรมให้เธอ ด้านครูไพบูลย์ได้โพสต์และไลฟ์บอกให้ทุกฝ่ายใจเย็น ๆ เพราะยังต้องสู้กันต่อในชั้นอุทธรณ์และฎีกา

          รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 สัมภาษณ์ เอ๋ มิรา มาพร้อม ทนายเก่ง นฤบดินทรา ศรีศิวารา ทนายความที่ดูแลคดีให้ เอ๋ มิรา


เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ เป็นยังไงบ้าง ?


          เอ๋ : สบายดีค่ะ

สบายดีทั้งน้ำตาไหม ?

          เอ๋ : (นิ่งก่อนหัวเราะ)

อย่าร้อง ๆ ตั้งแต่ออกโหนกระแสไปครั้งนั้นเป็นยังไงบ้าง ?

          เอ๋ : ชีวิตดีกว่าแต่ก่อนมากเลยค่ะ พี่ทนายเก่งเข้ามาดูแลด้วย และหนูก็ได้สร้างแบรนด์สินค้าขายของของตัวเองไปด้วย ก็ดำเนินชีวิตมาปกติค่ะ

ประจักษ์ชัยยังดูแลอยู่ไหม ?

          เอ๋ : ยังดูแลอยู่ค่ะ อาจารย์น่ารักมากค่ะ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เมื่อวานเป็นเรื่องราวครึกโครม ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีพรากผู้เยาว์ เรื่องมันเกิดจากโหนกระแสไหม ?

          เอ๋ : หนูว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวหรอกค่ะ เรื่องที่พรากผู้เยาว์ แม่หนูก็อยากดำเนินการตั้งนานแล้วค่ะ แต่ไม่มีโอกาสเฉย ๆ

ย้อนเล่าเหตุการณ์อีกสักครั้งได้ไหม ในอดีตตัวเราเองอายุไม่ถึง แล้วไปคบหากับครูไพบูลย์ สุดท้ายคุณแม่มารู้ ?

          ทนาย : เรื่องราวเกิดขึ้นตอนที่เอ๋เรียนอยู่ ม.4 ขณะนั้นคุณไพบูลย์เป็นอาจารย์ฝึกสอนมาสอนที่โรงเรียนเดียวกันที่เอ๋เรียนหนังสืออยู่ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่มีลักษณะจีบ รักใคร่ชอบพอกัน และสุดท้ายได้มีการไปมีสัมพันธ์กัน ขณะรักใคร่ชอบพอกัน แม่ของเอ๋ ซึ่งเป็นผู้ปกครอง ไม่ได้ยินยอมด้วย ไม่ได้ยินยอมให้เอ๋คบหากัน และไม่ได้ยินยอมให้ครูไพบูลย์มามีสัมพันธ์กับเอ๋ แล้วเป็นกรณีที่เอ๋อายุยังไม่ถึง 18 ปี ตรงนี้ทำให้เกิดประเด็นที่มีการไปแจ้งความกัน เหตุการณ์แจ้งความก็เกิดขึ้นก่อนที่น้องเอ๋กับผมจะมาออกรายการในรอบที่แล้ว ที่มีบันทึกผู้ใหญ่บ้าน เป็นบันทึกสำคัญ เป็นหลักฐานเด็ด

บันทึกนั้นว่ายังไง ?

          ทนาย : บันทึกผู้ใหญ่บ้านฉบับนั้นในข้อเท็จจริงระบุเลยว่าฝ่ายครูไพบูลย์ล่วงละเมิดทางเพศเอ๋ ในขณะที่เอ๋เป็นผู้เยาว์อยู่ และแม่ไม่ยินยอม ตอนหลังมีการตกลงจะนำเงินไปชำระให้ 1 แสน ถ้าผิดนัดต้องจ่าย 2 แสน และยอมให้แม่เอ๋ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เขาผิดนัดผิดสัญญา ไม่ได้เอาเงินแสนมาจ่าย ไม่ได้สู่ขอ ไม่ได้แต่งงานตามประเพณีอะไร แม่เขาก็ติดใจดำเนินคดีอยู่

          แต่ด้วยความพร้อมของคนในหมู่บ้าน ไม่อยากขัดใจลูกสาว ไม่อยากให้ครอบครัวลูกสาวมีปัญหา เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ตัวครูไพบูลย์ก็ไม่ได้เข้ามาสู่ขอ หรือเอาเงินมาจ่าย มารับผิดชอบในสิ่งที่ตกลงกัน มันก็เลยเป็นประเด็นที่ทำให้น้องเอ๋มาออกรายการโหนกระแสตรงจุดนั้น ถามว่าแม่ติดใจไหม แม่ก็ยังติดใจดำเนินคดีอยู่ ก่อนวันที่เอ๋มาออกรายการ 3 ปีที่แล้ว ก่อนเขาเลิกรากัน เอ๋ได้ไปพบทนายคนหนึ่ง ทนายให้คำแนะนำว่าฟ้องไม่ได้

          เอ๋ : ทนายบอกว่าฟ้องไม่ได้ค่ะ ยังไม่มีหลักฐาน ให้หนูอดทนรอ กลับบ้านไปถ่ายรูปตอนเขากอดกัน หรือไปมีอะไรกัน ที่เป็นหลักฐานเพื่อที่จะฟ้องค่ะ

          ทนาย : อันนั้นคือประเด็นเรื่องหย่า และได้พูดคุยเรื่องคดีพรากผู้เยาว์ที่ผิดบันทึกข้อตกลง

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ตอนนั้นมี 2 เรื่อง เรื่องพรากผู้เยาว์ที่แม่ไม่ตกลง ครูตกลงว่าจะมอบเงินให้ สอง เขาไปมีคนอื่น เราไปปรึกษาทนายว่าเขาไปมีคนอื่นเราจะหย่า ทนายคนนั้นก็บอกว่าไม่ได้ ต้องเก็บหลักฐานก่อนถึงฟ้องได้ จริง ๆ มันฟ้องชู้ได้ใช่ไหมในตอนนั้น ?

          ทนาย : ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าน้องมีพยานหลักฐานแค่ไหน น้องอาจฟ้องชู้ได้ก็ได้ แต่สำคัญคือคดีพรากผู้เยาว์ ทนายให้คำปรึกษาอีกแบบหนึ่ง

ฟ้องกี่คดี ?

          ทนาย : ผมฟ้องเรื่องอำนาจปกครองบุตรน้องสายแนน ให้ศาลมีคำพิพากษาให้สายแนนเป็นบุตรโดยชอบของเอ๋ ซึ่งชนะคดีแล้ว เขากำลังอุทธรณ์อยู่

เรื่องฟ้องคดีพรากผู้เยาว์ ชนะศาลชั้นต้น ศาลสั่งลงเลยไหม ?

          ทนาย : พิพากษาจำคุก 8 ปี ไม่รอลงอาญาให้ครับ แต่เขาประกันตัวสู้ชั้นอุทธรณ์

ถ้ารอลงอาญาคือทำความผิดอีกไม่ได้ แต่ออกมาใช้ชีวิตทั่วไปได้ เหมือนคาดโทษไว้ ถ้าทำผิดอีกคุกเลย กับอีกอัน ไม่รอลงอาญา คือไม่จำเป็น คุณติดจริงเลย แต่ด้วยสิทธิสามารถประกันตัวออกมาเพื่อทำอุทธรณ์และไปสู้กันในชั้นอุทธรณ์ ไม่ต้องขึ้นศาล แต่ทำหนังสือไปชั้นอุทธรณ์ หลังเกิดเรื่องนี้ครูไพบูลย์ติดต่อมาไหม ?

          เอ๋ : ไม่ค่ะ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ตอนศาลพิพากษา เราไปไหม ?

          ทนาย : ผมกับน้องเอ๋ไม่ได้ไป มีท่านทนายน้อง น้องสาวผม ไปฟังคำพิพากษาแทน ซึ่งเป็นทนายคดีนี้ด้วย

ครูไพบูลย์ไม่ได้ติดต่อมาเลย ?

          เอ๋ : ไม่ค่ะ ตั้งแต่หนูเอาลูกมาอยู่ 2 ปีแล้ว เขาก็ไม่ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดู ไม่ได้โทร. มาหาลูกเลยค่ะ

อีกคดีที่ฟ้องคือสิทธิครอบครองลูก ตอนแรกเด็กอยู่กับเขา ?

          ทนาย : ตอนแรกที่เอ๋ตัดสินใจหย่า เอ๋ไม่มีทางเลือก อำนาจต่อรองเอ๋ไม่มีเลย เอ๋เลยยอมให้น้องสายแนนอยู่ในอำนาจการปกครองของเขาฝ่ายเดียว ในวันที่ทำบันทึกหย่ากัน หย่ากันที่อำเภอ เลยทำให้อำนาจการปกครองบุตรอยู่ที่เขาฝ่ายเดียวตั้งแต่วันนั้นมา ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วที่น้องได้หย่า พอมาทำคดีน้อง น้องก็ปรึกษาว่าอยากได้ลูกกลับมา เพราะตอนนี้ทำผลิตภัณฑ์ มีรายได้แล้ว หนูเลี้ยงลูกได้ดีกว่า ผมก็ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว

เขาค้านไหมตอนแรก ?

          ทนาย : เขาค้านครับ มีการสู้คดีกันเลย เขาไม่ยอมให้ลูกกลับมา

          เอ๋ : เขายอมให้กลับมา แต่ว่าเขาไม่ให้สิทธิ ให้หนูเลี้ยงได้ แต่ไม่ให้สิทธิ

ไม่ให้สิทธิดูแล เราจะไม่มีสิทธิ์ในเด็กคนนี้เลย ?

          เอ๋ : ใช่ค่ะ

          ทนาย : แต่ในคำคัดค้าน เขาคัดค้านไม่ให้อำนาจปกครองบุตรกลับมาที่เรา ผมร้องให้อำนาจปกครองบุตรอยู่ที่เอ๋ฝ่ายเดียว เขาก็คัดค้านมา ก็สู้กันเต็มรูปแบบเลยครับ แต่น้องสายแนนยืนยันจะอยู่กับแม่ ด้วยคดีนี้เป็นเรื่องความรู้สึก ด้วยเด็กอายุเยอะพอที่จะตัดสินใจเองได้แล้ว ศาลถามเด็กว่าจะอยู่กับเอ๋หรืออยู่กับพ่อ เด็กบอกว่าจะอยู่กับแม่เอ๋ ไม่อยู่กับฝั่งนั้น ศาลก็เลยพิพากษาให้เด็กมาอยู่กับเอ๋ฝ่ายเดียว อำนาจปกครองบุตร ณ ตอนนี้ระหว่างที่อุทธรณ์กันอยู่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้น้องสายแนนอยู่ในอำนาจการปกครองของเอ๋คนเดียว ชนะมาแล้วก่อนคดีนี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นข่าวออกมา

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

สิทธิในการดูแลเด็กอยู่ที่เอ๋ แล้วครูไพบูลย์เองต้องดูแลรับผิดชอบอะไรไหม ?

          ทนาย : คำขอท้ายฟ้องเอ๋บอกว่าไม่เอา คำร้องของเราเอ๋บอกว่าไม่เอา ผมก็ยื่นบอกว่าไม่เอา ยื่นอำนาจปกครองบุตรอย่างเดียว ค่าเลี้ยงดูน้องไม่เอา

ทำไมถึงไม่เอา ทำไมไม่บอกว่าในเมื่อครูมีรายได้ มีบ้านหลังใหญ่ มี BMW ขับ ทำไมเอ๋ถึงคิดว่าไม่เป็นไร ไม่เอาเงินจากเธอ จะดูแลลูกคนเดียว เพราะอะไร ?

          เอ๋ : ศาลถามหนูว่าที่หนูอยากได้ลูกไป เพราะอยากได้เงินจากการเลี้ยงดูของลูกหรือเปล่า ครูไพบูลย์เขาพูดกับศาลว่าหนูอยากได้เงินโดยการเอาลูกมาเลี้ยง หนูเลยบอกศาลว่าหนูไม่ขอสิทธิในการเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้ หนูขอครึ่งหนึ่งก็ได้ แต่เขาไม่ยอมค่ะ เขาบอกว่าผมแพ้ไม่ได้ ผมให้ไม่ได้ หนูก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นเงินที่บอกว่าถ้าเอาลูกมาเลี้ยง ขอเอาเดือนละ 2 หมื่น หนูไม่เอาก็ได้ หนูสามารถเลี้ยงลูกหนูได้ หนูบอกศาลแบบนี้ค่ะ

คุณจะบอกว่ามุมครูเองตอนขึ้นศาล เขาบอกว่าเอ๋ต้องการเอาลูกไปอยู่ด้วยเพราะต้องการรายได้จากเขา เหมือนเอาเด็กเป็นตัวประกัน เอ๋รู้สึกว่าเหมือนดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นแม่เกินไป คุณก็เลยบอกว่างั้นเงินไม่ต้องให้ แต่ขอดูแลลูกเอง ?

          เอ๋ : ค่ะ

คุณก็เด็ดมากนะ ?

          ทนาย : ลูกผู้ชายมากครับ แมนมาก

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

สรุปวันนี้คุณไม่ต้องการค่าเลี้ยงดูใด ๆ จากเขาเลย ?

          เอ๋ : หนูไม่ต้องการค่ะ แต่ถ้าเขาคิดว่าเขาควรให้ลูก

เขารู้สึกถึงความเป็นพ่อ อยากซื้อขนมให้ลูก มาเยี่ยมลูกบ้างก็ทำได้ แล้วแต่เขา เอามาให้ลูก ไม่ต้องให้เราก็ได้ แล้วเขามาไหม ?

          เอ๋ : ไม่ค่ะ ไม่เคยมาเลยค่ะ 2 ปีแล้วค่ะ

โทร. คุยกับลูกไหม ?

          เอ๋ : ไม่โทร. ค่ะ

ถามลูกไหมว่าพ่อโทร. มาหาไหม ?

          เอ๋ : เราถามลูกว่าอยากโทร. หาพ่อไหม อย่างวันพ่อที่ผ่านมา เราก็ถามว่าสายแนนคิดถึงพ่อไหม แม่โทร. หาให้ไหมลูก เขาก็บอกว่าถ้าโทร. ไปแล้วพ่อไม่รับล่ะแม่จะทำยังไง เราก็บอกว่าเขาไม่รับก็ไม่เป็นไรหรอก โทร. ไหม ลูกก็บอกว่าไม่

ลูกอยู่กับคุณเป็นยังไง ?

          เอ๋ : มีความสุขดีค่ะ ไปกัน 3 คนกับแฟนใหม่เรา แฟนใหม่เราก็ดูแลลูกดี เพราะหนูบอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าไม่ต้องรักลูกหนูก็ได้ ขอแค่อย่าทำร้ายลูกหนูก็พอ หนูรักลูกหนูคนเดียวพอ ใครหน้าไหนก็ทำอะไรลูกหนูไม่ได้ ถ้าหนูรักลูกหนูมากพอ

เรารักลูกมากกว่าผัวใหม่ ง่าย ๆ ?

          เอ๋ : อยู่แล้วค่ะ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ล่าสุดเห็นเขาโพสต์ เขาไลฟ์ไหม ?

          เอ๋ : เห็นอยู่ค่ะ

เราตามดูตลอดหรือยังไง ?

          เอ๋ : ไม่ค่ะ มีเอฟซีส่งมาให้ดู

ตอนครูไพบูลย์มีการไลฟ์ ยังพูดด้วยซ้ำว่าตามศาล มีทั้งหมด 3 ศาล มุมการต่อสู้เป็นสิทธิของคุณไพบูลย์ที่เขาจะสามารถอุทธรณ์ได้ ก็มีการประกันตัวเพื่อต่อสู้ ทนายกังวลใจไหม ?

          ทนาย : ไม่กังวลครับ ด้วยการอุทธรณ์คือการเอาพยานหลักฐานที่ว่ากันโดยชอบมาแล้วในศาลชั้นต้นมาว่ากันในศาลอุทธรณ์ เขาก็ต้องโต้แย้งว่าที่ศาลตัดสินลงโทษจำคุกเขานั้นไม่ชอบยังไง

ต้องไปหาพยานหลักฐานเพิ่มว่าเขาไม่ได้กระทำแบบนั้นจริง ?


          ทนาย : ไม่มีการหาหลักฐานเพิ่มเติมครับ ใช้ได้แค่พยานหลักฐานที่สืบพยานกันมาแล้วในศาลชั้นต้นเท่านั้น ซึ่งคดีนี้มีพยานบุคคล 4 ปาก ฝั่งโจทก์ และเขา 1 ปาก ก็คือตัวเอ๋ แม่เอ๋ ยายเอ๋ ผู้ใหญ่บ้านที่ทำบันทึก ส่วนฝั่งเขามีเขาแค่ปากเดียว ประจักษ์พยาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานเอกสาร มันว่ากันมาโดยชอบในศาลชั้นต้นแล้วครับ ในชั้นอุทธรณ์เขาไม่มีสิทธิ์นำพยานหลักฐานอื่นเข้ามาเลย ฉะนั้นแล้วด้วยคำพิพากษาของศาลเมื่อวานที่ท่านตัดสิน ที่ทนายน้องแจ้งมา ท่านก็ค่อนข้างปิดทุกประเด็นในประเด็นโต้แย้งกัน ฉะนั้นผมไม่รู้สึกกังวลเลย คดีนี้อุทธรณ์มาผมก็แก้อุทธรณ์ ผมสู้มาตั้งแต่แรก ผมมั่นใจมาก ๆ คดีนี้

มั่นใจว่าติดแน่ ?

          ทนาย : มั่นใจมาก ๆ ว่าติดครับ ขอให้สู้ต่อเถอะครับ ได้ทุกเมื่อ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ถ้าอุทธรณ์ตัดสินยืนตามชั้นต้น ไปฎีกาได้ไหม ?

          ทนาย : ไปฎีกาเหนื่อยแน่ครับ เพราะ 2 ศาลตัดสินมาแล้วครับ เหนื่อยแน่ชั้นฎีกา อาจไม่ได้รับไปถึงฎีกา อาจติดแค่ชั้นอุทธรณ์ก็ได้ อาจติดภายใน 2 ปีนี้ก็ได้

ถ้าไม่ต้องฎีกาก็เข้าคุกเลย ?

          ทนาย : 8 ปีเต็ม ๆ ครับ

ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ ?

          ทนาย : ครับ อาจมีเรื่องลดโทษ ตรงนั้นก็ต่างหากครับ แต่ลงไปเลย 8 ปี ส่วนคุณประพฤติตัวดีไม่ดี ค่อยไปว่ากันตรงนั้น อภัยโทษต่าง ๆ นานา แต่โทษที่ศาลให้คือ 8 ปีครับ

คดีพรากผู้เยาว์ เอาตรง ๆ ศาลเองถ้าพิเคราะห์แล้ว ท่านลงแบบนี้แล้ว แสดงว่าท่านต้องเป๊ะเหมือนกัน ไม่งั้นยกประโยชน์ให้จำเลยอยู่แล้ว ถ้ามีข้ออะไรนิดเดียวก็เป็นประโยชน์ให้จำเลย แต่นี่แสดงว่าท่านเก็บหมด ?

          ทนาย : ครับ คดีนี้สิ่งที่ผมมองว่าทุกคนที่ติดตามมาจะได้ คือเกราะกำบัง หรือเกราะแก้วที่คุ้มครองเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี หลังจากคดีนี้ออกไป ทำให้โรงเรียนมัธยมทุกโรงเรียนมีเกราะแก้วกำบังจากกฎหมายเรื่องพรากผู้เยาว์ บิดามารดา พ่อแม่เด็ก ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือครูในโรงเรียน ก็จะรู้สึกอุ่นใจว่าเด็กมีกฎหมายคุ้มครองเขาอยู่ ถึงแม้เขาอายุไม่ถึง 18 ปี คนที่คิดทำชั่ว คิดล่วงละเมิดทางเพศ หรือครูในโรงเรียนคิดทำชั่วกับเด็กไม่เกิน 18 เห็นข่าวนี้ต้องระวังให้ดี อายุความ 15 ปี เด็กจะยินยอมก็ช่าง ถ้าพ่อแม่เขาไม่เอาด้วย ติดคุกครับ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ครูหรือผู้ใหญ่ล่วงละเมิดเด็กไม่เกิน 18 เด็กยอมหรือไม่ยอมไม่ใช่ประเด็น ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอม คุกเลย ?

          ทนาย : ครับ นี่คือสิ่งที่สังคมได้จากการติดตามคดีนี้ การไลฟ์ของผมเมื่อวานทุกคนก็เห็นเป็นเสียงเดียวกันว่านี่แหละคือสิ่งที่เราทำร่วมกัน ทำให้สังคมได้รับรู้กฎหมาย 317 หรือ 319 คุ้มครองเด็กจริง ๆ คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างให้คนที่คิดทำชั่ว ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ไม่ปล่อยให้เด็กเติบโตตามกาลเวลาของเขา ก็จะหยุดการกระทำนั้นทันที

ครั้งหนึ่งคุณเอ๋บอกว่ายินดีจะคบกับครูไพบูลย์ ไปคบหากัน มีสัมพันธ์ต่าง ๆ นานา แต่แม่ไม่รู้ แม่มารู้ทีหลัง แล้วคุณไพบูลย์ทำหนังสือฉบับหนึ่งให้เอาไว้ ?

          ทนาย : รับผิดการกระทำ และจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่สุดท้ายก็ไม่จ่าย ตรงนี้ศาลท่านมองว่าการกระทำความผิดเกี่ยวกับพรากผู้เยาว์ไม่ได้ลบล้างด้วยการขอแต่งงาน หรือกรณีคุณตกลงจะจ่ายเงินให้แม่เขา แต่เหตุที่ทุกวันนี้สังคมยังสามารถใช้ประเด็นนี้อยู่ คือด้วยพ่อแม่เด็กกำลังทรัพย์เขาไม่พอที่จะปะทะ สอง เขาไม่รู้ว่ามีกฎหมายข้อนี้คุ้มครองเด็กอยู่ สาม ลูกเขาอยู่กินกันไปจนขาดอายุความ มี 3 ประเด็นนี้ ทำให้คดีลักษณะแบบนี้ไม่เกิดขึ้นในสังคม

          แต่วันนี้ทุกคนได้รู้ได้เห็นแล้วว่ากฎหมายเรื่องนี้ค่อนข้างร้ายแรงและคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง เชื่อไหมว่าทั้งวันเมื่อวานมีคนอินบ็อกซ์มาหาผม โรงพักหลายโรงพักเริ่มรับคดีแบบนี้แล้ว ไอ้พวกที่ไปกระทำชำเราเด็กแล้วยังไม่ขาดอายุความ ถ้าพ่อแม่ไม่ยินยอมถือว่าผิด อายุไม่เกิน 15 ปี เด็กยินยอมหรือไม่ยินยอม พ่อแม่ยินยอมหรือไม่ยินยอม ก็ผิด จำคุก 3-15 ปี อายุไม่เกิน 18 ปี เด็กยินยอม แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ยินยอมก็ผิด จำคุก 1-10 ปี ความต่างคือระวางโทษจำคุก

กรณีนี้เห็นบอกว่าเอ๋มีเรื่องเจ็บช้ำน้ำใจอยู่ เพราะครูไพบูลย์ฟ้องเอ๋เหมือนกัน ?


          เอ๋ : ฟ้องเรื่องมาออกรายการโหนกระแสนี่แหละค่ะ เขาบอกว่าภรรยาใหม่ของเขาเสียหาย หนูไปทำให้กิจการเขาปิด ทำให้เขาไม่มีคอนเสิร์ต เงินที่ได้จากยูทูบเดือนละล้านก็ตกลงมาเหลือเดือนละ 4,000 เขาก็บอกว่าเป็นความผิดของหนู หนูก็เลยพูดในศาลว่า ถ้าคุณไม่ท้อง หรือแฟนคุณไม่มีแฟน ความนิยมจะลดลงไหม ทำไมไม่โทษตัวเองบ้าง ทำไมมาโทษแต่หนู

เขาใช้คำพูดคำไหนในการฟ้อง ?

          ทนาย : จริง ๆ การร่างบรรยายเรื่องหมิ่นประมาทมันต้องสรุปให้ได้ว่าคำไหนเข้าอย่างไร แต่คำฟ้องของเขา เขาเอาบรรยายคำพูดเอ๋ทุกคำในรายการแล้วเอาไปสรุปรวบยอดว่าหมิ่นประมาทเขา สิ่งที่เราสู้คือเรากำลังจะบอกว่าเราเข้าข้อยกเว้น เราพูดในสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง และเราได้รับผลกระทบนั้นจริง การที่เราออกมาพูดไม่มีเจตนาใส่ความเขา ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพิธีกรถาม เราก็สู้ประเด็นเรื่องเจตนา

ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพิธีกรถาม ?

          เอ๋ : พี่หนุ่มต้องไปเป็นพยานให้หนู (หัวเราะ) ศาลจังหวัดเลยค่ะ

แล้วผมก็ต้องขาดงานอีกแล้ว ต้องไปขึ้นศาล ?

          ทนาย : ที่เขาฟ้องน่าจะเป็นวันที่เอ๋มาออกรายการ วันที่ 3 สิงหาคม 2564

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ไม่สบายใจที่เขาด่าแม่เอ๋เหรอ ?

          เอ๋ : ใช่ค่ะ บางคนอาจคิดว่าหนูชนะคดีแล้วรู้สึกดีใจ สะใจ แต่จริง ๆ แล้วมันตีค่าไม่ได้กับความสูญเสียที่หนูเสียไป แล้วกับสิ่งที่แม่หนูโดนเขาย่ำยี โดยบอกว่าแม่หนูเห็นแก่เงิน ด่าใครก็ได้ แต่อย่าด่าแม่หนู ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ด่าแม่หนู แม่หนูจะเป็นอะไร จะทำงานอะไรมา แม่หนูก็เลี้ยงหนูมาอย่างยากลำบาก ทำไมเขามาพูดใส่คำหยาบกับแม่หนูว่าหน้าเงินจังเลย

เขาพูดที่ไหน ?

          เอ๋ : เขาพูดทุกครั้งค่ะที่แม่หนูถามว่าทำไมไม่มาสู่ขอ

เห็นบอกบนชั้นศาล เขาบอกคุณ 2 คนไปคบหากันด้วย ?


          เอ๋ : ที่เขาลงสตอรี่ไม่ได้เอ่ยชื่อค่ะ เขาลงว่าหนูน่าจะโดนแฟนทนายไล่ออกจากบ้าน บอกว่าหนูกับทนายน่าจะมีซัมติงกัน

ไปกินกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่ ?

          เอ๋ : (หัวเราะ) หนูมองว่าทำไมคนเราต่ำแล้วยังต่ำได้อีก นี่พูดลอย ๆ ค่ะ

ยืนยันว่าเรา 2 คนไม่ได้คบหากัน ?

          ทนาย : ไม่แน่นอนครับ

          เอ๋ : ไม่ค่ะ พี่ทนายเก่งดีกับหนูมาก ๆ ถ้าหนูทำกับพี่เก่งก็เหมือนหนูทำร้ายพี่ปุ๊กกี้ แฟนพี่ทนายเก่ง แกดีกับหนูมาก รักหนูมาก เป็นครอบครัวตัวอย่างที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

ประเด็นที่ครูไพบูลย์ฟ้อง เอ๋ มิรา ก็สงสัยว่าเป็นเพราะเอ๋ไปฟ้องพรากผู้เยาว์เขาก่อนหรือเปล่า เขาถึงฟ้องหมิ่นประมาทกลับมา แต่จริง ๆ ไม่ใช่ ครูไพบูลย์ไปฟ้องเขาก่อน เขาก็เลยสวนด้วยการพรากผู้เยาว์ ซึ่งตัดสินแล้ว แล้วคดีเขาล่ะ ?

          ทนาย : เหลือสืบพยานฝ่ายจำเลย เดือนพฤษภาคม พี่หนุ่ม กรรชัย นี่แหละครับ (หัวเราะ)

          เอ๋ : ดูตัวเองในวันนั้นแล้วสะท้อนสังคม ฝากเด็ก ๆ ทุกคนที่มีความรักก่อนวัยอันควร ดูหนูเป็นตัวอย่างก็ได้ ผลกระทบที่ตามมาไม่ได้มีแค่เรา แต่กลับเป็นครอบครัวเราที่ต้องมาเสียใจ เราเจ็บแค่นี้ แต่แม่เราเจ็บมากกว่าเราเป็นร้อยเท่า ไม่เคยบอกแม่เลยว่าหนูทะเลาะกับเขาหรือมีปัญหาอะไร (เสียงสั่นเครือ) จนตอนนี้หนูเป็นแม่คนแล้ว อยากบอกเด็กทุกคน ดูหนูเป็นตัวอย่าง ผลกระทบที่ตามมามันรุนแรงมาก ไม่ได้มีแค่เราค่ะ

ตอนนี้ยังมีแฟนคลับครูเพลงมาต่อว่าคุณไหม ?

          เอ๋ : ก็ยังมีค่ะ คนที่ไม่ได้ติดตามเรา แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะหนูทำงานกับพี่ทนายเก่ง มีพี่ ๆ เอฟซีหลายคนมาให้กำลังใจ บางทีคนมาให้กำลังใจไม่ได้เป็นเอฟซีเราก็มี ที่เขามองเห็นปัญหาเรา

คนด่ายังมีอยู่ไหม ล่าสุดป้าพลอย ชงเก่ง ด่าว่าคุณบีบน้ำตาสร้างภาพ ?

          เอ๋ : คุณลองมาเป็นหนูดูไหมคะ ลองโดนนอกใจดูไหมคะ (ร้องไห้) ลองให้แม่คุณโดนเหยียบย่ำดูไหมคะ

สุดท้ายอยากฝากบอกอะไรถึงครูเพลง ?

          เอ๋ : ไม่ได้อยากฝากบอกเขา แต่อยากฝากผู้ใหญ่หลาย ๆ คน คุณครู หรือคนมีวุฒิภาวะ การที่เด็กหรือคนไม่บรรลุนิติภาวะ บางทีเขายังคิดอะไรไม่ได้ ตอนนี้สังคมน่ากลัวมาก ถ้าเราไม่เห็นความสำคัญตรงนี้ หรือมองข้ามว่าเด็กสมยอมนั่นโน่นนี่ ถ้าทุกคนยังคิดแบบนี้ สังคมนี้จะน่ากลัวมาก หนูในฐานะคนเป็นแม่ หนูมารู้สึกและเข้าใจตอนที่หนูโตแล้ว แต่ตอนที่หนูเป็นเด็ก หนูก็ตามเด็กค่ะ ที่คิดว่าอะไรก็ได้ แต่ไม่รู้ผลกระทบคืออะไร อยากฝากบอกแม่หนูมากกว่าค่ะ หนูขอโทษที่ผ่านมา (ร้องไห้) ขอโทษที่ไม่เชื่อฟัง ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจแม่ ขอโทษที่คนอื่นต้องมาทำให้แม่เสียใจ ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตหนู หนูคงไปได้ไกลกว่านี้ ขอบคุณแม่ที่เข้าใจและอดทนรับฟังตลอดมา

รอเขาอุทธรณ์ มั่นใจว่าสู้ได้ ?

          ทนาย : มั่นใจครับ  

          ทั้งนี้ สามารถติดตามชมรายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอ๋ มิรา ย้อนเล่า ครูไพบูลย์ สมัยเป็นครูฝึกสอน - หนุ่ม กรรชัย เตรียมขาดงานไปขึ้นศาล ! อัปเดตล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 01:02:16 18,621 อ่าน
TOP
x close