พ่อยัน ไม่ได้ทิ้งน้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม ในวันที่จากไปแค่ไม่อยากให้ลูกมาลำบาก ชี้ยังคอยดูอยู่ห่าง ๆ ด้านคนดูแลเปิดใจเศร้า ช่วงเวลาก่อนน้องเสียชีวิต ชี้น้องสู้มาก แม้ฝนตก-ขาเจ็บ ก็ไม่ปิดร้าน
เป็นเรื่องราวสะเทือนใจ กรณีการเสียชีวิตของ น้องทีน เจ้าของร้าน "อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด" หลังจากที่น้องทีนพยายามเอาชนะความยากลำบาก ดิ้นรนจากการเป็นเด็กไร้บ้าน จนสามารถเปิดร้านขายกะเพราเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่กลับมาจากไปตั้งแต่อายุยังน้อง ซึ่งผู้ดูแลน้องทีนก็ได้ไลฟ์เล่าช่วงเวลาสุดท้ายของน้อง ตอนที่ทีมแพทย์พยายามช่วยยื้อชีวิตน้อง พร้อมร้องไห้ด้วยความปวดใจ บอกไม่เข้าใจว่าชีวิตคนคนนึง จะถูกทิ้งอะไรได้ขนาดนี้
อ่านข่าว : รับร่าง น้องทีน เตรียมจัดงานศพ ติดปัญหาเข้าเตาเผาไม่ได้ ต้องย้ายวัด 2 รอบ
อ่านข่าว : หนุ่มน้ำตาพราก เล่าคำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นลมของ น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม อยู่ดี ๆ หัวใจหยุดเต้น
ล่าสุด (18 กุมภาพันธ์ 2566) ข่าวช่อง 3 รายงานว่า หลังจากหาสถานที่สำหรับจัดงานศพของน้องทีนได้ ที่วัดนินสุขาราม ศาลา 1 ต่อมา นายชีพ พ่อของน้องทีน ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งลูก แต่ในวันที่แยกออกมาไม่อยากให้ลูกมาลำบากด้วย มันมีปัจจัยหลายอย่างทำให้ติดต่อหน้ากันยาก เมื่อเห็นว่าเขามีอาชีพแล้วก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรือแสดงตัว เพราะกลัวจะดูไม่ดี
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตนมาหาลูกชายแต่ไม่เจอ มารู้อีกทีลูกก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว ตอนแรกก็เห็นว่าอาการดีขึ้น แต่อยู่ ๆ ก็ทรุดลงและเสียชีวิต ยอมรับว่าใจหายมาก ที่ผ่านมาตนรักลูกและภูมิใจในตัวลูกมาก อยากให้เกิดเป็นลูกตนอีก
พ่อน้องทีน เผยว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กที่กตัญญูมาก ไม่ใช่แค่กับญาติตัวเอง แต่เป็นทุกคนที่เคยให้เขา แล้วเขาจะให้ตอบ เขาจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนต่อ ๆ ไป ตนจึงภูมิใจในตัวลูก แต่จะมาประกาศไมได้ว่าเป็นลูกตน เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างที่มากเกินกว่าจะอธิบายได้หมด ตนภูมิใจตั้งแต่ที่เขาอยู่กับย่า แล้วดูแลย่าแทนตนได้ ตอนที่ตนจากไปก็เข้าใจว่าเขาอยู่กันได้ โดยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเป็นพ่อ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ดูคลิปวิดีโอ ที่มีคนพูดถึงเขา ตนดูอยู่ห่าง ๆ บอกได้ว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน คนที่คิดว่าท้อหากมาดูน้องก็จะมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ
ด้าน ยายแจ๋ว อายุ 63 ปี ยายของน้องทีน เผยว่า หลังน้องทีนเกิดมาพ่อแม่ก็ยังอยู่ด้วยกัน ก่อนจะมีปัญหา ทำให้ย่าเป็นคนเลี้ยงน้องทีนตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อย่าเสียชีวิตยายก็มาช่วยดูแลต่อสักพักหนึ่ง ก่อนจะมีคนรับไปอุปการะ ยืนยันว่าไม่ได้ทอดทิ้งหลาน ตอนที่หลานเข้าโรงพยาบาลก็คิดว่าอาการคงดีขึ้นแล้ว เลยไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะต้องทำงานและดูแลคนป่วยติดเตียงที่บ้าน ต่างคนต่างทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง
ขณะที่ นายต่อศักดิ์ คนดูแลน้องทีน เผยว่า ตอนที่ได้อยู่ด้วยกันน้องเขาหมดแรงและหมดสติไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนเลยแจ้งพยาบาลว่าไปซื้อเกลือแร่มาให้น้องดื่มได้ไหม ก็ไปซื้อเกลือแร่มาให้น้องดื่ม จากนั้นน้องก็พอพูดอะไรได้ ก่อนจะอ้วกอีก 2 ครั้งแล้วหมดสติ มารู้อีกทีก็พบว่ามีการปั๊มหัวใจให้น้องและไม่ตอบสนอง อีกทั้งไม่สามารถให้ยาอะไรได้
ในส่วนที่เขาดังเพราะตนอยากให้เขาดัง อยากให้พ่อแม่เขามาเจอและได้พบกัน ที่ผ่านมาน้องสู้มาก เคยขายของกลางฝน ไม่ยอมปิดร้านทั้งที่ตัวเองเจ็บขา หลายครั้งที่ตนพาไปกินข้าวร้านอาหาร น้องมักจะอายกลัวคนดูถูก แต่ตนสอนอยู่เสมอว่าไม่ต้องอาย และไม่ต้องคิดว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ค่า
ในวันที่น้องทีนป่วย ฝีที่เท้าขวาแตก ตนพาไปรักษาจนเริ่มดีขึ้น แต่แผลดันมาติดเชื้อ ตอนแรกน้องไม่อยากไปโรงพยาบาล กลัวค่ารักษาแพงแล้วตนจะจ่ายไม่ไหว ซึ่งทั้งนี้ตนต้องขอโทษน้องที่ไม่ได้เลี้ยงให้อยู่สุขสบาย และอยากขอโทษทุกคน ยืนยันว่าที่มาช่วยน้องไม่ได้หวังทรัพย์สิน หากครอบครัวของน้องต้องการ ให้มารับที่ตนได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
