หมอรามา เผยผลความเร็ว เมื่อไม่ให้บุตรหลานนั่งคาร์ซีต เผย 6 ขวบลงไปอย่างไรก็ต้องใช้ ไม่แนะนำให้อุ้มเด็กนั่งตัก เข็มขัดนิรภัยอย่างเดียวไม่พอ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีที่น้องโฟโต้ ซึ่งนอนอยู่ตรงแคบรถกระบะ ทะลุกระจกตกจากทางด่วนลงมาเสียชีวิต โดยที่ทางคนขับรถบอกว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากพวงมาลัยรถกระบะล็อก แต่ทางกูรูด้านรถยนต์ยืนยันว่า โอกาสที่พวงมาลัยล็อกน้อยมาก และรถกระบะคันนี้ไม่มีระบบล็อกพวงมาลัย ซึ่งเรื่องนี้ต้องหาสาเหตุต่อไป
อ่านข่าว : กูรูแนะดูตรงนี้ เพื่อไขปริศนา น้องโฟโต้ตกทางด่วนตาย ฟันธงชัด ๆ พวงมาลัยล็อกหรือเปล่า
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ล่าสุด รายการข่าวสามมิติ รายงานว่า รศ. นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัย เพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า การคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ให้กับเด็กอย่างเดียวไม่ปลอดภัย เพราะไม่ได้คาดพอดีกับความสูงของเด็กที่สูงไม่ถึง 135 ซม. จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้คาร์ซีต เพื่อป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ
ภาพจาก ข่าว 3 มิติ
ด้านศูนย์วิจัยได้เน้นย้ำเรื่องการใช้คาร์ซีตมาตลอด แม้จะมีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา พ.ร.บ.จราจรทางบก ไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการบังคับใช้ เพราะอยู่ระหว่างการรอกฎหมายลูกในส่วนอื่น ๆ และในระหว่างนี้ ผู้ปกครองควรใช้คาร์ซีตเพื่อความปลอดภัยของบุตรหลาน
ทั้งนี้ เด็กที่อยู่ในรถยนต์ หากรถวิ่งมาด้วยความเร็วเท่าไร ก็จะเกิดแรงที่ทำให้เด็กกระเด็นเท่านั้น อาทิ หากรถเคลื่อนมาด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เมื่อรถหยุดทันที เด็กก็จะเคลื่อนตัวต่อด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. แรงนี้จะทำให้เด็กเหินไปชนโครงสร้างในรถยนต์ หรือทะลุกระจกออกไป อย่างเคสของน้องโฟโต้ หากน้องโฟโต้นั่งในคาร์ซีต จะทำให้ร่างกายของน้องถูกรัดเอาไว้กับที่ ไม่หลุดออกนอกรถ และการโดยสารรถยนต์ต้องมีระบบยึดเหนี่ยวเสมอ
ภาพจาก ข่าว 3 มิติ
นอกจากนี้ ผู้ปกครองไม่ควรอุ้มเด็กนั่งตักในเบาะหน้า เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ ระยะห่างระหว่างเด็กกับคอนโซลรถที่น้อยกว่า 25 ซม. จะเกิดการกระแทก ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ต้องนั่งเบาะหลัง ผลการวิจัยระบุว่าจะลดความเสี่ยงได้ 2 เท่า ส่วนรถยนต์ 4 ที่นั่ง สามารถติดตั้งที่นั่งนิรภัยได้ทุกรุ่น ทั้งกระบะ 4 ประตูและรถเก๋ง ส่วนกระบะแค็บ ต้องติดตั้งคาร์ซีตตรงเบาะหน้า และต้องไม่มีถุงลมนิรภัยตรงจุดนั้น
ทั้งนี้ มีเด็กไทยเพียงร้อยละ 3.46 ที่ใช้คาร์ซีต