ทนายกฤษณะ คุยกับคุณแม๊ เผยเสียงกล้องหน้ารถแตงโม นิดา บอกไม่มีการปัสสาวะท้ายเรือ กู้ไฟล์โดยผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ด้าน ทนายเดชา โต้กลับ ยันชัดในคลิปไม่มีเสียง
วันที่ 5 มีนาคม 2566 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความของคุณแม่ภนิดา คุณแม่ของนักแสดงสาว แตงโม นิดา เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่คุณแม่เปิดเผยว่า ได้นำเมมโมรี่การ์ดของกล้องหน้ารถมาส่งมอบให้กับศาลนั้น ตนก็ได้โทร. ไปพูดคุยกับคุณแม่ในวันนั้นเลย เพราะเป็นหลักฐานที่ตนเป็นคนส่งมอบให้กับตำรวจ ซึ่งในวันนั้นมีการพูดคุยสอบถามคุณแม่ ทำให้ทราบว่าเป็นบทสนทนาของคน 2 คน ซึ่งคุณแม่ได้ฟังบางส่วนแล้ว และยืนยันกับตนว่า ไม่มีการปัสสาวะท้ายเรือ
ทนายกฤษณะ กล่าวต่อว่า ตนได้ส่งมอบกล้องหน้ารถ และเมมโมรี่การ์ดให้กับตำรวจแล้ว โดยเอกสารระบุวันส่งมอบเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2565 เวลา 11.40 น. มีผู้จัดการหมู่บ้าน รวมถึง รปภ. หมู่บ้าน ที่เป็นพยานในการส่งมอบ และตนได้ซีลใส่ซองพลาสติกเซ็นกำกับเรียบร้อย ส่งให้กับตำรวจ ซึ่งตนได้นัดหมายกับตำรวจว่าจะเปิดฟังข้อมูลในคลิปกล้องหน้ารถร่วมกัน ซึ่งตรงกับวันเดียวกับที่มีการส่งร่างคุณแตงโมไปชันสูตร และยังไม่เสร็จธุระดี จึงขอเลื่อนการเข้าฟังหลักฐานในกล้องหน้ารถออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้น ตนโดนปลดจากการเป็นทนายความของคุณแม่ เลยไม่สามารถเข้าไปฟังได้
![แตงโม นิดา]( "แตงโม นิดา")
ภาพจาก Instagram melonp.official
สาเหตุที่ตนเน้นเรื่องกล้องหน้ารถ เพราะเชื่อว่าก่อนและหลังมันน่ามีความจริงเกิดขึ้น และหากเป็นความจริงตามที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการดองหลักฐานจริง หรือมีการลบข้อมูล ตนจะดำเนินการตามกฎหมายสำหรับผู้ที่กระทำในเหตุการณ์นี้ จะไม่ปล่อย จะเอาคดีนี้กลับขึ้นมา และทวงศักดิ์ศรีตัวเองกลับคืนมาด้วย ส่วนคลิปจากกล้องหน้ารถที่ว่าถูกลบไป และได้ให้ผู้เชี่ยวชาญกู้กลับมานั้น จากการคุยกับแม่เบื้องต้น ทราบว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองและเชื่อถือได้
ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว และตนยืนยันว่า คลิปกล้องหน้ารถที่คุณแม่บอกว่าเป็นหลักฐานใหม่นั้น ไม่มีเสียงอย่างแน่นอน ตนยังได้สอบถามไปยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตำรวจภูธรภาค 1 และผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ก็บอกตรงกันว่าไม่มีเสียง ตนก็มองว่าเจ้าหน้าที่ พฐ. ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปลบไฟล์ในกล้อง
ส่วนหลังจากที่แม่ไปรับกล้องคืนแล้วบอกว่าไปกู้ไฟล์มานั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าแม่ไปทำอะไรบ้าง เพราะความคิดแม่นั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อยู่กับใครคนไหนก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่การที่แม่ยืนยันว่าได้ยินเสียงการสนทนาของคน 2 คนนั้น จะจริงเท็จยังไงไม่ทราบ แต่แม่ต้องรับผิดชอบในคำพูด เพราะแม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และได้ฝากเตือนแม่ไปว่าให้ระวังเวลาคุยกับใคร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
วันที่ 5 มีนาคม 2566 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความของคุณแม่ภนิดา คุณแม่ของนักแสดงสาว แตงโม นิดา เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่คุณแม่เปิดเผยว่า ได้นำเมมโมรี่การ์ดของกล้องหน้ารถมาส่งมอบให้กับศาลนั้น ตนก็ได้โทร. ไปพูดคุยกับคุณแม่ในวันนั้นเลย เพราะเป็นหลักฐานที่ตนเป็นคนส่งมอบให้กับตำรวจ ซึ่งในวันนั้นมีการพูดคุยสอบถามคุณแม่ ทำให้ทราบว่าเป็นบทสนทนาของคน 2 คน ซึ่งคุณแม่ได้ฟังบางส่วนแล้ว และยืนยันกับตนว่า ไม่มีการปัสสาวะท้ายเรือ
ทนายกฤษณะ กล่าวต่อว่า ตนได้ส่งมอบกล้องหน้ารถ และเมมโมรี่การ์ดให้กับตำรวจแล้ว โดยเอกสารระบุวันส่งมอบเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2565 เวลา 11.40 น. มีผู้จัดการหมู่บ้าน รวมถึง รปภ. หมู่บ้าน ที่เป็นพยานในการส่งมอบ และตนได้ซีลใส่ซองพลาสติกเซ็นกำกับเรียบร้อย ส่งให้กับตำรวจ ซึ่งตนได้นัดหมายกับตำรวจว่าจะเปิดฟังข้อมูลในคลิปกล้องหน้ารถร่วมกัน ซึ่งตรงกับวันเดียวกับที่มีการส่งร่างคุณแตงโมไปชันสูตร และยังไม่เสร็จธุระดี จึงขอเลื่อนการเข้าฟังหลักฐานในกล้องหน้ารถออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้น ตนโดนปลดจากการเป็นทนายความของคุณแม่ เลยไม่สามารถเข้าไปฟังได้
ภาพจาก Instagram melonp.official
สาเหตุที่ตนเน้นเรื่องกล้องหน้ารถ เพราะเชื่อว่าก่อนและหลังมันน่ามีความจริงเกิดขึ้น และหากเป็นความจริงตามที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการดองหลักฐานจริง หรือมีการลบข้อมูล ตนจะดำเนินการตามกฎหมายสำหรับผู้ที่กระทำในเหตุการณ์นี้ จะไม่ปล่อย จะเอาคดีนี้กลับขึ้นมา และทวงศักดิ์ศรีตัวเองกลับคืนมาด้วย ส่วนคลิปจากกล้องหน้ารถที่ว่าถูกลบไป และได้ให้ผู้เชี่ยวชาญกู้กลับมานั้น จากการคุยกับแม่เบื้องต้น ทราบว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองและเชื่อถือได้
ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว และตนยืนยันว่า คลิปกล้องหน้ารถที่คุณแม่บอกว่าเป็นหลักฐานใหม่นั้น ไม่มีเสียงอย่างแน่นอน ตนยังได้สอบถามไปยังตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตำรวจภูธรภาค 1 และผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ก็บอกตรงกันว่าไม่มีเสียง ตนก็มองว่าเจ้าหน้าที่ พฐ. ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปลบไฟล์ในกล้อง
ส่วนหลังจากที่แม่ไปรับกล้องคืนแล้วบอกว่าไปกู้ไฟล์มานั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าแม่ไปทำอะไรบ้าง เพราะความคิดแม่นั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อยู่กับใครคนไหนก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่การที่แม่ยืนยันว่าได้ยินเสียงการสนทนาของคน 2 คนนั้น จะจริงเท็จยังไงไม่ทราบ แต่แม่ต้องรับผิดชอบในคำพูด เพราะแม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และได้ฝากเตือนแม่ไปว่าให้ระวังเวลาคุยกับใคร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
