เมียลุงบุญชู เศร้า อีกไม่กี่วันสามีจะกลับไทยแล้ว หลังไปทำงานเป็นผีน้อย 10 ปี ใช้หนี้จนหมด ส่งลูกเรียนจบได้ และสร้างฟาร์มหมูรอไว้แล้ว ทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งหวัง เตรียมบินไปเกาหลีทำพิธีศพ เพราะรับค่าใช้จ่ายส่งศพมาไทยไม่ไหว ไม่ติดใจสาเหตุการตาย
การเสียชีวิตของลุงบุญชู ผีน้อยเกาหลีใต้สร้างความสะเทือนใจในสังคม เพราะในแง่ของความเป็นมนุษย์ เป็นการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสลดไม่น้อย ชีวิตของลุงทำงานที่เกาหลีใต้มา 10 ปีแบบผิดกฎหมาย แล้วต้องนอนข้างเล้าหมู อยู่ในห้องสกปรกมาตลอด และเมื่อเสียชีวิต นายจ้างก็เอาศพไปทิ้งในเขา เพื่อหนีข้อกล่าวหาเรื่องการรับคนงานแบบผิดกฎหมาย
อ่านข่าว : สรุปดราม่า ลุงบุญชู ผีน้อยเกาหลี ทำงานจนตัวตาย เถ้าแก่เอาศพไปทิ้งบนเขา กลัวโดนจับ
อ่านข่าว : คาดสาเหตุ ลุงบุญชู ผีน้อยเสียชีวิต ทำไมเถ้าแก่ถึงเอาศพไปทิ้งบนเขา ไม่แจ้งตำรวจ
วันที่ 9 มีนาคม 2566 ช่อง 3 รายงานว่า นางมะลิ (สงวนนามสกุล) วัย 59 ปี ภรรยานายบุญชู กล่าวถึงสามีว่า ก่อนที่จะรู้เรื่องนี้ ตนติดต่อสามีไม่ได้ จึงประสานคนไทยที่อยู่ที่นั้นให้ไปตรวจสอบฟาร์มที่ทำงานของสามี และแจ้งให้ตำรวจไปตรวจสอบ จนพบศพสามีที่เชิงเขาใกล้ฟาร์ม จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมตัวนายคิม วัย 60 ปี เจ้าของฟาร์มไปสอบสวน นายคิมให้การสารภาพว่า เห็นนายบุญชูเสียชีวิตในที่พัก ตัวเองกลัวความผิดจึงนำศพใส่รถไถไปทิ้งที่เชิงเขา ดังนั้น ตำรวจจึงแจ้งข้อหาทิ้งศพ
สามีตนไปทำงานที่เกาหลีใต้แบบผิดกฎหมายกว่า 10 ปี เพราะครอบครัวยากจน สามีต้องการหาเงินมาใช้หนี้ และสร้างฐานะให้ครอบครัวอยู่ดีมีความสุข ในแต่ละวัน สามีจะโทรศัพท์มาพูดคุย แต่ละเดือนจะส่งเงินให้มาใช้หนี้และส่งลูกชายเรียนจนจบปริญญาตรี ตอนนี้ลูกเรียนจบแล้ว และไปทำงานที่กรุงเทพฯ หาเงินเพิ่มเพื่อช่วยใช้หนี้ให้พ่อจนหมด
หนี้ของสามี หมดเมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายจึงขอร้องให้พ่อกลับบ้าน แต่พ่อไม่ยอมกลับ ต้องการหาเงินสร้างบ้าน ซื้อวัว ควาย และหมูมาเลี้ยง ในแต่ละครั้งที่คุยกัน สามีจะบอกว่าทำงานสบาย มีความสุขดี ขอเก็บเงินอีกก้อน จะกลับบ้านวันที่ 20 มีนาคม 2566
ก่อนที่สามีจะกลับ ทางเราก็สร้างฟาร์มหมู วัว ควายไว้รอเรียบร้อย โดยสามีชอบควายเพศเมียชื่อพลอยชมพูมาก ทุกครั้งที่โทรศัพท์มาก็ต้องขอดูควายตัวดังกล่าว ตอนนี้กำลังท้องใกล้คลอดแล้ว คิดว่า สามีกลับมาก็ได้เลี้ยงควายใกล้คลอดพอดี
หลังจากสามีเสียชีวิต มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศมาติดต่อพูดคุย พร้อมถามความต้องการครอบครัว จึงแจ้งว่าอยากได้ศพสามีมาบำเพ็ญกุศลที่ไทย เจ้าหน้าที่จึงบอกว่ามีค่าใช้จ่าย 11 ล้านวอน ประมาณ 3 แสนบาท ทางครอบครัวไม่มีเงิน จึงคุยกันว่าวันที่ 11 มีนาคม นี้ ตนกับลูกชายจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ไทยประกอบพิธีทางศาสนา เผาศพสามีให้เสร็จสิ้น แล้วนำเถ้ากระดูกกลับมาที่ประเทศไทย
นอกจากนี้ ตนยังต้องหากู้เงินไปใช้จ่ายในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของกฎหมายประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ทราบว่าจำนวนเงินเท่าใด ในเบื้องต้น อ.แวงน้อย และผู้ว่าฯ ขอนแก่น ให้เงินช่วยเหลือ 2 หมื่นบาท ตนจะนำเงินก้อนนี้เป็นค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเกาหลีใต้
ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย
นางหนูเพียร นาจันหอม พี่สาวของนางมะลิ เปิดเผยว่า สามีภรรยาคู่นี้รักกันมาก แต่ด้วยความยากจน สามีจึงต้องเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ ส่งเงินมาให้ภรรยาใช้หนี้และส่งลูกชายเรียนจนจบปริญญาตรี เมื่อใช้หนี้หมดก็ไม่ยอมกลับ เพราะต้องการหาเงินซื้อวัวควาย หมู มาให้ภรรยาเลี้ยง และทำฟาร์ม แล้วเมื่อกลับไทยจะมาสานต่อ
เรื่องการเสียชีวิต ญาติพี่น้องไม่ติดใจ เพราะคิดว่า ร่างกายอ่อนแอจากอากาศหนาว ขอเพียงรับศพกลับมาบ้านได้เป็นพอ แต่ถ้าค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ก็ให้ภรรยากับลูกไปเผาศพที่เกาหลีใต้ แล้วเอาเถ้ากระดูกกลับมาบ้าน ญาติพี่น้องจะทำบุญให้
