ทนายตั้ม ลุยต่อแฉสวนชูวิทย์ เป็นสาธารณประโยชน์จริงเหรอ จี้ กทม. ร่วมตอบด้วย

            ทนายตั้ม ษิทรา เปิดอีกปมใส่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ชี้กรณี สวนชูวิทย์ ยกให้สาธารณะไปแล้ว ทำไมเอากลับมาเป็นของครอบครัวได้อีก กังขาจะใช้อภินิหารทางกฎหมายท่าไหน

ทนายตั้ม, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

            กลายเป็นคู่เดือดที่มีการตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง ระหว่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังก่อนหน้านี้ ทนายตั้ม ออกมาเปิดเรื่องที่ชูวิทย์ได้รับเงินสดจำนวนหลายล้านจากกลุ่มสีเทา โดย นายชูวิทย์ ยอมรับว่าได้รับเงินมาจริงแต่นำไปบริจาคแล้ว พร้อมกับเปิดประเด็นถึง ทนายตั้ม เรื่องการคิดค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท ก่อนจะเกิดกระแสลุกลามไปอีกหลายเรื่องของทนายตั้มอย่างต่อเนื่อง

            ล่าสุด (2 เมษายน 2566) ทนายตั้ม โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พุ่งเป้าไปที่ประเด็นของ นายชูวิทย์ อีกครั้ง โดยตั้งคำถามถึงกรณี สวนชูวิทย์ ที่ดินตรงสุขุมวิท ซอย 10 ซึ่งครั้งหนึ่ง นายชูวิทย์ เคยเปิดให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ก่อนจะใช้เรื่องนี้เสนอต่อศาลจนได้รับการพิจารณาลดโทษ โดยทนายตั้มตั้งคำถามว่าที่ดินผืนนี้ต้องตกเป็นสมบัติของสาธารณะหรือไม่ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวระบุว่า...

            หลายสิบปีก่อนได้ติดตามข่าว ที่ดินบาร์เบียร์ ของพี่ชูวิทย์ ที่ให้คนไปรื้อจนถูกดำเนินคดี จำได้ว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องพี่ชูวิทย์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำคุก ก็สู้คดีมาตลอดแต่พอถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกาจู่ ๆ พี่ชูวิทย์ก็แถลงรับสารภาพ ตอนนั้นจำได้ตนเพิ่งเป็นทนายได้ไม่นาน การที่จู่ ๆ จำเลยปฏิเสธมาตลอด จะรับสารภาพตอนนั้นก็งงเหมือนกัน ทำได้ด้วยเหรอ แล้วศาลจะลดโทษให้ไหม ?

ทนายตั้ม, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

            หลายคนอาจจะเคยได้ยินทนายรุ่นเก่า ๆ พูดว่า การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ส่วนมากศาลจะไม่ลดโทษให้ คำนี้ติดหูตนมาก ระหว่างที่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปนั้น นักกฎหมายสมัยนั้นก็วิจารณ์เรื่องนี้กันไปต่าง ๆ นานาบ้างก็ว่าไม่น่าจะทำได้ บ้างก็ว่าเป็นสิทธิของจำเลย

            พอถึงวันฟังคำพิพากษา ปรากฏว่าศาลฎีกาลดโทษให้ โดยเหตุผลหนึ่งคือ จำเลยได้มีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้จากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา

ทนายตั้ม, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

            ได้ลดโทษมา 3 ปี เหนาะ ๆ เพราะให้ที่เป็นสาธารณประโยชน์ ตนถึงรู้สูตรนี้ว่า จำเลยสามารถกลับคำให้การชั้นฎีกา และลดโทษได้ ถ้ามีเหตุผลดี ๆ ก็เลยลักจำเอาคดีที่ทนายของพี่ชูวิทย์ใช้วิชาขั้นเทพนี้มาประยุกต์ใช้บ้าง

            เมื่อไม่นานมานี้ ตนเพิ่งรู้ข่าวว่าที่ดินที่พี่ชูวิทย์อุทิศให้คน กทม. ไว้ใช้เพื่อสาธารณะ ตอนนี้กำลังพัฒนาให้เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่าหลายพันล้าน ก็ตกใจเพราะนักกฎหมายทุกคนทราบดีว่า ถ้าแค่พูดว่ายกที่ดินให้สาธารณะมันจะโอนทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียน และไม่สามารถถอนคืนการให้ได้

ทนายตั้ม, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

            เรื่องนี้ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ และกรุงเทพมหานคร ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทำความจริงให้ปรากฏ ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่แถวนั้นและเคยใช้ประโยชน์กับสวนชูวิทย์อาจจะรวมตัวกันไปฟ้องคดีต่อศาลเองเพื่อทวงคืนปอดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถทำได้

            แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้น พี่ชูวิทย์จะใช้อภินิหารทางกฎหมายท่าไหน เอาที่ดินที่ยกให้สาธารณะไปแล้ว มาเป็นของครอบครัวตัวเองได้อีก เรื่องนี้คงจะถกเถียงกันอีกนาน จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินเป็นแนวทางต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ



เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทนายตั้ม ลุยต่อแฉสวนชูวิทย์ เป็นสาธารณประโยชน์จริงเหรอ จี้ กทม. ร่วมตอบด้วย อัปเดตล่าสุด 2 เมษายน 2566 เวลา 20:13:00 10,848 อ่าน
TOP
x close