ติดตามพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่หาชมได้ยาก ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี
ภาพจาก Oli SCARFF / AFP
วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เนื่องในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร นับเป็นพระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์ของราชวงศ์อังกฤษ ในรอบ 70 ปี ตามโบราณราชประเพณีที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อการเป็นกษัตริย์โดยสมบูรณ์ โดยพระราชพิธีจะถูกจัดขึ้น ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วโลก ตามกำหนดการพระราชพิธีจะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 17.00 น. เวลาประเทศไทย)
- ก่อนเริ่มพระราชพิธี เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีคามิลลา จะประทับราชรถพัชราภิเษก (Diamond Jubilee State Coach) ซึ่งเปลี่ยนจากราชรถทองคำ (Gold State Coach) ตามราชประเพณีเดิม จากนั้นขบวนเสด็จหรือขบวนแห่กษัตริย์ (King's Procession) จะเคลื่อนจากพระราชวังบังกิงแฮมไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยจะมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนเฝ้าชมตลอดเส้นทาง
- ประตูของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์จะเปิดตั้งแต่เวลา 07.30 น. โดยจะมีแขกบุคคลสำคัญผู้เข้าร่วมมากกว่า 2,200 ราย จาก 203 ประเทศ ได้แก่ ประมุขแห่งรัฐและผู้แทนรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จะมาถึงเวลา 09.30 น. ตามมาด้วยราชวงศ์ต่างประเทศ ในเวลา 10.25 น. และสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ ในเวลา 10.35 น. ตามลำดับ ด้านนอกประตูจะมีทหารกองเกียรติยศประมาณ 160 นาย จากหน่วยติดอาวุธ 3 เหล่าทัพเข้าประจำตำแหน่ง พร้อมทั้งกำลังพลอีก 1,000 นาย ประจำเส้นทาง
ภาพจาก The Royal Family Channel
- สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงเข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทางประตูใหญ่ด้านทิศตะวันตกเวลา 10.53 น. ด้วยฉลองพระองค์เสื้อคลุมกำมะหยี่สีแดงของรัฐ ส่วนด้านล่างเป็นเครื่องแบบทหาร เปลี่ยนจากถุงน่องผ้าไหมแบบดั้งเดิมของกษัตริย์องค์ก่อน โดยพระราชพิธีจะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น. และจะมีการคั่นด้วยดนตรีที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเลือก อันมีทั้งหมด 12 บทเพลงที่ถูกแต่งขึ้นใหม่
- เครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์และความรับผิดชอบของพระมหากษัตริย์ เช่น มงกุฎ ลูกโลก และคทา สำหรับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะประกอบไปด้วย ลูกโลกประดับกางเขน (Sovereign's Orb), คทากางเขน (Sceptre with Cross) และคทานกพิราบ (Sceptre with Dove)
ภาพจาก The Royal Family Channel
6 ขั้นตอนสำคัญในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ขั้นตอนที่ 1
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงแสดงพระองค์ต่อประชาชน ตามโบราณราชประเพณีย้อนหลังไปถึงสมัยแองโกลแซกซอน โดยทรงประทับข้างบัลลังก์ราชาภิเษก ซึ่งเป็นเก้าอี้พระที่นั่งแห่งประวัติศาสตร์อายุมากถึง 700 ปี และถูกใช้กับพระมหากษัตริย์ในอดีตมาแล้วทั้งหมด 26 พระองค์ จากนั้นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงหันพระพักตร์ไปทางทั้งสี่ด้านของมหาวิหาร ตามด้วยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำคริสตจักรแห่งอังกฤษ จะเป็นผู้ประกาศว่า "สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่" จากนั้นทหารกองเกียรติยศ และฝูงชนจะร้องสรรเสริญว่า "God Save the King !"
ภาพจาก The Royal Family Channel
ขั้นตอนที่ 2
พิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณของกษัตริย์ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยอาร์คบิชอปจะเป็นผู้ดำเนินพิธีขอให้สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณยืนยันว่า "จะทรงรักษากฎหมายและคริสตจักรแห่งอังกฤษตลอดในรัชสมัยของเขา" จากนั้นกษัตริย์จะทรงวางพระหัตถ์ลงพระคริสตธรรมคัมภีร์และทรงปฏิญาณว่าจะ "ปฏิบัติและรักษาคำสัตย์ปฏิญาณ" รวมทั้งกษัตริย์จะทรงปฏิญาณครั้งที่สอง โดยประกาศว่าจะซื่อสัตย์ต่อนิกายโปรเตสแตนต์
ขั้นตอนที่ 3
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงประทับลงบัลลังก์ราชาภิเษกเพื่อรับการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ อาร์คบิชอปจะเทน้ำมันพิเศษจากแอมพูลลา (Ampulla) หรือขวดทองคำลงบนช้อนราชาภิเษก ก่อนจะเจิมรูปไม้กางเขนลงบนพระองค์ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ พระนลาฏ พระอุระ และพระหัตถ์ โดยขั้นตอนดังกล่าวถือเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระราชพิธี จะมีการปิดม่านกั้นสายตาโดยรอบและงดการบันทึกภาพ
ภาพจาก The Royal Family Channel
ขั้นตอนที่ 4
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระเจ้าชาร์ลส์จะทรงสวมฉลองพระองค์ชุดคลุมยาวสีทองที่เรียกว่า ซูเปอร์ทูนิกา (Supertunica) และทรงรับถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งสาม จากนั้นเวลา 12.01 น. อาร์คบิชอปจะวางมงกุฎของเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ระฆังของโบสถ์จะดังขึ้นเป็นเวลา 2 นาที ตามด้วยเสียงแตร และจะมีการยิงปืนสลุตทั่วสหราชอาณาจักร
สำหรับมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ซึ่งเป็นมงกุฎราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ กษัตริย์จะทรงสามารถสวมได้เพียงครั้งเดียวในพระชนม์ชีพ นั่นก็คือในพระราชพิธีราชาภิเษก โดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 7 ที่ได้สวมมงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด นับตั้งแต่พระองค์แรก เจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ตลอดจนถึงพระองค์ล่าสุด สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยทรงสวมครั้งสุดท้ายในพิธีราชาภิเษก เมื่อปี 1953 (พ.ศ. 2496)
ขั้นตอนที่ 5
ในประเพณีพิธีบรมราชาภิเษกดั้งเดิม ขั้นตอนนี้ผู้สืบสันตติวงศ์และสมาชิกพระราชวงศ์จะถวายความเคารพกษัตริย์องค์ใหม่ ด้วยการคุกเข่าต่อพระพักตร์ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ และจุมพิตพระหัตถ์ขวา อย่างไรก็ตาม ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะมีเพียงเจ้าชายวิลเลียม เป็นดยุกพระองค์เดียวที่จะคุกเข่าถวายบังคมกษัตริย์ชาร์ลส์ และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่อาร์คบิชอปจะกล่าวเชิญผู้คนในมหาวิหาร รวมถึงผู้คนที่เฝ้าชมทางบ้านร่วมความเคารพ
ภาพจาก The Royal Family Channel
ขั้นตอนที่ 6
พระราชพิธีสถาปนาแต่งตั้งสมเด็จพระราชินีคามิลลา ทรงจะได้รับถวายการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ สวมมงกุฎ และประทับบัลลังก์ ในพิธีที่เรียบง่ายกว่า และไม่ต้องมีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณเช่นกษัตริย์ โดยจะทรงสวมมงกุฎของควีนแมรี ซึ่งแต่เดิมทำขึ้นในพิธีราชาภิเษกของควีนแมรี กับสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ปิดท้ายด้วย กษัตริย์และพระราชินีทรงรับศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นพิธีการบูชาตามหลักของคริสตจักร
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลา จะลงจากบัลลังก์ และเสด็จเข้าไปในโบสถ์เซนต์เอ็ดเวิร์ดหลังแท่นบูชาสูง จากนั้นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงถอดมงกุฎของเซนต์เอ็ดเวิร์ดออก และเปลี่ยนเป็นสวมมงกุฎอิมพีเรียลสเตต ก่อนจะร่วมขบวนออกจากมหาวิหาร โดยมีเพลงชาติบรรเลง
ภาพจาก The Royal Family Channel
- เวลา 13.00 น. สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาเสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮมตามเส้นทางเดิม โดยจะทรงประทับราชรถทองคำ (Gold State Coach) ตามราชประเพณีเดิม ซึ่งมีอายุ 260 ปี และถูกใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกทุกครั้ง ตั้งแต่พระเจ้าวิลเลียมที่ 4
- เวลา 14.30 น. สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระมหากษัตริย์องค์ใหม่ และพระราชินีคามิลลา เสด็จออกสีหบัญชร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงของราชวงศ์อังกฤษ ทักทายฝูงชนจากระเบียงพระราชวังบักกิงแฮม
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel
ภาพจาก The Royal Family Channel