เช็กท่าที ส.ว. หลังพรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งรวมเสียง ส.ส. 310 จัดตั้งรัฐบาล จะโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่
อ่านข่าว : ย้อนคำพูด ส.ว. วันชัย ในสภา ถ้าเสียงเกิน 250 ส.ว. ต้องโหวตให้เป็นนายก วันนี้พูดอีก
แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ กล่าวว่า ครั้งแรกที่สนับสนุน เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับพิเศษที่บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลที่อยากจะได้มาเพื่อปฏิรูป แต่พอได้มาแล้วไม่เห็นทำอะไรได้เลย ทิศทางส่วนตัวมีความเห็นว่าจะไม่โหวต เพราะหลักการของการเมืองทั่วไป มันไม่สมควรให้ ส.ว. มาโหวตอยู่แล้ว เพราะ ส.ว. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะกล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มาจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตยว่า ขอรอดูให้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนของสมาชิกวุฒิสภา ถ้าตั้งรัฐบาลได้แล้ว ถึงจะเข้าสู่กระบวนการเลือกประธานสภาและเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ เป็นเรื่องของสภาผู้แทนฯ ในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ส่วนกรณีที่นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะตั้งรัฐบาล 309 เสียง นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลาพิจารณาก่อน เพราะขั้นแรก ส.ส.ต้องไปรวมเสียงให้ได้มากกว่า 250 เสียง แต่ส่วนตัวมองว่าเมื่อมาถึงขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ส.ว. จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ถ้าใครมีคุณสมบัติตรงนี้ ส.ว. จะพิจารณา ซึ่ง ส.ว. ทุกคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้
แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลหรือองค์กรอิสระ ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนทุกองค์กร และทิศทางของการโหวต ส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาเกือบจะเอกฉันท์ แน่นอนอาจมีบางส่วนเห็นต่างก็งดออกเสียงหรือโดดไปฝ่ายตรงข้ามก็เคยมี เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีทั้ง ส.ว. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
ขณะที่ ThaiPBS รายงานว่า นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ โพสต์ล่าสุดระบุว่า ตนชัดเจนมาโดยตลอด ได้ให้สัมภาษณ์มาแต่ครั้งมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็น 1 ใน 23 ส.ว. ที่ปิดสวิตช์ตนเองในการใช้สิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี แต่การที่สื่อนำไปลงสั้น ๆ แค่นั้น น่าจะยังไม่ชัดเจนพอ ขอนำมาสรุปให้ชัดขึ้นว่า ตนให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า
ใครรวมได้เสียงข้างมาก เกิน 250 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้เป็นนายกฯ ได้เป็นรัฐบาล ไม่มีใครขวางได้ เพราะครั้งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลเดียวกันคือรวมเสียงได้เกิน 250 เสียงคราวนี้ ก็ยึดหลักการเดียวกัน จบนะครับ คนถูกใจก็ไม่ต้องเขียนมาชม คนผิดหวังก็ไม่ต้องเขียนมาด่า
ด้าน นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวและนายพิธา เคยประกาศในการที่จะเลิกมาตรา 112 ซึ่งกระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะด้อยค่าสถาบันฯ ที่เรารับไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้นคือไม่เห็นชอบ แม้จะรวมเสียง ส.ส. มาได้เท่าไหร่ก็ตามจะเป็น 309 เสียงของสภาฯ อย่างที่แถลงไว้หรือจะไปถึง 376 เสียงก็แล้วแต่ที่หากได้ถึง 376 ก็ไม่ต้องมาพึ่ง ส.ว. แต่หากได้มาสัก 309 เสียง ก็ยังต้องถาม ส.ว. ส่วนตัว ถ้าเสนอชื่อมาเป็นนายพิธา ตนไม่รับ จะลงมติไม่เห็นชอบเพราะตนจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและคำปฏิญาณ
พรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมา เวลาประชุมร่วมรัฐสภา จะเป็นพรรคเดียวที่มีปัญหากับวุฒิสภา คือเขาก็ไม่มีความเคารพ ส.ว. ที่บอกว่าเลขาพรรคก้าวไกลจะไปประสานงาน ส่วนตัวไม่ต้องไปประสานงาน ไม่ต้องไปหรอก คุณด่าเขามาตลอด แล้วใครจะให้เสียงคุณ มีผมคนเดียวที่จะให้ !
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ThaiPBS












