x close

เช็กเสียง ส.ว. หลังเลือกตั้ง 2566 จะโหวตหรือคว่ำ พิธา เป็นนายกฯ พบมีคนแตกแถว !

 
            เช็กท่าที ส.ว. หลังพรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งรวมเสียง ส.ส. 310 จัดตั้งรัฐบาล จะโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่

            กลายเป็นประเด็นร้อนหลังการเลือกตั้ง 2566 กรณี พรรคก้าวไกล ซึ่งประกาศจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับ พรรคเพื่อไทย และพรรคอื่น ๆ ซึ่งรวมเสียงได้ 310 ที่นั่ง แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดต 1 เดียวของพรรค จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะยังต้องอาศัยเสียงในสภาซึ่งมี ส.ว. จำนวน 250 คน มาร่วมโหวตด้วย และจำเป็นต้องได้รับคะแนนการโหวต 376 เสียง จึงเป็นที่จับตาว่า ส.ว. แต่ละคนนั้นมีท่าทีกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

            อ่านข่าว : ย้อนคำพูด ส.ว. วันชัย ในสภา ถ้าเสียงเกิน 250 ส.ว. ต้องโหวตให้เป็นนายก วันนี้พูดอีก

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (15 พฤษภาคม) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "สานพลังสร้างไทย" ผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม สะท้อนเจตนามหาชนชัดเจนแล้ว จากนี้ไป ควรปล่อยให้กลไกประชาธิปไตยทำงานต่อ ไม่ว่าใครก็ตาม อย่าได้แทรกแซงไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใด ร่วมกันสานพลังสร้างชาติ ตามบทบาทหน้าที่ของทุกฝ่าย จะดีกว่า ประเทศไทยถึงจะไปต่อได้

            แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ กล่าวว่า ครั้งแรกที่สนับสนุน เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับพิเศษที่บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลที่อยากจะได้มาเพื่อปฏิรูป แต่พอได้มาแล้วไม่เห็นทำอะไรได้เลย ทิศทางส่วนตัวมีความเห็นว่าจะไม่โหวต เพราะหลักการของการเมืองทั่วไป มันไม่สมควรให้ ส.ว. มาโหวตอยู่แล้ว เพราะ ส.ว. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

           นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะกล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มาจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตยว่า ขอรอดูให้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนของสมาชิกวุฒิสภา ถ้าตั้งรัฐบาลได้แล้ว ถึงจะเข้าสู่กระบวนการเลือกประธานสภาและเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ เป็นเรื่องของสภาผู้แทนฯ ในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้

           ส่วนกรณีที่นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะตั้งรัฐบาล 309 เสียง นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลาพิจารณาก่อน เพราะขั้นแรก ส.ส.ต้องไปรวมเสียงให้ได้มากกว่า 250 เสียง แต่ส่วนตัวมองว่าเมื่อมาถึงขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ส.ว. จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ถ้าใครมีคุณสมบัติตรงนี้ ส.ว. จะพิจารณา ซึ่ง ส.ว. ทุกคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้  

           แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลหรือองค์กรอิสระ ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนทุกองค์กร และทิศทางของการโหวต ส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาเกือบจะเอกฉันท์ แน่นอนอาจมีบางส่วนเห็นต่างก็งดออกเสียงหรือโดดไปฝ่ายตรงข้ามก็เคยมี เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีทั้ง ส.ว. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

           ขณะที่ ThaiPBS รายงานว่า นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ โพสต์ล่าสุดระบุว่า ตนชัดเจนมาโดยตลอด ได้ให้สัมภาษณ์มาแต่ครั้งมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็น 1 ใน 23 ส.ว. ที่ปิดสวิตช์ตนเองในการใช้สิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี แต่การที่สื่อนำไปลงสั้น ๆ แค่นั้น น่าจะยังไม่ชัดเจนพอ ขอนำมาสรุปให้ชัดขึ้นว่า ตนให้สัมภาษณ์ต่อไปว่า

           ใครรวมได้เสียงข้างมาก เกิน 250 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้เป็นนายกฯ ได้เป็นรัฐบาล ไม่มีใครขวางได้ เพราะครั้งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลเดียวกันคือรวมเสียงได้เกิน 250 เสียงคราวนี้ ก็ยึดหลักการเดียวกัน จบนะครับ คนถูกใจก็ไม่ต้องเขียนมาชม คนผิดหวังก็ไม่ต้องเขียนมาด่า

           ด้าน นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวและนายพิธา เคยประกาศในการที่จะเลิกมาตรา 112 ซึ่งกระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะด้อยค่าสถาบันฯ ที่เรารับไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้นคือไม่เห็นชอบ แม้จะรวมเสียง ส.ส. มาได้เท่าไหร่ก็ตามจะเป็น 309 เสียงของสภาฯ อย่างที่แถลงไว้หรือจะไปถึง 376 เสียงก็แล้วแต่ที่หากได้ถึง 376 ก็ไม่ต้องมาพึ่ง ส.ว. แต่หากได้มาสัก 309 เสียง ก็ยังต้องถาม ส.ว. ส่วนตัว ถ้าเสนอชื่อมาเป็นนายพิธา ตนไม่รับ จะลงมติไม่เห็นชอบเพราะตนจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและคำปฏิญาณ

           ด้าน ส.ว. เฉลิมชัย พึ่งคอน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย  กล่าวว่า ในกลุ่ม 250 ส.ว. มีคนที่เป็นอิสระจริง ๆ ประมาณ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่ ส.ว. จะมีวิปและมีไลน์กลุ่ม จะลงมติอะไรก็ปลดไลน์เพื่อให้ไฟเขียวไฟแดง แต่ตนไม่ได้ไปร่วมกับใคร และไม่มีใครนับตนเป็นพวก เพราะตนมาจากกลุ่มอาชีพ 50 ใครมาสั่งอะไรตนไม่ได้ ไฟเขียวไฟแดง ตนไม่สนใจ


          สำหรับตนคิดว่า ตนมีอิสระ และต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง อันไหนถูกถึงเอา อันไหนไม่ถูกก็ไม่เอา ในส่วนของตน ตนตั้งใจว่าพรรคที่ได้เสียงข้างมากแล้วรวมเสียงได้เกิน 250 ตนก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่รวมเสียงข้างมาก และคุณดนัยจดชื่อตนไว้ได้เลย ว่าตนจะเลือกตามเสียงข้างมาก

          พรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมา เวลาประชุมร่วมรัฐสภา จะเป็นพรรคเดียวที่มีปัญหากับวุฒิสภา คือเขาก็ไม่มีความเคารพ ส.ว. ที่บอกว่าเลขาพรรคก้าวไกลจะไปประสานงาน ส่วนตัวไม่ต้องไปประสานงาน ไม่ต้องไปหรอก คุณด่าเขามาตลอด แล้วใครจะให้เสียงคุณ มีผมคนเดียวที่จะให้ !


ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ThaiPBS





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เช็กเสียง ส.ว. หลังเลือกตั้ง 2566 จะโหวตหรือคว่ำ พิธา เป็นนายกฯ พบมีคนแตกแถว ! อัปเดตล่าสุด 16 พฤษภาคม 2566 เวลา 15:16:05 45,212 อ่าน
TOP