หมออั้ม เล่าลาออกราชการ ทั้งที่จะได้เป็น ผอ. รุ่นพี่คนนั้นคือคำตอบ จ. เดียวกันกับหมอปุยเมฆ

          หมออั้ม ขอเล่าบ้าง ประสบการณ์เลวร้ายตอนเป็นหมอ กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายมาถึง เพราะรุ่นพี่คนนั้น หลังช่วงนี้กระแสข่าวหมอ พยาบาลลาออกจากราชการเพียบเพราะทนไม่ไหว
          จากกรณีที่นักแสดงสาว ปุยเมฆ นภสร หรือ พญ.นภสร วีระยุทธวิไล ออกมาแชร์เรื่องราวทั้งน้ำตา หลังจากที่ยื่นหนังสือลาออกจากราชการว่า ช่วงนี้กระแสข่าวหมอลาออกจากระบบกันเยอะ จึงขอพูดในฐานะคนที่ตัดสินใจลาออกมา เนื่องจากงานในระบบหนักจริง อยู่ในระดับทนได้ ไม่ตาย แต่ก็ใกล้ตาย

          ส่วนวินาทีที่ลาออกคือ ตอนนั้นอยู่เวรทั้งคืน แล้วมาเวรเช้าต่อ มีคนไข้เกือบ 40 คนนอนล้นวอร์ดเสริมเตียงไปถึงหน้าลิฟต์ เจอแบบนี้หดหู่มาก ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายคือ มีสตาฟฟ์มาบอกว่า เรายังดูแลคนไข้ไม่หมดอีกเหรอ ต้องเร็วกว่านี้นะ เจอประโยคนี้ไปขอลาทันที

อ่านข่าว : น้ำตานอง ! ดาราสาวดีกรีหมอ ปุยเมฆ นภสร เผยสาเหตุยื่นลาออกจาก รพ. รัฐ

          ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ก็มีหมอท่านหนึ่งออกมาบ่นถึงงานการที่หนักหน่วง นอกจากดูคนไข้แล้ว ยังมีงานอื่นเสริมให้ทำอีก ทั้งการประชุมกับโรงพยาบาลอื่น จนแทบไม่มีเวลานอน และประสบอุบัติเหตุจนเกือบเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวมาแล้ว

อ่านข่าว : หมอนอนน้อย ลงเวรเช้าประชุมต่อต่างจังหวัด ขับรถชนพังยับ ชีวิตเหมือนเร่งวันตาย

หมออั้ม ขอพูดบ้าง ฟางเส้นสุดท้ายที่ลาออกจากหมอ เพราะรุ่นพี่คนนั้น

          ล่าสุด วันที่ 5 มิถุนายน 2566 เฟซบุ๊ก อั้ม อิราวัต อารีกิจ หรือหมออั้ม ก็เป็นอีกหนึ่งคนมาเล่าประสบการณ์ฟางเส้นสุดท้ายของการทำงานโรงพยาบาลรัฐ ที่ทำให้หมออั้มตัดสินใจออกมา ซึ่งปรากฏว่า ประสบการณ์ก็เลวร้ายไม่ต่างกัน

          สมัยที่เป็นแพทย์จบใหม่ได้เกือบปี เข้าสู่การทำงานเป็นปีที่ 2 ถูกเสนอชื่อให้เป็น ผอ. รพ.ชุมชนวัดเพลง จ.ราชบุรี และในเวลานั้น เป็นช่วงเวลาทางเลือกคือ ใจหนึ่งก็อยากเรียนต่อ อีกใจก็มีงานเพลงเข้ามานัดเซ็นสัญญาพอดี ทำให้คิดหนักมากกว่าควรเลือกทางไหน

          เวลานั้นงานหมอทำงานหนักมาก ทั้งขึ้นเวรแทบไม่ได้พัก พอเห็นแววตาคนไข้แล้วยอมเหนื่อย กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายมาถึง ระหว่างที่หมออั้มขับรถกลับจากอัดเสียงที่กรุงเทพฯ มาถึงวอร์ดคนไข้ที่ต่างจังหวัด สายไปประมาณ 20 นาที เมื่อมาถึงก็รีบตรวจคนไข้ทีละเตียง จากทั้งหมด 40 กว่าเตียง ทำได้ไม่ถึงครึ่ง กระทั่งเวลา 09.30 น. ก็มีรุ่นพี่มาถามว่า "อิราวัตมากี่โมง ? นี่จะ 10 โมงแล้ว ทำไมเพิ่งตรวจคนไข้ได้ครึ่งเดียว เดี๋ยวก็ไม่เซ็นให้ผ่านอินเทิร์นซะเลย เหลวไหล"

          เจอแบบนี้เข้าไป หมออั้มก็โมโห ถามกลับว่า "แล้วพี่มากี่โมง แล้วนี่กี่โมง ผมไม่ใช่ลูกน้องพี่ ไม่ใช่ลูกศิษย์พี่ ผมไม่มีครูแบบนี้" ซึ่งประโยคตอบกลับอันนี้ ทำให้พยาบาลที่ยืนอยู่ 3-4 คนเริ่มอมยิ้ม


          จากนั้นก็เริ่มแฉอีกฝ่ายกลับว่า "เมื่อวันก่อนมีเคสไอซีอยู่ แต่พี่ทำคลินิกอยู่ ผมเพิ่งได้กินข้าวคำแรกก็ถูกพยาบาลมาตามแล้ว เพราะว่าติดต่อพี่ไม่ได้ ผมจึงต้องมาทำ CPR ให้แทนพี่ ทั้งที่ไม่ได้เป็นหน้าที่หมอจบใหม่ที่ต้องมาดูห้องไอซียู พอ 3 ทุ่มครึ่งพี่เลิกคลินิก พี่เดินมาหน้าตาเฉย บอกญาติคนไข้ว่า ไม่ไหวแล้วนะ ปล่อยเขาเถอะ ทั้งที่ผมกับทีมปั๊มหัวใจเป็นชั่วโมงเพื่อรอพี่เลิกงาน พี่มาแบบนี้ไม่เห็นค่าชีวิตคนเลย ไหนจะเรื่องเอาเวลางานไปทำคลินิกอีก ไหนจะงกไม่ขายเวรห้องฉุกเฉินให้น้อง ๆ (เวรนี้จ่ายแพง) แต่ดันรับทั้งเวรห้องฉุกเฉินแล้ววิ่งไปทำคลินิกส่วนตัว รอคนไข้ที่โรงพยาบาลล้นถึงวิ่งมาตรวจ"

          ขณะที่พูด หมออั้มก็คิดอย่างเด็ดขาดแล้วว่า จะออกจากราชการ จึงกล่าวอีกว่า "พี่คิดเอานะว่าจะแลกกับผมไหม คนที่กำลังจะออกจากราชการ แลกกับชีวิตกาฝากราชการของพี่ที่เหลือ ผมจะแฉแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน พี่เลือกเอาเลย แล้วพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาประเมินผมนะ แต่ผมจะเล่นพี่เอง ถ้าพี่ไม่หยุด"

          ภาพที่เห็นขณะที่พูด เห็นรุ่นพี่หน้าแดง กำหมัด แล้วเดินออกไปจากวอร์ด ไม่พูดกันอีกเลยตลอด 2-3 เดือนที่เหลือ และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงพยาบาลวัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ไม่มี ผอ. ที่ชื่อ นพ.อิราวัติ อารีกิจ ตามโผเดิม

          หลังจากนี้ ถ้าพร้อมในทุกสิ่ง ทุกด้าน สิ่งที่จะทำให้กับประชาชนและคนไข้ได้คือ กลับไปเช็กบิลระบบนี้แน่นอน