พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แถลงล่าสุด ยันจุดยืนหนุน เพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล จับมือกันให้แน่น เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจเดิม ย้ำสำคัญสุดคือเสียงของประชาชน

จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล ได้ประกาศยอมถอย ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ซึ่งทางเพื่อไทย จะต้องรวมคะแนนเสียงจากทั้ง สส. และ สว. ให้ได้เกินครึ่ง แต่ต่อมาก็มีหลายพรรคซึ่งเป็นขั้วเดียวกับรัฐบาลชุดก่อน ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่า หากมีก้าวไกล จะไม่ร่วมรัฐบาลด้วย และจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.112 จนเกิดประเด็นจับตาว่า จะเป็นการผลักให้ทางพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ทั้งที่เป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ล่าสุด (21 กรกฎาคม 2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงล่าสุดเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำจุดยืนอีกครั้งว่า "สิ่งสำคัญที่สุดคือเสียงของประชาชน 27 ล้านเสียงที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง ต้องมีความหมาย" และพร้อมสนับสนุนเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ ตราบใดที่เรายังจับมือกันแน่น การสืบทอดอำนาจของกลุ่มขั้วอำนาจเดิมจะไม่มีวันสำเร็จ โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้

"วันนี้ชัดเจนแล้วว่าองคาพยพฝั่งอนุรักษนิยมทั้งหมดไม่ยอมให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยเอาเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไขข้ออ้าง แต่การที่ผมไม่สามารถเป็นนายกได้ ไม่ได้หมายความว่าความหวังของพวกเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การที่ผมได้เป็นนายก แต่คือการจัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนขั้วพลิกข้างหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม

พิธาเป็นหรือไม่เป็นนายกไม่สำคัญ พรรคก้าวไกลเป็นหรือไม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเสียงของประชาชน 27 ล้านเสียงที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง ต้องมีความหมาย
พรรคก้าวไกลพร้อมสนับสนุนพรรคอันดับสองคือพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ ตราบใดที่เรายังจับมือกันแน่น การสืบทอดอำนาจของกลุ่มขั้วอำนาจเดิมจะไม่มีวันสำเร็จ
ขอให้ประชาชนอย่าหมดหวัง ประเทศไทยวันนี้เดินมาไกลและจะไม่มีวันถอยกลับ เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาหมุนเวลาพาประเทศกลับสู่อดีตอีกต่อไป"


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์






