ครอบครัวย้ายเข้าคอนโดใหม่ ไม่กี่เดือนเริ่มป่วยเปลกทั้งบ้าน
คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เช็กทุกจุดไม่พบความปิดปกติ
แต่ถึงกับผวาเมื่อวงจรปิดจับภาพพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน
วันที่ 25 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ และเดลี่เมล มีรายงานกรณีของคู่สามีภรรยาในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ
ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งได้ไม่ถึง 1 ปี
แต่กลับต้องเผชิญอาการป่วยปริศนา ทั้งคลื่นไส้ วิงเวียน และอาการอื่น ๆ
จนแม้ลูกสาววัยทารกก็ยังอาเจียน
ซึ่งผู้เป็นพ่อก็พยายามตรวจสอบหาสาเหตุด้วยวิธีต่าง ๆ
แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล
แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะทราบความจริงสุดช็อกเมื่อกล้องสามารถบันทึกพฤติกรรมลับ
ๆ ของเพื่อนบ้านได้
รายงานเผยว่า อูมาร์ อับดุลลาห์ พร้อมภรรยาที่ตั้งครรภ์ ย้ายเข้ามาที่คอนโดแห่งนี้ในเดือนมิถุนายน 2565 โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้อยู่อาศัยรายอื่น ๆ ในคอนโด แต่เพียงไม่นานจากนั้นอยู่ ๆ เขาก็เริ่มได้รับข้อความจากเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง ใต้ห้องของเขา ที่บ่นเรื่องเสียงดังรบกวน มีเสียงดังจากฝารองนั่งในห้องน้ำ จนทำให้เพื่อนบ้านรายนี้นอนไม่หลับ
รายงานเผยว่า อูมาร์ อับดุลลาห์ พร้อมภรรยาที่ตั้งครรภ์ ย้ายเข้ามาที่คอนโดแห่งนี้ในเดือนมิถุนายน 2565 โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้อยู่อาศัยรายอื่น ๆ ในคอนโด แต่เพียงไม่นานจากนั้นอยู่ ๆ เขาก็เริ่มได้รับข้อความจากเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ชั้นล่าง ใต้ห้องของเขา ที่บ่นเรื่องเสียงดังรบกวน มีเสียงดังจากฝารองนั่งในห้องน้ำ จนทำให้เพื่อนบ้านรายนี้นอนไม่หลับ
กระทั่งเวลาผ่านไปหลายเดือน อับดุลลาห์พบว่าภรรยาของเขา รวมถึงลูกสาวที่เพิ่งคลอดเริ่มมีอาการวิงเวียนและอาเจียน เมื่อเขามองดูลูกสาวก็พบว่าที่ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ทั้ง ๆ ที่ลูกไม่ได้ร้องไห้
อย่างไรก็ตาม คนที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในบ้านหลังนี้เป็นคนแรก ก็คือเพื่อนของอับดุลลาห์ ที่เขาวานให้มาช่วยรับพัสดุแทนในช่วงที่อับดุลลาห์ต้องพาครอบครัวไปธุระที่ต่างรัฐ โดยในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เพื่อนได้โทร. มาบอกเขาว่าได้กลิ่นสารเคมีรุนแรงที่บ้าน และตัวเธอก็เริ่มมีอาการตาร้อนผ่าว หายใจไม่อิ่ม จึงเข้าไปเช็กดูเตาว่าปิดเรียบร้อยดีหรือไม่ ก่อนจะรีบออกไป
อับดุลลาห์กลับมาที่คอนโดในวันที่ 5 มิถุนายน และในอีก 3 วันต่อมาเขาก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นรุนแรงยิ่งกว่าน้ำยาล้างเล็บ เริ่มมีอาการตาร้อนผ่าว หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ ง่วงซึม และปวดศึรษะอย่างรุนแรง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วก็หายไป แต่น่าแปลกที่เหตุการณ์เช่นนี้ยังเกิดขึ้นในวันอื่น ๆ อีก 5 รอบ ทำให้พวกเขามีอาการหายใจไม่อิ่ม ระคายเคืองดวงตาและผิวหนัง
เพื่อจะหาสาเหตุ อับดุลลาห์โทร. ตามบริษัทเครื่องปรับอากาศมาตรวจสอบ รวมถึงเรียกช่างประปามาที่บ้าน แต่ก็ยังไม่พบสาเหตุหรือความผิดปกติใด ๆ ทางเจ้าของห้องยังเปลี่ยนเครื่องทำความร้อนให้ เขาเองก็ทำความสะอาดท่ออากาศกับช่องระบายอากาศแล้ว แต่กลิ่นเหม็นนั้นก็ยังคงอยู่
อับดุลลาห์ที่อับจนหนทางถึงกับตามหน่วยดับเพลิงให้มาช่วยตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไร สุดท้ายเขาจึงใช้วิธีลองดมตามจุดต่าง ๆ ไปทั่วห้องเหมือนสุนัข ก่อนจะพบว่าบริเวณประตูทางเข้าบ้านมีรอยแตกเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้อับดุลลาห์จึงตัดสินใจลองนำกล้องมาติดไว้นอกบ้าน โดยซ่อนไว้ในกระถางดอกไม้ จนเมื่อลูกสาวของเขาเริ่มมีอาการผิดปกติอีกครั้ง อับดุลลาห์จึงรีบมาเช็กภาพจากกล้องที่ซ่อนไว้ กระทั่งได้เห็นภาพช็อกที่ทำเอาเขากับภรรยาตัวสั่น
สิ่งที่กล้องบันทึกได้ คือ ลี ซูหมิง เพื่อนบ้านเจ้าปัญหา แอบมายืนหมอบอยู่ตรงนอกประตูบ้าน แต่อับดุลลาห์ก็ยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายลงมือทำอะไร เขาจึงลองปรับมุมกล้องใหม่ จนเมื่อลูกสาวเกิดอาการป่วยอีกครั้งเขาก็รีบมาเช็กภาพอีก กระทั่งได้เห็นว่า ลี ซูหมิง หยิบไซริงค์ออกมา ก่อนจะฉีดของเหลวสีใสเข้าไปในบ้านของเขา ผ่านรอยแตกตรงกรอบประตู !
เมื่อความจริงปรากฏอับดุลลาห์จึงพาครอบครัวออกจากบ้านทันที พร้อมโทร. เรียกตำรวจ ซึ่งสามารถจับกุมตัวเพื่อนบ้านรายนี้ได้ในวันที่ 27 มิถุนายน พร้อมแจ้งข้อหาอาญาหลายข้อหาด้วยกัน รวมถึงการครอบครองสารควบคุมที่เป็นอันตราย รวมถึงการลักทรัพย์
ความจริงปรากฏว่า ลี ซูหมิง เพื่อนบ้านที่ดูเหมือนคนธรรมดารายนี้ คือนักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาเคมี ที่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นฟลอริดา ส่วนน้ำยาที่เขาแอบฉีดใส่บ้านของอับดุลลาห์ พบว่ามีส่วนผสมของ เมทาโดน (methadone) และ ไฮโดรโคโดน (hydrocodone) ซึ่งล้วนเป็นยาระงับปวดกลุ่มโอปิออยด์ โดยเขาผสมน้ำยาดังกล่าวที่ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย แม้ทางมหาวิทยาลัยจะชี้แจงว่า ลี ซูหมิง ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนตั้งแต่ปิดภาคฤดูร้อนในปีนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ ลี ซูหมิง ได้รับการประกันตัวโดยมีกำหนดขึ้นศาลในวันที่ 5 ธันวาคม ขณะเดียวกันเขากำลังเผชิญการฟ้องร้องจากทั้งอับดุลลาห์ และทางสมาคมของคอนโดดังกล่าว ในขณะที่อับดุลลาห์ตั้งใจที่จะพาครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นแล้ว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post, Daily Mail