เที่ยวบินต้องลงจอดฉุกเฉิน เหตุเพราะมีผู้โดยสารท้องเสียตลอดทาง นักบินชี้ปัญหานี้เป็นอันตรายทางชีวภาพ
วันที่ 4 กันยายน 2566 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ เผยว่า เกิดเหตุการณ์ประหลาดสุดกระอักกระอ่วนบนเครื่องบิน Airbus A350
ของสายการบินเดลตาแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน DL194 จากเมืองแอตแลนตา
ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ไปยังเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
จนเป็นเหตุให้ต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน ภายหลังจากมีผู้โดยสารรายหนึ่งเกิด
"อาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบขับถ่าย" ตลอดการเดินทาง
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา รายงานเผยว่า ตามกำหนดเที่ยวบินดังกล่าวจะใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง เพื่อไปถึงยังจุดหมาย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินลำดังกล่าวต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับมาลงจอดฉุกเฉินที่เมืองแอตแลนตา เนื่องจากมีผู้โดยสารรายหนึ่ง ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อและตัวตน มีอาการท้องเสียตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา รายงานเผยว่า ตามกำหนดเที่ยวบินดังกล่าวจะใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง เพื่อไปถึงยังจุดหมาย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินลำดังกล่าวต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับมาลงจอดฉุกเฉินที่เมืองแอตแลนตา เนื่องจากมีผู้โดยสารรายหนึ่ง ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อและตัวตน มีอาการท้องเสียตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน
เหตุดังกล่าวส่งผลให้เครื่องบินต้องกลับไปลงจอดเพื่อความปลอดภัย และทำให้เกิดความล่าช้าไปหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือของเที่ยวบินดังกล่าว สามารถเดินทางไปยังจุดหมายได้สำเร็จ เมื่อเวลา 17.10 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยช้ากว่ากำหนดไป 8 ชั่วโมง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า ผู้โดยสารที่เกิดปัญหารายดังกล่าวมีอาการดีขึ้น หรือได้เดินทางไปกับเที่ยวบินนั้นด้วยหรือไม่
ทางสายการบินเดลตาแอร์ไลน์ส ได้ออกมายืนยันว่า มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของผู้โดยสารเกิดขึ้นจริงบนเที่ยวบินดังกล่าว แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นปัญหาเรื่องอะไร จนเป็นเหตุให้เครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับไปยังเมืองแอตแลนตา และต้องมีการทำความสะอาดเครื่องบิน
"ทีมของเราทำงานอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการทำความสะอาดเครื่องบินอย่างทั่วถึง และพาผู้โดยสารของเราไปยังจุดหมายปลายทางได้ในที่สุด เราขออภัยอย่างยิ่งต่อทางลูกค้าของเรา สำหรับความล่าช้าและความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางของพวกเขา" โฆษกของเดลตาแอร์ไลน์ส กล่าว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post