ลูกค้ากินซูชิสายพาน หยิบมาวางเต็มโต๊ะ กินเหลือทิ้งเพียบ บางจานยังไม่ได้แตะ พนักงานเห็นสุดเศร้า ทั้งเสียดายและเสียใจ
ร้านซูชิสายพานมีความสะดวกสำหรับลูกค้า ให้สามารถเลือกกินซูชิหน้าที่ต้องการได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ทั้งยังช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งที่จะกลายไปเป็นขยะอาหาร (Food Waste) ทว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าที่ร้านซูชิสายพานแห่งหนึ่ง ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึง เมื่อลูกค้าเลือกหยิบจานซูชิมาวางเรียงไว้จำนวนมาก แต่กลับทิ้งให้เหลืออยู่เต็มโต๊ะ แถมมีหลายจานที่ยังไม่ได้แตะเลยแม้แต่นิดเดียว
วันที่ 18 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์ ETtoday เผยว่า มีภาพถ่ายจากร้านซูชิสายพานในไต้หวันถูกแชร์บนเฟซบุ๊กชุมชนออนไลน์ 爆怨公社 ซึ่งมีสมาชิกที่ติดตามกว่า 1.1 ล้าน จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงดุเดือด โดยผู้โพสต์เผยว่า มีลูกค้าจำนวน 3 ราย มากินซูชิที่ร้านแห่งหนึ่ง พวกเขาหยิบซูชิหน้าต่าง ๆ มาจากสายพานมาจนเต็มโต๊ะ แต่ปรากฏว่านอกจากจานที่ซ้อนกันแล้ว ในจานอื่น ๆ ที่เหลือวางกระจายอยู่บนโต๊ะแทบจะมีซูชิเหลืออยู่เกือบทุกจาน และหลาย ๆ จานเหลือซูชิอยู่ครบทั้ง 2 คำ
แม้ว่าลูกค้าทั้ง 3 ราย จะชำระเงินค่าอาหารทั้งหมดก่อนที่จะออกไปจากร้าน แต่เมื่อทางพนักงานมาเก็บโต๊ะแล้วเห็นภาพดังกล่าวก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย และภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ผู้คนก็พากันเข้าไปคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์มากมาย โดยส่วนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจ ที่ลูกค้ากลุ่มนี้กินเหลือทิ้งอย่างน่าเกลียด "ซูชิสายพานนะไม่ใช่ร้านบุฟเฟต์ ต่อให้พวกเขาจ่ายเงินทั้งหมดก็เถอะ" ในขณะที่ผู้ที่ชื่นชอบการกินซูชิบอกว่า "ฉันเห็นแล้วปวดใจจริง ๆ"
ทั้งนี้ มีบางส่วนที่รู้สึกเสียดายอาหารเหล่านี้แทน โดยชี้ว่า "ซูชิไม่ใช่คำละถูก ๆ เสียดายแทนคนที่เขาอยากกินแต่ไม่มีโอกาสได้กิน มันน่าเศร้านะ"
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางคนกลับมองว่า "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตราบใดที่พวกเขาจ่ายเงินแล้ว และทางร้านก็ไม่ได้เสียหายอะไร" พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า "อาจจะเป็นเพราะว่าไม่อร่อยหรือเปล่า"
อย่างไรก็ดี มีผู้เข้าไปแย้ง โดยแนะนำว่า "ควรจะค่อย ๆ หยิบมากินทีละจานก่อนหรือเปล่า หากรสชาติไม่ถูกปากก็แค่พอ ไม่ต้องกินต่อ ของจะได้ไม่เหลือทิ้งด้วย"
นอกจากนี้ยังมีคนที่เข้าไปประชดประชันเสียดสี กล่าวทำนองว่า "ไม่ใช่หยิบมากิน แต่หยิบมาดูเล่น", "เขาหยิบมาทั้งจาน แต่อยากกินแค่ไข่ปลา 2-3 เม็ดด้านบน", "แค่มีเงินจะกินยังไงก็ได้เหรอ ?"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday