เปิดเส้นทางหนี เสี่ยแป้ง นาโหนด ทิ้งรถใกล้ท่าเรือโซนติดมาเลเซีย แฉใช้เงิน 100 ล้านล่อทีมงานวางแผนหนีรับโทษ คาดยังอยู่ไทย แต่ตบตาว่าเผ่นนอกประเทศ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีดังหลายคดี หลบหนีการควบคุมตัวโดยมีลูกน้องพาออกจากโรงพยาบาล ก่อนไปขึ้นรถกระบะสีขาว 4 ประตู ทะเบียน 8 กจ 3212 กรุงเทพฯ ที่นายจักรี หรือ บิ๊ก อายุ 41 ปี ลูกน้องอีกคนขับมาจอดรอ จากนั้นได้ขับหนี โดยมีรถในขบวนหลบหนี รวมทั้งหมด 3 คัน
อ่านข่าว : ล่าเสี่ยแป้ง นักโทษคุก 21 ปี ก่อคดีครบทั้งปล้น ฆ่าตำรวจ หนีจาก รพ. ส่องวงจรปิดหนีได้ไง
ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 24 ตุลาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนี เสี่ยแป้ง พบว่า ออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าผ่านสี่แยกหัวถนน จุดนี้เผยให้เห็นขบวนรถที่พาเสี่ยแป้งหลบหนี คันแรกเป็นรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีดำ คันที่สองเป็นกระบะ 4 ประตู สีขาว วิ่งฝ่าไฟแดงผ่านทางแยกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนรถที่เสี่ยแป้งนั่งมา เป็นกระบะคันที่ 3 เมื่อถึงทางแยกได้จอดชะลอดูรถก่อน จากนั้นก็วิ่งฝ่าไฟแดงตามกันไป
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เบื้องต้นมีข้อมูลว่า หลังจากผ่านจุดนี้ เสี่ยแป้งกับลูกน้องมุ่งหน้าเข้าจังหวัดตรัง แล้วไปที่จังหวัดกระบี่เพื่อไปหาลูกพี่ จากนั้นมุ่งหน้าชายแดนประเทศเมียนมาแต่ถูกปฏิเสธ จึงต้องย้อนกลับมาที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งล่าสุดได้เบาะแสมาว่าเสี่ยแป้งหลบหนีเข้าพื้นที่จังหวัดสตูล โดยเจ้าหน้าที่เข้ากดดันทางครอบครัวให้พามอบตัวแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งก็อยู่ระหว่างการล่าตัวมารับโทษต่อไป
จากปากคนพาเสี่ยแป้งหลบหนี สัญญาให้เงินสด + บ้าน 1 หลัง มีคนเอากุญแจมาให้ไขถึงเตียง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากการสอบสวน น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม อายุ 32 ปี พยานปากสำคัญ หญิงสาวที่รับจ้างเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง ให้การซัดทอดมีผู้เกี่ยวข้องอีก 3 ราย คือ นายจีรวุฒิ หรือบอย, นายจักรี หรือบิ๊กและ น.ส.ยุวเรศ หรือหมวย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในการพาเสี่ยแป้งหลบหนี
น.ส.ไหม เผยว่า เสี่ยแป้ง นำโทรศัพท์มือถือของเธอไปใช้ และประสานงานให้มีการหลบหนี หากสำเร็จจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 2 แสนบาท และให้บ้านที่ จ.ภูเก็ต อีก 1 หลัง แต่ที่ได้จริงตอนนี้คือเงิน 2 พันบาทที่นางหมวยโอนให้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ วันที่ 20 ตุลาคม เสี่ยแป้ง พยายามใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจในผ้าห่มแต่ไม่สำเร็จ วันรุ่งขึ้นได้แจ้งผู้คุมขอเปลี่ยนโซ่ ปรากฏว่าผู้คุมนำโซ่มาเปลี่ยนให้ มีการพันธนาการแบบหลวมมาก จากนั้นวันที่ 21 ตุลาคม น.ส.ไหม ไปซื้อโทรศัพท์ให้เสี่ยแป้ง กระทั่งดึกคืนดังกล่าว นายบอยลงไปรับกุญแจจากนายบิ๊กด้านล่างแล้วนำมาส่งให้ หลังจากนั้น เสี่ยแป้ง ไขกุญแจจนสำเร็จ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงไปด้านล่างหนีหายไปพร้อมกับนายบอย ส่วนตนเองด้วยความตกใจยังอยู่ด้านบน กระทั่งเจ้าหน้าที่ทราบเรื่อง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เสี่ยแป้ง นาโหนด มีปืนติดตัวตอนนอนใน รพ. - ใช้เงินกว่า 100 ล้าน เปิดทางหนี
ด้าน พล.ต.ต. สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ตั้งข้อสังเกตความหละหลวมของการควบคุมนักโทษรายนี้ ทั้งการเปลี่ยนกุญแจข้อเท้าได้อย่างง่ายดาย เป็นการเอื้อต่อการหลบหนีหรือไม่ และพบด้วยว่าตลอดเวลาที่นอนอยู่ในหอผู้ป่วย นายเชาวลิตได้รับปืนขนาด 9 มม.จากลูกน้องซ่อนติดตัวอยู่ตลอดเวลาด้วย โดยเตรียมออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้เสี่ยแป้งหลบหนีประมาณ 3-4 คน ส่วนจะดำเนินการสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อหรือมีส่วนหรือไม่นั้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
ส่วนพฤติการณ์หลบหนีพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นรวม 4 คนที่คอยช่วยเหลือในการหลบหนี ใช้รถยนต์อย่างน้อย 2 คัน คือกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนจังหวัดพัทลุง ขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นรถของมารดา หนึ่งในผู้ที่ช่วยเหลือเสี่ยแป้งหลบหนี อีกคันเป็นรถอีซูซุสีขาว และยังมีเก๋งต้องสงสัยสีดำอีกคัน ซึ่งกำลังตรวจสอบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสังเกตความหละหลวมของการควบคุมนักโทษรายนี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า จากที่มีกระแสข่าวว่า เสี่ยแป้ง นาโหนด อาจจะหนีออกนอกประเทศไปแล้ว จากข้อมูลตำรวจสืบสวนภาค 9 เชื่อว่ายังไม่ได้หนีออกไป เป็นแผนลวงของลูกน้องเสี่ยแป้ง เพราะเชื่อว่าฐานเสี่ยแป้ง มีญาติพี่น้องที่คอยช่วยเหลืออยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และสตูล ทำให้เสี่ยแป้ง มีโอกาสรอดมากกว่า และมีโอกาสที่จะออกมาก่อเหตุซ้ำได้ดีกว่า
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีดังหลายคดี หลบหนีการควบคุมตัวโดยมีลูกน้องพาออกจากโรงพยาบาล ก่อนไปขึ้นรถกระบะสีขาว 4 ประตู ทะเบียน 8 กจ 3212 กรุงเทพฯ ที่นายจักรี หรือ บิ๊ก อายุ 41 ปี ลูกน้องอีกคนขับมาจอดรอ จากนั้นได้ขับหนี โดยมีรถในขบวนหลบหนี รวมทั้งหมด 3 คัน
อ่านข่าว : ล่าเสี่ยแป้ง นักโทษคุก 21 ปี ก่อคดีครบทั้งปล้น ฆ่าตำรวจ หนีจาก รพ. ส่องวงจรปิดหนีได้ไง
ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 24 ตุลาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนี เสี่ยแป้ง พบว่า ออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าผ่านสี่แยกหัวถนน จุดนี้เผยให้เห็นขบวนรถที่พาเสี่ยแป้งหลบหนี คันแรกเป็นรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีดำ คันที่สองเป็นกระบะ 4 ประตู สีขาว วิ่งฝ่าไฟแดงผ่านทางแยกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนรถที่เสี่ยแป้งนั่งมา เป็นกระบะคันที่ 3 เมื่อถึงทางแยกได้จอดชะลอดูรถก่อน จากนั้นก็วิ่งฝ่าไฟแดงตามกันไป
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เบื้องต้นมีข้อมูลว่า หลังจากผ่านจุดนี้ เสี่ยแป้งกับลูกน้องมุ่งหน้าเข้าจังหวัดตรัง แล้วไปที่จังหวัดกระบี่เพื่อไปหาลูกพี่ จากนั้นมุ่งหน้าชายแดนประเทศเมียนมาแต่ถูกปฏิเสธ จึงต้องย้อนกลับมาที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งล่าสุดได้เบาะแสมาว่าเสี่ยแป้งหลบหนีเข้าพื้นที่จังหวัดสตูล โดยเจ้าหน้าที่เข้ากดดันทางครอบครัวให้พามอบตัวแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งก็อยู่ระหว่างการล่าตัวมารับโทษต่อไป
จากปากคนพาเสี่ยแป้งหลบหนี สัญญาให้เงินสด + บ้าน 1 หลัง มีคนเอากุญแจมาให้ไขถึงเตียง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าภาค 8 ภาค 9 พบรถยนต์คันที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีถูกจอดทิ้งไว้ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.สตูล ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย โดยคาดว่า เสี่ยแป้งพร้อมคนช่วยเหลือ น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากการสอบสวน น.ส.วิลาวัลย์ หรือ ไหม อายุ 32 ปี พยานปากสำคัญ หญิงสาวที่รับจ้างเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง ให้การซัดทอดมีผู้เกี่ยวข้องอีก 3 ราย คือ นายจีรวุฒิ หรือบอย, นายจักรี หรือบิ๊กและ น.ส.ยุวเรศ หรือหมวย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในการพาเสี่ยแป้งหลบหนี
น.ส.ไหม เผยว่า เสี่ยแป้ง นำโทรศัพท์มือถือของเธอไปใช้ และประสานงานให้มีการหลบหนี หากสำเร็จจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 2 แสนบาท และให้บ้านที่ จ.ภูเก็ต อีก 1 หลัง แต่ที่ได้จริงตอนนี้คือเงิน 2 พันบาทที่นางหมวยโอนให้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ วันที่ 20 ตุลาคม เสี่ยแป้ง พยายามใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจในผ้าห่มแต่ไม่สำเร็จ วันรุ่งขึ้นได้แจ้งผู้คุมขอเปลี่ยนโซ่ ปรากฏว่าผู้คุมนำโซ่มาเปลี่ยนให้ มีการพันธนาการแบบหลวมมาก จากนั้นวันที่ 21 ตุลาคม น.ส.ไหม ไปซื้อโทรศัพท์ให้เสี่ยแป้ง กระทั่งดึกคืนดังกล่าว นายบอยลงไปรับกุญแจจากนายบิ๊กด้านล่างแล้วนำมาส่งให้ หลังจากนั้น เสี่ยแป้ง ไขกุญแจจนสำเร็จ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงไปด้านล่างหนีหายไปพร้อมกับนายบอย ส่วนตนเองด้วยความตกใจยังอยู่ด้านบน กระทั่งเจ้าหน้าที่ทราบเรื่อง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เสี่ยแป้ง นาโหนด มีปืนติดตัวตอนนอนใน รพ. - ใช้เงินกว่า 100 ล้าน เปิดทางหนี
ด้าน พล.ต.ต. สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ตั้งข้อสังเกตความหละหลวมของการควบคุมนักโทษรายนี้ ทั้งการเปลี่ยนกุญแจข้อเท้าได้อย่างง่ายดาย เป็นการเอื้อต่อการหลบหนีหรือไม่ และพบด้วยว่าตลอดเวลาที่นอนอยู่ในหอผู้ป่วย นายเชาวลิตได้รับปืนขนาด 9 มม.จากลูกน้องซ่อนติดตัวอยู่ตลอดเวลาด้วย โดยเตรียมออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้เสี่ยแป้งหลบหนีประมาณ 3-4 คน ส่วนจะดำเนินการสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อหรือมีส่วนหรือไม่นั้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
ส่วนพฤติการณ์หลบหนีพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นรวม 4 คนที่คอยช่วยเหลือในการหลบหนี ใช้รถยนต์อย่างน้อย 2 คัน คือกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนจังหวัดพัทลุง ขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นรถของมารดา หนึ่งในผู้ที่ช่วยเหลือเสี่ยแป้งหลบหนี อีกคันเป็นรถอีซูซุสีขาว และยังมีเก๋งต้องสงสัยสีดำอีกคัน ซึ่งกำลังตรวจสอบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสังเกตความหละหลวมของการควบคุมนักโทษรายนี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่นายเชาวลิตวางแผนหนี ได้มีการหยิบเอาเงินที่ถูกอายัดไว้กว่า 100 ล้านออกมาล่อกับทีมงานวางแผนอีกด้วย
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า จากที่มีกระแสข่าวว่า เสี่ยแป้ง นาโหนด อาจจะหนีออกนอกประเทศไปแล้ว จากข้อมูลตำรวจสืบสวนภาค 9 เชื่อว่ายังไม่ได้หนีออกไป เป็นแผนลวงของลูกน้องเสี่ยแป้ง เพราะเชื่อว่าฐานเสี่ยแป้ง มีญาติพี่น้องที่คอยช่วยเหลืออยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และสตูล ทำให้เสี่ยแป้ง มีโอกาสรอดมากกว่า และมีโอกาสที่จะออกมาก่อเหตุซ้ำได้ดีกว่า
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
โดยเป้าหมายล่าสุดคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่ อ.มะนัง จ.สตูล
เพราะเสี่ยแป้งอาศัยความคุ้นเคย และเคยชินพื้นที่ดังกล่าว
พร้อมกับมีญาติพี่น้องเยอะในพื้นที่ จึงเชื่อว่ายังไม่หนีออกต่างประเทศ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้