เปิดจดหมายลูกเขย ชาดา ไทยเศรษฐ์ ปฏิเสธข้อหารับสินบน แต่ขอรับผิดชอบลาออกจากนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่
จากกรณี นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ถูกจับกุมในคดีเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้าง โครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล จำนวน 2 โครงการ ที่ ต.ตลุกดู่ และ ต.หาดทนง จ.อุทัยธานี รวม 6 แสนบาท ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วย ไม่มีอิทธิพลใด ๆ
อ่านข่าว : อนุทิน พูดสั้น ๆ ถึงลูกเขยชาดา "สมน้ำหน้า" หลังถูกจับคดีรับสินบน คนโง่เป็นเหยื่อคนฉลาด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 26 ตุลาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (25 ตุลาคม) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ประเด็น นายวีระชาติ ซึ่งเป็นลูกเขยถูกจับเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมา ระบุว่าได้สั่งให้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ก็ย้ำเป็นคนใกล้ชิด ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งประชาชน
นายชาดา พูดเชิงตัดพ้อว่า จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า จะให้ตนทำอย่างไร ก็ย้ำครอบครัวตนไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะพ่อ ก็ต้องโอบกอดลูกทุกคนด้วยความรัก ความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน พร้อมขอร้อง อย่ามาโจมตีครอบครัว
เปิดจดหมายลูกเขยชาดา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ปัดข้อหารับสินบน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายวีระชาติ ได้เขียนจดหมาย ถึงผู้ว่าฯ อุทัยธานี ขอลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า
"ด้วยข้าพเจ้า นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้ต้องคดีถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเพื่อแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ที่จะไม่ทำให้เทศบาลตำบลตลุกดู่ตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำ ในการบริหารงาน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐและประชาชน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ขอลาออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 23.30 น."
ผู้การ ปปป. ย้ำหลักฐานแน่น จ่อขยายผล หวังทำอุทัยฯ ไร้ผู้มีอิทธิพล
เกี่ยวกับคดีนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. ระบุว่า ในตอนได้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจค้นอีก 6 จุด และขอยึดโทรศัพท์มือถือ และเก็บข้อมูลไว้เป็นพยานหลักฐาน แต่ยังต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม ยืนยันขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนและเพียงพอ ทั้งจะมีการขยายผลเพิ่มเติม และจะหาวิธีการทำอย่างไรให้จังหวัดอุทัยธานีไร้ผู้มีอิทธิพล และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าทำงานได้
เบื้องต้นจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้ต้องหา ผู้เสียหาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น รวมถึงจะมีการเรียกผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และผู้ประกอบการขายปูนซีเมนต์ ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาเข้าไปล็อบบี้ ไม่ให้จำหน่ายสินค้าให้กับผู้เสียหาย จนส่งผลกระทบกับเรื่องของการก่อสร้าง มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน
ยืนยันว่าไม่หนักใจแม้ว่าศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เพราะพยานหลักฐานที่ตำรวจมีแน่นหนามาก ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่อนุมัติหมายจับ และมั่นใจว่า จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช. ได้ทันภายใน 30 วัน
ส่วนตัวผู้เสียหายขณะนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้รับไปดำเนินการเพื่อดูแลความปลอดภัย โดยจะกำลังตำรวจไปช่วยสนับสนุน ตนขอย้ำว่าหลังจากนี้จะมีการขยายผลเพิ่มเติมในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาด้วย ซึ่งตนได้ประสานไปยังกรมสรรพากร ให้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ถูกจับกุมในคดีเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้าง โครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล จำนวน 2 โครงการ ที่ ต.ตลุกดู่ และ ต.หาดทนง จ.อุทัยธานี รวม 6 แสนบาท ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วย ไม่มีอิทธิพลใด ๆ
อ่านข่าว : อนุทิน พูดสั้น ๆ ถึงลูกเขยชาดา "สมน้ำหน้า" หลังถูกจับคดีรับสินบน คนโง่เป็นเหยื่อคนฉลาด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 26 ตุลาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (25 ตุลาคม) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ประเด็น นายวีระชาติ ซึ่งเป็นลูกเขยถูกจับเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมา ระบุว่าได้สั่งให้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ก็ย้ำเป็นคนใกล้ชิด ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งประชาชน
นายชาดา พูดเชิงตัดพ้อว่า จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า จะให้ตนทำอย่างไร ก็ย้ำครอบครัวตนไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะพ่อ ก็ต้องโอบกอดลูกทุกคนด้วยความรัก ความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน พร้อมขอร้อง อย่ามาโจมตีครอบครัว
เปิดจดหมายลูกเขยชาดา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ปัดข้อหารับสินบน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายวีระชาติ ได้เขียนจดหมาย ถึงผู้ว่าฯ อุทัยธานี ขอลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า
"ด้วยข้าพเจ้า นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้ต้องคดีถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเพื่อแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ที่จะไม่ทำให้เทศบาลตำบลตลุกดู่ตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำ ในการบริหารงาน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐและประชาชน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความประสงค์ ขอลาออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตลุกดู่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2566 เวลา 23.30 น."
เกี่ยวกับคดีนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. ระบุว่า ในตอนได้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจค้นอีก 6 จุด และขอยึดโทรศัพท์มือถือ และเก็บข้อมูลไว้เป็นพยานหลักฐาน แต่ยังต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม ยืนยันขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนและเพียงพอ ทั้งจะมีการขยายผลเพิ่มเติม และจะหาวิธีการทำอย่างไรให้จังหวัดอุทัยธานีไร้ผู้มีอิทธิพล และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าทำงานได้
เบื้องต้นจะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้ต้องหา ผู้เสียหาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น รวมถึงจะมีการเรียกผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และผู้ประกอบการขายปูนซีเมนต์ ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาเข้าไปล็อบบี้ ไม่ให้จำหน่ายสินค้าให้กับผู้เสียหาย จนส่งผลกระทบกับเรื่องของการก่อสร้าง มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน
ยืนยันว่าไม่หนักใจแม้ว่าศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เพราะพยานหลักฐานที่ตำรวจมีแน่นหนามาก ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่อนุมัติหมายจับ และมั่นใจว่า จะสามารถสรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช. ได้ทันภายใน 30 วัน
ส่วนตัวผู้เสียหายขณะนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้รับไปดำเนินการเพื่อดูแลความปลอดภัย โดยจะกำลังตำรวจไปช่วยสนับสนุน ตนขอย้ำว่าหลังจากนี้จะมีการขยายผลเพิ่มเติมในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาด้วย ซึ่งตนได้ประสานไปยังกรมสรรพากร ให้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้
นอกจากนี้
เมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคม ได้มีการพูดคุยกับนายชาดา
โดยนายชาดาบอกกับตนว่าให้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
และรับปากว่าจะไม่ให้ตัวผู้ก่อเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงมหาดไทยว่า
อยากให้รับลูกต่อจาก บก.ปปป.
เพราะหลังจากที่มีการจับกุมเข้าเจ้าที่รัฐที่มีการทุจริต
อยากให้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าคดีจะสิ้นสุดเพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่าง
ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้