รวบ ธนาธร vogue ไฮโซเก๊ หลอกต้มตุ๋นสาว ไม่ต่ำกว่า 30 ราย ความเสียหายกว่า 10 ล้าน
วันที่ 28 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุด PCT 5 สั่งการสืบสวนจับกุม นายกฤติเดช (ชื่อเดิม ธนาธร) หรือ ธร, มีน, มิน อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ คือ
- หมายจับศาลอาญาที่ จ.11/2566 ข้อหาลักทรัพย์ (พื้นที่ สน.มีนบุรี)
- หมายจับศาลจังหวัดเชียงรายที่ จ.78/2566 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ หรือใช้เอกสารราชการปลอม และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน (พื้นที่ สภ.เมืองเชียงราย)
สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุ คนร้ายวัย 27 ปี จะเป็นที่รู้จักกันในนาม ธนาธร หรือ เสี่ยมีน vogue ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลา ใช้ทักษะการต้มตุ๋น สร้างโปรไฟล์บนโลกโซเชียล อุปโลกน์ตัวเองเป็นไฮโซ อ้างเป็น CEO บริษัทสร้างบ้าน และกรรมการสำนักงานกฎหมาย ทำทีถ่ายรูปกับรถหรูที่ไม่ใช่ของตัวเอง หรือโชว์สลิปการโอนเงินเยอะ หรืออวดนาฬิการาคาแพงขณะอยู่หลังพวงมาลัยรถหรู และอื่น ๆ เพื่อประกาศความร่ำรวย
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเพื่อนตามเพจ กับเหล่าไฮโซคนดังที่มีตัวตนอยู่จริง เพื่อเสริมโปรไฟล์ของตัวเอง จากนั้นก็จะตระเวนหลอกหญิงสาวบนโลกโซเชียล นำไปสู่การพบเจอกัน โดยตอนที่นัดพบ คนร้ายจะแต่งตัวดี ดูมีฐานะเหมือนเป็นไฮโซ จากนั้นจะพูดคุยอวดอ้างว่ารู้จักไฮโซคนดัง หรือผู้มีอำนาจ
ในการนัดพบครั้งแรก มักพาเหยื่อผู้หญิงไปเข้าวัดทำบุญ สร้างภาพเป็นไฮโซหล่อรวยสายบุญ เมื่อเหยื่อเคลิบเคลิ้มว่าได้เจอชายในฝัน ก็จะเข้าสู่กระบวนการหลอกเอาทรัพย์สิน ซึ่งจะเชือดอย่างไรก็ขึ้นกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในโซเชียล
ทั้งนี้ เมื่อเหยื่อไหวตัวทันและตีตัวออกห่าง คนร้ายก็มักเข้าไปขโมยทรัพย์สินต่าง ๆ ของเหยื่อ บางรายถูกยกตู้หรือโทรทัศน์ เมื่อคนร้ายรู้ว่าเหยื่อบางรายฐานะไม่ดี ก็ยังโทร. ไปขอยืมเงินจากเหยื่ออีก 180 บาท อ้างว่าเป็นค่าน้ำมันรถขับไปรับ แต่เมื่อเหยื่อโอนไปแล้วก็จะปล่อยให้ยืนรอนานถึง 6 ชั่วโมง จากการสืบสวนพบว่าก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 30 ราย
สำหรับคนร้ายรายนี้ ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้อยู่นานหลายปี ผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท พบประวัติต้องคดีมาแล้วกว่า 8 คดี และอีกไม่ต่ำกว่า 5 คดีซึ่งผู้เสียหายไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี
โดยทั้ง 8 คดี มีดังนี้
1. วันที่ 11 กรกฎาคม 2558 ก่อเหตุลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พื้นที่ สน.ดุสิต
2. วันที่ 31 มีนาคม 2559 ก่อเหตุลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พื้นที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
3. วันที่ 23 กรกฎาคม 2559 ก่อเหตุฉ้อโกง พื้นที่ สน.มีนบุรี
4. วันที่ 26 เมษายน 2560 ก่อเหตุฉ้อโกง พื้นที่ สภ.เมืองอุตรดิตถ์
5. วันที่ 19 มีนาคม 2564 ก่อเหตุปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ พื้นที่ สภ.เมืองเชียงราย
6. วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ก่อเหตุ ฉ้อโกง , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมฯ พื้นที่ สน.สายไหม
7. วันที่ 31 ธันาวาคม 2564 ก่อเหตุลักทรัพย์ พื้นที่ สน.มีนบุรี
8. วันที่ 6 เมษายน 2565 ก่อเหตุฉ้อโกง พื้นที่ สน.ลุมพินี
ทั้งนี้ ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ ซอยวิภาวดีรังสิต 17 แยก 10 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ ขณะที่คนร้ายกำลังลวงพาเหยื่อรายล่าสุดนำรถไปจำนำย่านเพชรเกษม
ขณะที่เดลินิวส์ รายงานว่า จากการสอบสวน นายกฤติเดช ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองเรียนจบชั้น ม.6 ชีวิตลำบากมาก พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ 4 ขวบ ทำให้ขาดคนสั่งสอน จึงอาศัยที่ตัวเองหน้าตาดี ชอบถ่ายรูปกับรถหรู ทำโปรไฟล์ดีบนโลกออนไลน์ เลยมีผู้หญิงเข้ามาเยอะ ตนจึงมีแฟนหลายคน คบซ้อนพร้อมกัน 4-5 คน
เมื่อมีผู้หญิงเข้ามา นายกฤติเดชก็จะทำทีเป็นคบหาเพื่อหลอกยืมเงิน โดยเคยยืมสูงสุดหลักล้านเพื่อไปเล่นพนันออนไลน์ จนหมด ทำให้ชีวิตเกิดปัญหา เครียดไม่มีเงิน ส่วนเรื่องที่ถูกจับเมื่อปี 2563 เป็นเพราะตนทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งเรื่องยืมเงิน จนทำให้โทรทัศน์ในห้องผู้หญิงพัง และยกออกไปขาย
อย่างไรก็ตาม นายกฤติเดช ยืนยันว่าไม่ได้ขโมย ส่วนคดีอื่น ๆ ก็เกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์ ซึ่งตนพยายามเคลียร์จนหมดแล้ว พร้อมเปิดหน้าให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
ทั้งนี้ นายกฤติเดชยังฝากเตือนผู้หญิงในโลกออนไลน์ว่า อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะความจริงอาจไม่เหมือนที่เห็นในโลกออนไลน์ และให้สัญญาว่าเมื่อพ้นโทษจะกลับตัวเป็นคนดี
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ทั้งนี้ จากการขยายผลทางตำรวจพบหลักฐานและข้อมูลเหยื่อ รวมถึงผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ แจ้งมายังเฟซบุ๊ก สืบสวนนครบาล IDMB ซึ่งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย, เดลินิวส์, เฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB










