เจษฎา โดนท้าพิสูจน์จ่าย 1 ล้าน หากบั้งไฟพญานาคไม่ใช่กระสุนส่องวิถียิงขึ้นจากฝั่งลาว เจ้าตัวชี้ เป็นวิธีที่ดี ขอพิสูจน์ 2 ปีได้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แน่
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 สิ่งที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตาคอยโดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำโขง นั่นคือ การชมบั้งไฟพญานาค แต่เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่มีทั้งคนเชื่อว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บางคนก็เชื่อว่าไม่ใช่ธรรมชาติ
ทั้งนี้ นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ภาพบั้งไฟพญานาค พร้อมกับยืนยันในทฤษฎีที่ว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากการยิงปืนของคนที่มาจากฝั่งลาว ไม่ได้เกิดจากแก๊สมีเทนใต้น้ำหรือความเชื่อที่ว่าพญานาคพ่นไฟจากใต้น้ำขึ้นมา พร้อมกับภาพที่เป็นวิถีกระสุนจากฝั่งลาวอย่างเด่นชัด ถึงขั้นที่มีหลายคนหลังไมค์ไปหาอาจารย์เจษฎ์ และบอกว่านี่คือการลบหลู่พญานาค ระวังครอบครัวฉิบหาย ซึ่งอาจารย์เจษฎ์ก็ยืนยันว่าตนจะพูดเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และปัจจุบันครอบครัวของตนก็ยังมีความสุขดี
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อ่านเพิ่มเติม อาจารย์เจษฎ์ เผยผลลัพธ์ลบหลู่ บั้งไฟพญานาค ไม่ได้เกิดจากลูกไฟแก๊ส ทำมา 10 ปี เจอกับตัว !
ในขณะเดียวกัน อาจารย์เจษฎ์ ก็ได้แชร์โพสต์จากเพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ซึ่งเจ้าของเพจได้มอบหลักฐานไฟล์ต้นฉบับที่ถ่ายบั้งไฟพญานาคจากฝั่งลาวให้นายอำเภอรัตนวาปี และยืนยันว่าไฟล์นี้ไม่มีการเสริมเติมแต่งแต่อย่างใด เจตนาเพื่อให้เห็นว่าลูกปืนนั้นส่องแสงหรือไม่ โดยที่ทางเพจอ้างว่ามีการเก็บหลักฐานมาตลอด 13 ปี และเห็นหลักฐานว่ามีการยิงปืนขึ้นมาจากบ้านทวย เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ ซึ่งลูกไฟทั้งหมดจะมาจากด้านหน้าแม่น้ำโขง ด้านข้าง หรือด้านหลัง ไม่ได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ จ.บึงกาฬ และคหบดี ก็ออกมาท้าทายนายเจษฎาให้มานั่งดูเป็นสักขีพยานในปีหน้าว่า บั้งไฟพญานาคไม่ใช่การยิงกระสุนจากฝั่งลาว เพราะเรื่องนี้มีมานานแล้ว และขอเดิมพัน 1 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามที่นายเจษฎาว่า ตนก็ยินดีจ่าย แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่นายเจษฎาว่า ก็ต้องจ่าย 1 ล้านบาท มาแทน
ล่าสุด วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ก็โพสต์ถึงประเด็นนี้ว่า ตนชอบถึงไอเดียการพิสูจน์บั้งไฟพญานาค แต่ตนไม่ต้องวางเดิมพันอะไรกันก็ได้ เพราะไม่มีเงินขนาดนั้น
เกี่ยวกับ พญานาค นั้น พญานาคได้รับการบูชากราบไหว้เพื่อขอพรให้ช่วยปกปักรักษา คุ้มครอง และเสริมโชคลาภ พญานาคยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ และความมีวาสนา และยังเป็นหนึ่งในเทพ 78 องค์ของไพ่เทวะมันตรา พยากรณ์ ซึ่งเป็นไพ่พยากรณ์ 78 ใบ ที่เกิดจากความศรัทธาที่มีต่อเทพเชื้อสายต่าง ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมพลังศรัทธาของคนหลากหลายเชื้อชาติมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 สิ่งที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตาคอยโดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำโขง นั่นคือ การชมบั้งไฟพญานาค แต่เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่มีทั้งคนเชื่อว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บางคนก็เชื่อว่าไม่ใช่ธรรมชาติ
ทั้งนี้ นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ภาพบั้งไฟพญานาค พร้อมกับยืนยันในทฤษฎีที่ว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากการยิงปืนของคนที่มาจากฝั่งลาว ไม่ได้เกิดจากแก๊สมีเทนใต้น้ำหรือความเชื่อที่ว่าพญานาคพ่นไฟจากใต้น้ำขึ้นมา พร้อมกับภาพที่เป็นวิถีกระสุนจากฝั่งลาวอย่างเด่นชัด ถึงขั้นที่มีหลายคนหลังไมค์ไปหาอาจารย์เจษฎ์ และบอกว่านี่คือการลบหลู่พญานาค ระวังครอบครัวฉิบหาย ซึ่งอาจารย์เจษฎ์ก็ยืนยันว่าตนจะพูดเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และปัจจุบันครอบครัวของตนก็ยังมีความสุขดี
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อ่านเพิ่มเติม อาจารย์เจษฎ์ เผยผลลัพธ์ลบหลู่ บั้งไฟพญานาค ไม่ได้เกิดจากลูกไฟแก๊ส ทำมา 10 ปี เจอกับตัว !
ในขณะเดียวกัน อาจารย์เจษฎ์ ก็ได้แชร์โพสต์จากเพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ซึ่งเจ้าของเพจได้มอบหลักฐานไฟล์ต้นฉบับที่ถ่ายบั้งไฟพญานาคจากฝั่งลาวให้นายอำเภอรัตนวาปี และยืนยันว่าไฟล์นี้ไม่มีการเสริมเติมแต่งแต่อย่างใด เจตนาเพื่อให้เห็นว่าลูกปืนนั้นส่องแสงหรือไม่ โดยที่ทางเพจอ้างว่ามีการเก็บหลักฐานมาตลอด 13 ปี และเห็นหลักฐานว่ามีการยิงปืนขึ้นมาจากบ้านทวย เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ ซึ่งลูกไฟทั้งหมดจะมาจากด้านหน้าแม่น้ำโขง ด้านข้าง หรือด้านหลัง ไม่ได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ จ.บึงกาฬ และคหบดี ก็ออกมาท้าทายนายเจษฎาให้มานั่งดูเป็นสักขีพยานในปีหน้าว่า บั้งไฟพญานาคไม่ใช่การยิงกระสุนจากฝั่งลาว เพราะเรื่องนี้มีมานานแล้ว และขอเดิมพัน 1 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามที่นายเจษฎาว่า ตนก็ยินดีจ่าย แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่นายเจษฎาว่า ก็ต้องจ่าย 1 ล้านบาท มาแทน
ตนขอแค่ปีหน้าท้องถิ่นมาช่วยจัดการพิสูจน์เป็นเรื่องเป็นราว
เชิญกองทัพสื่อทุกช่องและผู้สนใจ ตั้งกล้องถ่ายวิดีโอเยอะ ๆ
ครึ่งหนึ่งถ่ายฝั่งไทย ครึ่งหนึ่งถ่ายฝั่งลาว แล้วเอาโดรนบินตรงกลางขึ้นฟ้า
เก็บข้อมูลประมาณ 2 ปี ก็น่าจะได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้ว
และหากใครที่สนใจจะเชิญตนไปพิสูจน์ สามารถโทรศัพท์มานัดที่คณะได้