พ่อน้องม่อน เผยลางร้ายก่อนเกิดเหตุเสียลูกชาย เจ้าไมกี้ สุนัขสุดรักร้องลั่น วิ่งทั่วบ้านแบบผิดปกติ ชี้ ครูฝึกกับเพื่อนพูดไม่ตรงกันถึงเหตุการณ์ อยากรู้ความจริงมันเป็นยังไง
จากกรณีที่น้องม่อน เสียชีวิตจากการจมน้ำในกิจกรรมเข้าค่ายกับทางโรงเรียน ที่ค่ายแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี จนทำให้ครอบครัวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ไมกี้จอมป่วน ร้องขอความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากให้โรงเรียนหยุดกิจกรรมแบบนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อ่านข่าว : เจ้าของเพจไมกี้จอมป่วน ขอความเป็นธรรม ลูกจมน้ำเสียชีวิต หลังเข้าค่ายของ รร.
ล่าสุด วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ในงานศพของน้องม่อน เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คุณพ่อจุดธูปเพื่อเรียกวิญญาณลูกกลับมาบ้าน ถามว่าหนาวไหม อยู่ในน้ำหนาวหรือเปล่า
คุณพ่อ เปิดเผยว่า ลูกชายกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาพบกับความสูญเสีย ครั้งสุดท้ายที่เจอลูกคือ การขับรถส่งที่โรงเรียนเพื่อไปเข้าค่ายปัจฉิมนิเทศ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นการจากลากัน น้องม่อนเป็นนักเรียนดีเด่น เกรดเฉลี่ย 4.00 อีก 3 เดือนก็จะเรียนจบ กำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยต่อไป
ส่วนการไปเข้าค่าย มีนักเรียนเข้าร่วม 40-50 คน แต่มีคนดูแลเพียง 5 คน ก่อนเกิดเหตุก็มีลางสังหรณ์ คือ เจ้าไมกี้ สุนัขพันธุ์โกลเด้นที่น้องม่อนเลี้ยงเอาไว้ เกิดเห่าหอน วิ่งไปทั่วบ้านแบบผิดปกติ ก่อนที่จะมีโทรศัพท์แจ้งมาว่า ลูกชายเสียชีวิตแล้ว ที่สำคัญคือ เพื่อนกับครูฝึก พูดไม่ตรงกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพื่อน ครูฝึก พูดไม่ตรงกัน
เพื่อนบอกว่า วันเกิดเหตุวิทยาลัยพานักศึกษาไป 40-50 คน มีครูฝึก 5 คน ไปเล่นน้ำตกกันเพื่อผ่อนคลายในวันสุดท้ายของการเข้าค่าย จากนั้นก็สั่งให้ไปล้างตัว โดยจุดที่น้องม่อนจมน้ำ เป็นจุดที่มีคนเสียชีวิตบ่อยมาก และไม่มีใครรู้ว่าจุดนั้นลึกหรือไม่เพราะไม่มีใครแจ้งเตือน มีแค่เจ้าหน้าที่บอกว่า อย่าไปเล่นไกล
ส่วนน้องม่อน ว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าน้องรู้ว่าน้ำมันลึกคงไม่เล่นแน่ ตอนที่ลงไปน้องเกิดลื่นบวกกับน้ำลึก ทำให้น้องจมน้ำ เพื่อน ๆ ก็พยายามตะโกนเรียกครูฝึกให้มาช่วย ส่วนครูฝึกก็ตะคอกกลับมาว่า อย่าไปเล่น ไม่เชื่อว่ามีเด็กจมน้ำ
ฝั่งครูฝึก เล่าว่า ครูฝึกเป่านกหวีดเตือนแล้วอย่าไปเล่นน้ำ เรียกให้ขึ้นมา แล้วก็เป็นคนช่วยน้องขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่เพื่อนเล่า คือไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีการเข้าไปช่วย ตนอยากจะรู้ความจริงเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร
ส่วนคุณแม่ของน้องม่อน กล่าวว่า ลูกชายของตนกลัวน้ำมาก ว่ายน้ำไม่เป็น ลูกคงทรมานที่สุด ต้องแช่อยู่ในน้ำ 1 ชั่วโมงจนหมดอากาศหายใจ ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นร่างที่ไร้ลมหายใจ ไม่มีคำร่ำลาสักคำ อยากให้ยกเลิกกิจกรรมเข้าค่ายทั้งหมด ไม่อยากให้มีเด็กคนอื่นมาเสียชีวิตแบบลูกแม่อีก
นางสุมนา เสือเอก ประธานบริหารสถานศึกษา เข้าไปคุยกับครอบครัวน้องม่อน แสดงความเสียใจ แล้วก็บอกว่า พร้อมรับผิดชอบเยียวยา ส่วนการเข้าค่ายมีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง ค่ายก็ไปสำรวจแล้วมีความปลอดภัย หลังจากนี้จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จ้างนักจิตวิทยาเยียวยาจิตใจเพื่อนน้องม่อน ไม่คาดคิดเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และจะงดจัดกิจกรรมนี้
ส่วนป้าของน้อง จะดูแลเรื่องกฎหมายเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะไม่มั่นใจในกรรมการสอบสวน เมื่อขอเอกสารโครงการ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครให้รายละเอียดว่า ใครทำอะไรอยู่ที่ไหน ในเวลาเกิดเหตุ เตรียมอุปกรณ์อะไรบ้างในการช่วยเหลือและรักษาความปลอดภัยเด็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีที่น้องม่อน เสียชีวิตจากการจมน้ำในกิจกรรมเข้าค่ายกับทางโรงเรียน ที่ค่ายแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี จนทำให้ครอบครัวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ไมกี้จอมป่วน ร้องขอความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากให้โรงเรียนหยุดกิจกรรมแบบนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อ่านข่าว : เจ้าของเพจไมกี้จอมป่วน ขอความเป็นธรรม ลูกจมน้ำเสียชีวิต หลังเข้าค่ายของ รร.
ล่าสุด วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ในงานศพของน้องม่อน เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คุณพ่อจุดธูปเพื่อเรียกวิญญาณลูกกลับมาบ้าน ถามว่าหนาวไหม อยู่ในน้ำหนาวหรือเปล่า
คุณพ่อ เปิดเผยว่า ลูกชายกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาพบกับความสูญเสีย ครั้งสุดท้ายที่เจอลูกคือ การขับรถส่งที่โรงเรียนเพื่อไปเข้าค่ายปัจฉิมนิเทศ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นการจากลากัน น้องม่อนเป็นนักเรียนดีเด่น เกรดเฉลี่ย 4.00 อีก 3 เดือนก็จะเรียนจบ กำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยต่อไป
ส่วนการไปเข้าค่าย มีนักเรียนเข้าร่วม 40-50 คน แต่มีคนดูแลเพียง 5 คน ก่อนเกิดเหตุก็มีลางสังหรณ์ คือ เจ้าไมกี้ สุนัขพันธุ์โกลเด้นที่น้องม่อนเลี้ยงเอาไว้ เกิดเห่าหอน วิ่งไปทั่วบ้านแบบผิดปกติ ก่อนที่จะมีโทรศัพท์แจ้งมาว่า ลูกชายเสียชีวิตแล้ว ที่สำคัญคือ เพื่อนกับครูฝึก พูดไม่ตรงกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพื่อน ครูฝึก พูดไม่ตรงกัน
เพื่อนบอกว่า วันเกิดเหตุวิทยาลัยพานักศึกษาไป 40-50 คน มีครูฝึก 5 คน ไปเล่นน้ำตกกันเพื่อผ่อนคลายในวันสุดท้ายของการเข้าค่าย จากนั้นก็สั่งให้ไปล้างตัว โดยจุดที่น้องม่อนจมน้ำ เป็นจุดที่มีคนเสียชีวิตบ่อยมาก และไม่มีใครรู้ว่าจุดนั้นลึกหรือไม่เพราะไม่มีใครแจ้งเตือน มีแค่เจ้าหน้าที่บอกว่า อย่าไปเล่นไกล
ส่วนน้องม่อน ว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าน้องรู้ว่าน้ำมันลึกคงไม่เล่นแน่ ตอนที่ลงไปน้องเกิดลื่นบวกกับน้ำลึก ทำให้น้องจมน้ำ เพื่อน ๆ ก็พยายามตะโกนเรียกครูฝึกให้มาช่วย ส่วนครูฝึกก็ตะคอกกลับมาว่า อย่าไปเล่น ไม่เชื่อว่ามีเด็กจมน้ำ
ฝั่งครูฝึก เล่าว่า ครูฝึกเป่านกหวีดเตือนแล้วอย่าไปเล่นน้ำ เรียกให้ขึ้นมา แล้วก็เป็นคนช่วยน้องขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่เพื่อนเล่า คือไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีการเข้าไปช่วย ตนอยากจะรู้ความจริงเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร
แม่ช้ำใจ ลูกคงทรมานหนักก่อนตาย
ส่วนคุณแม่ของน้องม่อน กล่าวว่า ลูกชายของตนกลัวน้ำมาก ว่ายน้ำไม่เป็น ลูกคงทรมานที่สุด ต้องแช่อยู่ในน้ำ 1 ชั่วโมงจนหมดอากาศหายใจ ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นร่างที่ไร้ลมหายใจ ไม่มีคำร่ำลาสักคำ อยากให้ยกเลิกกิจกรรมเข้าค่ายทั้งหมด ไม่อยากให้มีเด็กคนอื่นมาเสียชีวิตแบบลูกแม่อีก
นางสุมนา เสือเอก ประธานบริหารสถานศึกษา เข้าไปคุยกับครอบครัวน้องม่อน แสดงความเสียใจ แล้วก็บอกว่า พร้อมรับผิดชอบเยียวยา ส่วนการเข้าค่ายมีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง ค่ายก็ไปสำรวจแล้วมีความปลอดภัย หลังจากนี้จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จ้างนักจิตวิทยาเยียวยาจิตใจเพื่อนน้องม่อน ไม่คาดคิดเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และจะงดจัดกิจกรรมนี้
ส่วนป้าของน้อง จะดูแลเรื่องกฎหมายเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะไม่มั่นใจในกรรมการสอบสวน เมื่อขอเอกสารโครงการ ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครให้รายละเอียดว่า ใครทำอะไรอยู่ที่ไหน ในเวลาเกิดเหตุ เตรียมอุปกรณ์อะไรบ้างในการช่วยเหลือและรักษาความปลอดภัยเด็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
