สภาพแขนแม่เด็ก 1 ขวบ ได้กรดแทนยาเคลิ้ม ผ่านไป 2 วันเริ่มพอง มีตุ่มขึ้น ไม่อยากคิดถึงสภาพคอน้อง อัปเดตอาการล่าสุด ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
จากกรณี เพจเป็นหนึ่ง ออกมาเผยเรื่องราวการร้องทุกข์ของครอบครัวเด็กชายวัย 1 ขวบ 4 เดือน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการลื่นล้มหัวฟาด และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ แต่กลับมีการให้ยาผิด เป็นยา TCA (กรดไตรคลอโรอะเซติก) ซึ่งเป็นกรดที่ใช้ในการจี้หูด ทำให้เด็กชายเกิดแผลพุพองตามร่างกาย ต้องรับการรักษาฉุกเฉิน โดยได้ย้ายเด็กมารักษาต่อที่โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว
ด้านข่าวช่อง 3 เผยข้อมูลจากแม่ของเด็กชาย ว่าหลังจากที่ตนให้ยาดังกล่าวกับลูกไป ลูกชายก็เริ่มชักและสำลัก จนตัวยากระเด็นมาถูกแขนของตน ทำให้ตนรู้สึกแสบร้อนคล้ายถูกกรด แต่เจ้าหน้าที่ในรถพยาบาลยังยืนกรานให้ตนให้ยาลูกครบทั้ง 2 สลิง ทำให้ลูกทุรนทุรายหนักกว่าเดิม จนเมื่อลูกชายถูกส่งตัวถึงโรงพยาบาลที่ 2 ก็ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ กระทั่งต่อมาทางโรงพยาบาลที่รักษาครั้งแรก จึงติดต่อมาสารภาพว่าให้ยาผิด โดยให้ยาสำหรับใช้ภายนอกมา ไม่ใช่ยานอนหลับตามที่สั่งจ่ายไป
ขณะที่ล่าสุด (9 ธันวาคม 2566) เพจ เป็นหนึ่ง ได้เผยภาพแขนของแม่เด็กชาย ซึ่งลูกสำลักตัวยามาโดนแขนตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม โดยวันนี้ (9 ธันวาคม) เริ่มมีรอยพองและมีตุ่มขึ้น พร้อมตั้งคำถามว่า "แล้วคอน้อง จะเป็นยังไงบ้างวันนี้"
ส่วนอาการของน้อง พบว่าขณะนี้อาการน้องภายในยังทรงตัวและมีการตอบสนองที่ดีขึ้น ลืมตามองหน้าแม่ได้ ส่วนบริเวณตรงคอที่มีรอยไหม้ มีอาการบวมน้อยลง แต่บริเวณผิวหนังยังเป็นร่องรอยของการกัดกร่อนอยู่ ส่วนอาการบาดเจ็บภายในลำคอยังบวมอยู่ แพทย์ยังต้องให้เครื่องช่วยหายใจและยังต้องให้ยานอนหลับ
ผอ.รพ. รับจ่ายยาพลาดจริง สั่งสอบ-โทษสูงสุดคือไล่ออก
ด้านเดลินิวส์ รายงานว่า นพ.วันฉัตร ชินสุวาเทย์ ผอ.โรงพยาบาลบางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พร้อมคณะแพทย์และพยาบาล ร่วมแถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยมี น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อม แม่ และป้าของเด็กผู้เสียหาย ร่วมฟัง
โดย นพ.วันฉัตร ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความผิดพลาด มีการจ่ายยาผิดจริง หลังจากที่รับทราบข้อมูล ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และดูใบสั่งยาจากแพทย์ รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูล และชี้แจงข้อมูลเบื้องต้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าน้องหกล้ม มีปัญหาทางด้านศีรษะ และจะส่งตัวไปรับการสแกนสมองที่โรงพยาบาลอีกแห่ง เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีเครื่องสแกน ซึ่งระหว่างดำเนินการต้องมีการให้ยาให้เคลิ้ม เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจ แต่อาจมีความคลาดเคลื่อนในการเตรียมยาให้น้องหลับ
สำหรับความคลาดเคลื่อนนั้น เข้าใจว่าเป็นช่วงขั้นตอนการเตรียมยา ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีการประสานกับทางจังหวัด และให้โรงพยาบาลรวบรวมข้อมูลที่มี ส่งไปทางจังหวัดที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้น
โดยเบื้องต้น พบว่าตัวยาที่จ่ายไปคือ TCA หรือกรดไตรคลอโรอะซิติก ซึ่งเป็นยาใช้ภายนอก สำหรับพวกติ่งเนื้อ หรือหูด ฤทธิ์ของมันเป็นกรด ก็จะเกิดการระคายเคืองหากมีการรับประทานเข้าไป
ทั้งนี้ โดยปกติตัวยาทั้ง 2 ชนิด จะจัดวางแยกกัน ระหว่างยาใช้ภายนอกที่มีฤทธิ์เป็นกรด และยาใช้ภายใน แต่ต้องไปตรวจสอบว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร ยอมรับว่ายาทั้ง 2 ชนิดเมีความคล้ายคลึงกันทั้งบรรจุภัณฑ์และสียา ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดหยุดงานทันทีระหว่างขั้นตอนสอบสวน
นพ.วันฉัตร ยืนยันว่า ผู้ที่จ่ายยาให้เป็นทีมเภสัชกร หากพบว่า ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมีความบกพร่องจริงก็จะถูกดำเนินการ ตามระเบียบราชการโทษสูงสุด คือไล่ออก ส่วนทางจังหวัดเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามที่จะตรวจสอบข้อมูล ให้ทำข้อมูลขึ้นไป และเน้นย้ำให้ทางโรงพยาบาลดูแลเด็กรายนี้ ในเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาเต็มที่ และทำเอกสารเพื่อยื่น ม. 41 เพื่อการเยียวยากับน้องโดยตรงต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, ช่อง 3, เฟซบุ๊ก เป็นหนึ่ง
