ปู่เชื่อ ฝีมือ 2 ผัว-เมีย ฆ่าเด็กยัดตู้เย็น ชี้เป็นคนใจคอโหดร้าย ทุบตีเด็กประจำ อึ้งสภาพศพถูกมัดสายสิญจน์ตั้งแต่คอ ก่อนห่อผ้ายัดใส่ถุง แช่ตู้เย็นอำพรางคดี
จากกรณีสลด พบศพเด็ก 2 ขวบในตู้เย็น สภาพถูกผ้าห่อไว้และยัดลงถุง ในบ้านทาวน์เฮ้าส์ย่านบางบัวทอง โดยพบว่าผู้ที่อยู่กับเด็กก่อนเสียชีวิตคือ น.ส.ก้อย อายุ 25 ปี ซึ่งได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำแล้วนั้น
อ่านข่าว : สลด พบศพเด็กในตู้เย็น พันผ้าซ่อนไว้ 4 วัน อำพรางคดี คุมตัวคนเลี้ยงสอบพิรุธ
คืบหน้า (6 มกราคม 2567) เดลินิวส์ รายงานว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กัน 6 คน คือ นายแบงค์ อายุ 31 ปี น.ส.ก้อย และน้องสาว ปู่ ย่า ของนายแบงค์ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่านายแบงค์มีคดีในข้อหายาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติด ขณะนี้กำลังเดินทางไปให้ปากคำที่ สน.บางบัวทอง
ด้านนายสมบุญ อายุ 70 ปี ปู่ของนายแบงค์ เล่าว่า ตนคิดว่านายแบงค์เอาเด็กไปให้พ่อแม่เด็กเลี้ยงแล้ว แต่ได้ยินเขาพูดกันว่าพ่อแม่เด็กแยกทางกัน แม่ไปมีแฟนใหม่ พ่อเป็นคนเอาลูกมาเลี้ยง แต่พ่อไปทำงาน นายแบงค์ที่เป็นเพื่อนกับพ่อเด็ก จึงนำเด็กมาเลี้ยงได้ 6-7 เดือนแล้ว
นับตั้งแต่เด็กมาอยู่ในบ้านก็ถูกทำร้ายร่างกายประจำ ตนยังพูดเลยว่าไปตีเขาทำไม น้องยังเด็ก บางทีมันฉี่หรือขี้ใส่เสื้อผ้าก็ต้องมีบ้าง ถ้าเลี้ยงไม่ได้จะเอามาเลี้ยงทำไม
นายสมบุญ ชี้ว่าเวลานายแบงค์กับ น.ส.ก้อย ไม่อยู่
เด็กก็จะมานอนเล่นอยู่กับตน เห็นเด็กหายไปตนก็นึกว่าคงนำเด็กไปคืนพ่อแล้ว
หรือเอาไปให้ตายายเลี้ยงที่ต่างจังหวัด
มารู้ทีหลังเพราะได้กลิ่นเหม็นออกมาจากห้องที่เขานอน ที่บ้านมีตู้เย็น 2
เครื่อง โดยมีเครื่องหนึ่งอยู่ในห้องนอนของนายแบงค์
แม่บ้านจึงแจ้งให้ตำรวจมาดู จนพบร่างของเด็ก 2 ขวบในตู้เย็น
นายสมบุญ ยอมรับว่านายแบงค์มีนิสัยโหดร้าย ใจเป็นนักเลง กับพ่อแม่จะไม่ลงมือแต่จะด่า ตนก็เคยเตือนว่าแบบนี้จะบาป ส่วน น.ส.ก้อย ก็นิสัยเหมือนกัน เคยถึงขั้นไล่ตนออกจากบ้าน ที่ผ่านมาตนก็ยังกลัวว่าจะทุบตีเด็กจนตาย จากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของตำรวจ ตนเชื่อว่านายแบงค์และ น.ส.ก้อย เป็นคนทำ
ด้าน นายทรงยศ หนูแพ อาสาฯ มูลนิธิร่วมกตัญญู จุดส.ทล.ราชพฤกษ์ ชุด 1 เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุก็รีบมาที่บ้าน ได้เจอกับปู่ของนายแบงค์ ซึ่งเป็นคนตาบอด แต่ยังเข้าบ้านไม่ได้เเพราะประตูล็อก สักพักน้องสาวนายแบงค์ที่ไปแจ้งความยัง สภ.บางบัวทองก็กลับมา นำกุญแจมาให้ตนไขเปิดเข้าไปดู จนพบศพเด็กในตู้เย็น
เบื้องต้นเห็นสภาพศพลักษณะถูกมัดสายสิญจน์จากคอ หน้าท้อง ขา ตามตัวเด็กมีรอยเขี้ยวเหมือนรอยกัดที่ขา 2 ข้าง ตรงน่อง และรอยช้ำตามตัว และมัดด้วยผ้าปูที่นอนอีกชั้น ใส่เข้าไปในถุง ก่อนยัดเข้าตู้เย็น โดยทราบข้อมูลเบื้องต้นจากคุณหมอว่า น้องเสียชีวิตมาประมาณ 2-3 วันแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, ช่อง 3
จากกรณีสลด พบศพเด็ก 2 ขวบในตู้เย็น สภาพถูกผ้าห่อไว้และยัดลงถุง ในบ้านทาวน์เฮ้าส์ย่านบางบัวทอง โดยพบว่าผู้ที่อยู่กับเด็กก่อนเสียชีวิตคือ น.ส.ก้อย อายุ 25 ปี ซึ่งได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำแล้วนั้น
อ่านข่าว : สลด พบศพเด็กในตู้เย็น พันผ้าซ่อนไว้ 4 วัน อำพรางคดี คุมตัวคนเลี้ยงสอบพิรุธ
คืบหน้า (6 มกราคม 2567) เดลินิวส์ รายงานว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กัน 6 คน คือ นายแบงค์ อายุ 31 ปี น.ส.ก้อย และน้องสาว ปู่ ย่า ของนายแบงค์ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่านายแบงค์มีคดีในข้อหายาเสพติดและจำหน่ายยาเสพติด ขณะนี้กำลังเดินทางไปให้ปากคำที่ สน.บางบัวทอง
ด้านนายสมบุญ อายุ 70 ปี ปู่ของนายแบงค์ เล่าว่า ตนคิดว่านายแบงค์เอาเด็กไปให้พ่อแม่เด็กเลี้ยงแล้ว แต่ได้ยินเขาพูดกันว่าพ่อแม่เด็กแยกทางกัน แม่ไปมีแฟนใหม่ พ่อเป็นคนเอาลูกมาเลี้ยง แต่พ่อไปทำงาน นายแบงค์ที่เป็นเพื่อนกับพ่อเด็ก จึงนำเด็กมาเลี้ยงได้ 6-7 เดือนแล้ว
นับตั้งแต่เด็กมาอยู่ในบ้านก็ถูกทำร้ายร่างกายประจำ ตนยังพูดเลยว่าไปตีเขาทำไม น้องยังเด็ก บางทีมันฉี่หรือขี้ใส่เสื้อผ้าก็ต้องมีบ้าง ถ้าเลี้ยงไม่ได้จะเอามาเลี้ยงทำไม
นายสมบุญ ยอมรับว่านายแบงค์มีนิสัยโหดร้าย ใจเป็นนักเลง กับพ่อแม่จะไม่ลงมือแต่จะด่า ตนก็เคยเตือนว่าแบบนี้จะบาป ส่วน น.ส.ก้อย ก็นิสัยเหมือนกัน เคยถึงขั้นไล่ตนออกจากบ้าน ที่ผ่านมาตนก็ยังกลัวว่าจะทุบตีเด็กจนตาย จากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของตำรวจ ตนเชื่อว่านายแบงค์และ น.ส.ก้อย เป็นคนทำ
ด้าน นายทรงยศ หนูแพ อาสาฯ มูลนิธิร่วมกตัญญู จุดส.ทล.ราชพฤกษ์ ชุด 1 เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุก็รีบมาที่บ้าน ได้เจอกับปู่ของนายแบงค์ ซึ่งเป็นคนตาบอด แต่ยังเข้าบ้านไม่ได้เเพราะประตูล็อก สักพักน้องสาวนายแบงค์ที่ไปแจ้งความยัง สภ.บางบัวทองก็กลับมา นำกุญแจมาให้ตนไขเปิดเข้าไปดู จนพบศพเด็กในตู้เย็น
เบื้องต้นเห็นสภาพศพลักษณะถูกมัดสายสิญจน์จากคอ หน้าท้อง ขา ตามตัวเด็กมีรอยเขี้ยวเหมือนรอยกัดที่ขา 2 ข้าง ตรงน่อง และรอยช้ำตามตัว และมัดด้วยผ้าปูที่นอนอีกชั้น ใส่เข้าไปในถุง ก่อนยัดเข้าตู้เย็น โดยทราบข้อมูลเบื้องต้นจากคุณหมอว่า น้องเสียชีวิตมาประมาณ 2-3 วันแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, ช่อง 3









