สาวหาคู่ ได้รู้จักคุณลุงชาวสวน อายุแก่กว่าถึง 19 ปี ไม่รังเกียจที่เขาจน หารู้ไม่ที่แท้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง กลายเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของสวนใหญ่ในเกาหลี
ภาพจาก kenh14.vn
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์ kenh14.vn รายงานเรื่องราวของ นางดาวถี่ไท่ หญิงเวียดนามวัย 35 ปี จากเมืองไฮฟอง ซึ่งเติบโตมาอย่างยากลำบากในครอบครัวที่ยากจน เรียนจบแค่ชั้น ม.3 ก่อนได้พลิกชีวิตครั้งใหญ่ เมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับชายที่เธอนึกว่าเป็นเพียงคุณลุงชาวสวนธรรมดา ๆ ผู้มีฐานะยากจน โดยไม่เคยรู้ว่านี่คือผ้าขี้ริ้วห่อทองที่แท้จริง
เมื่อย้อนนึกถึงตอนที่ตัดสินใจแต่งงาน นางดาวถี่ไท่ เผยว่า ตอนนั้นสถานการณ์ครอบครัวเธอลำบากมาก เธอสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ในปีเดียวกันนั้นเธอก็ป่วยหนักจนดวงตามีฝ้าขาว แทบจะมองไม่เห็น แม้ต่อมาจะได้รับการรักษาจนดวงตากลับมามองเห็นได้ 1 ข้าง อีกข้างหนึ่งก็ยังมองเห็นเป็นภาพมัว ๆ
เพราะฐานะยากจน นางดาวถี่ไท่จึงต้องออกจากโรงเรียนหลังจบชั้น ม.3 และไปหางานทำในตอนเหนือของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นงานผู้ช่วยในครัว แม่บ้าน งานใช้แรงงาน ซักผ้า ทำความสะอาด เธอล้วนเคยทำมาหมดแล้ว แต่ในจุดหนึ่งเมื่อคิดว่าแม่เริ่มแก่ลงเรื่อย ๆ อีกทั้งพี่ชายก็ยังลำบากกับการเลี้ยงลูก หลังภรรยาของเขาเสียชีวิต เธอจึงคิดว่าตัวเองควรจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพื่อให้ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลง
สำหรับผู้คนในชนบทของเวียดนามช่วงนั้น มีค่านิยมในการแต่งงานกับชายต่างชาติผ่านบริษัทหาคู่ โดยเจ้าสาวเวียดนามส่วนมากจะเป็นเด็กสาววัย 20 กว่าปี จากครอบครัวที่ยากลำบาก พวกเธอฝันจะได้เปลี่ยนชีวิตผ่านการแต่งงาน ขณะที่เจ้าบ่าวส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการหาคู่ ต่างเป็นชายแก่หรือมีปัญหาบางอย่าง จนยากที่จะหาคู่ครอง
แม้จะรู้ว่าโอกาสได้พบเจ้าบ่าวดี ๆ มียาก แต่นางดาวถี่ไท่ก็ยังหวังว่าตัวเองจะโชคดี ในปี 2551 เธอตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัทหาคู่แห่งหนึ่ง และได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงชาวสวนวัย 40 ปี ผู้มีใบหน้าอ่อนโยน ข้อมูลทั้งหมดที่เธอรู้เกี่ยวกับตัวเขาคือ ผู้ชายคนนี้อายุมากกว่าเธอ 19 ปี เขามีสวนแอปเปิล และมาจากจังหวัดคย็องซังเหนือ ของเกาหลีใต้
"ตอนที่ฉันได้ยินเขาแนะนำตัวว่าเป็นเกษตรกร ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนซื่อ ๆ ครอบครัวเขามีสวนอยู่แล้ว หากเขาขยันทำงานหนัก เราก็คงมีอนาคตที่มั่นคงได้ ตอนที่เราคุยกันฉันสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนและจริงใจ เขาอายุมากแล้วเลยมีประสบการณ์ชีวิตมาก ฉันอุ่นใจเมื่ออยู่กับเขา จึงยอมตกลงแต่งงานด้วย" นางดาวถี่ไท่ กล่าว
ทั้งนี้ สามีได้บอกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่า พวกเธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ที่แก่ชราของเขา เธอจึงคิดว่าชีวิตในเกาหลีใต้คงไม่ง่ายแบบในหนัง แต่เธอก็จะพยายามทำงานหนักเพื่อดูแลสวน เชื่อว่าด้วยอาชีพของเขา เธอคงเลือกอะไรไม่ได้มากนัก
ภาพจาก kenh14.vn
นางดาวถี่ไท่เผยว่า เธอไม่มีอุปสรรคด้านภาษานัก เพราะเคยเรียนภาษาเกาหลีตั้งแต่อยู่ที่เวียดนาม อีกทั้งทางศูนย์สนับสนุนคนต่างชาติในจังหวัดก็ยังส่งครูมาช่วยสอนภาษาให้ถึงบ้าน อุปสรรคจริง ๆ ของเธอก็คือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย แต่นางดาวถี่ไท่ก็ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของสามี ที่คอยดูแลสะใภ้คนนี้เป็นอย่างดี แม่สามีก็เอ็นดูเธอ ทั้งพาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ แถมยังทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเพื่อสุขภาพของเธอ
ช่วงแรก ๆ คู่รักยังไม่ได้รักกันมากนัก แต่สามีก็เปิดบัญชีธนาคารไว้ให้ภรรยาส่งเงินกลับไปให้ครอบครัว เขายังให้บัตรเครดิตเธอไว้ใช้จ่าย จนเมื่อเธอคลอดลูกชายคนแรก ความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาก็ยิ่งแน่นแฟ้น และมีลูกชายกันอีกคนในอีก 2 ปีต่อมา
ทั้งนี้ เป็นเวลา 15 ปีแล้วที่นางดาวถี่ไท่แต่งงานอยู่กินกับสามี ปัจจุบันทั้งคู่ทำงานหนักด้วยกัน พวกเขามีทั้งที่ดินซึ่งได้รับจากพ่อแม่สามี และยังกว้านซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายสวน จนตอนนี้ทั้งคู่กลายมาเป็นผู้ประกอบการที่มีพื้นที่เกษตรกว้างใหญ่ ไม่เพียงแค่ปลูกแอปเปิลกับพริก ยังมีผลไม้อื่น ๆ อย่าง องุ่น พลัม ลูกพีช รวมถึงพืชผักอื่น ๆ อีกมากมาย แถมยังเลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้ง และมีโรงงานผลิตน้ำแอปเปิลกับน้ำผักที่ทำจากผลผลิตของพวกเขาเองด้วย
นางดาวถี่ไท่ นับเป็นหนึ่งในคนดังที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลกว่า 125,000 คน เธอจึงมักขายสินค้าเกษตรและโสมเกาหลีผ่านช่องทางออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่าคนที่เพิ่งรู้จักเธอ มักนึกว่าเธอคงได้รับความรักจากครอบครัวสามีมาก จนมีชีวิตดี ๆ แบบนี้ ไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามกับความลำบากที่เธอเผชิญ
ในส่วนความสัมพันธ์กับสามี เพราะทั้งคู่ต่างยุ่งอยู่กับการทำงาน ทำให้แทบไม่มีเวลาไปออกเดตในสถานที่หรูหรา ไม่มีเวลาไปเที่ยว ไปร้านอาหารด้วยกัน ส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่แค่ในสวน หรือกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดภรรยาที่เวียดนามเท่านั้น แต่นางดาวถี่ไท่มองว่า เธอโชคดีที่มีสามีเป็นคนอ่อนโยน เคารพผู้อื่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยว และเธอกับเขาต่างก็ชอบทำการเกษตร รวมถึงมองหาช่องทางขยายธุรกิจ ดังนั้นยิ่งอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกลมเกลียวและเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn