หนุ่มตั้งคำถาม ทำไมต้องด่าคนครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่อยู่มาเกิน 10 ปี งานนี้มีคนเมนต์หลากหลาย ด่าฉ่ำยันให้ความรู้ข้อกฎหมาย รวมถึงบทเรียนของเรื่องนี้ และสาเหตุทำไมคนแก่ถึงทิ้งบ้านเอาไว้
ภาพจาก โหนกระแส
ช่วงนี้คำว่า ครอบครองโดยปรปักษ์ เป็นคำที่ถูกใช้ในสื่อมากเป็นพิเศษจากคดีเพื่อนบ้านยึดบ้านของซันและอาย หลานชายและหลานสะใภ้ของ อากู๋เหมทัศน์ ในซอยรามอินทรา 58 โดยอ้างว่าเป็นบ้านที่ถูกปล่อยร้างมานานกว่า 30 ปี พยายามติดต่อขอเช่ากับเจ้าของแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ จึงมาดูแลให้เป็นเวลา 10 ปี ไม่มีเจตนาบุกรุกหรือครอบครองปรปักษ์
เรื่องนี้ดูท่าจะจบลงแบบไม่มีปัญหา แต่ล่าสุดซันและอายกลับได้รับหมายฟ้องปรปักษ์ และที่บ้านก็แปลงสภาพเป็นร้านขายไก่ทอด มีการเขียนข้อความว่า ได้รับการครอบครองปรปักษ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สังคมวิจารณ์กระหน่ำเพื่อนบ้าน ในความอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ส่วนทางพระมหารณฤทธิ์ ฐิตวิโส เจ้าอาวาสวัดคลองครุ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นพยานฝั่งคู่กรณีในการฟ้องปรปักษ์ เปิดเผยว่า เห็นนางสาวศรีพรรณ คู่กรณีซันและอายเดินเข้า-ออกบ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และหลังน้ำท่วมปี 2554 ซึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปี ทำให้เข้าใจว่านางสาวศรีพรรณ อาศัยที่บ้านหลังนี้มาโดยตลอด และล่าสุด ทางซันและอาย ได้เข้าไปตัดกุญแจบ้าน ติดป้ายห้ามบุกรุก และทำการยึดบ้านดังกล่าวของตัวเองคืนมาแล้ว
ภาพจาก โหนกระแส
อ่านเพิ่มเติม ซัน ทวงคืนบ้านตัวเอง ปลดป้าย-พังกุญแจ ชัดนะว่าใครคือเจ้าของ ขึ้นป้ายใหม่จี๊ดใจเพื่อนบ้าน
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 คุณ สมาชิกหมายเลข 3340806 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงด่าคนที่ครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่เริ่มเข้ามาทำกินในปี 2554 ก็น่าจะทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เพราะเจตนาของกฎหมายข้อนี้คือ ต้องการให้เจ้าของที่ทำประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ให้มากที่สุด แล้วที่ผ่านมาทางเจ้าของบ้านตัวจริงก็ไม่เคยเข้าไปดูบ้านเลย เป็นจุดที่น่าสงสัยมาก
จุดที่น่าสงสัยอีกข้อคือ ปกติต้องมีการจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ทุกปี สมมติว่าฝั่งซันและอายไปจ่ายภาษีบ้านที่ อบต. ทุกปี แต่ไม่ได้ไปดูบ้าน แบบนี้ไม่ถือว่าใช้เจตนาครอบครองบ้านหลังนี้หรือ ?
รถทัวร์ลงฉ่ำหลังตั้งคำถาม ขอให้โดนคืนแบบนี้บ้าง การครอบครองปรปักษ์ ต้องไม่เป็นการบุกรุก และไม่ใช่การยึดบ้าน
หลังจากตั้งคำถาม คำตอบก็กลับมาเป็นรถทัวร์แบบฉ่ำ ๆ มีคนด่าเจ้าของกระทู้ในแบบหลายระดับ ทั้งด่าแบบสั้น ๆ กับด่าแบบมีรายละเอียดทางกฎหมายชัดเจน
การด่าสั้น ๆ ก็ตอบมาแบบง่าย ๆ เช่น ขอให้คุณโดนคนอื่นยึดบ้านไปแบบฟรี ๆ บางคนก็ตั้งคำถามกลับไปว่า ทำไมถึงอยากได้ของคนอื่นแบบฟรี ๆ
ส่วนการด่าแบบข้อกฎหมาย ก็มีการเพิ่มรายละเอียดของการครอบครองปรปักษ์ว่า "ต้องไม่เป็นการบุกรุก" ซึ่งบ้านหลังนี้มีรั้ว มีประตูหน้าต่าง มีการล็อกประตู ดังนั้น การเข้าไปถือเป็นการบุกรุกตั้งแต่ต้น
กฎหมายครอบครองปรปักษ์ มีเจตนาให้ใช้กับที่ดินทำกินที่มีอยู่อย่างจำกัดในเชิงเพาะปลูก เกษตรกรรม ไม่ใช่ให้ยึดบ้านเป็นหลัง เพราะบ้านต้องเสียเงินสร้าง ซื้อวัสดุต่าง ๆ เพื่ออาศัย
อีกคอมเมนต์ก็ลงรายละเอียดของข่าวแบบเต็ม ๆ จากฝั่งซันและอาย เพราะดูเหมือนว่าเจ้าของกระทู้จะได้ข้อมูลมาจากทางฝั่งพระเพียงอย่างเดียวว่า ซันและอายเช็กกับทาง Google Street View แล้วว่า ในปี 2555 บ้านหลังนี้ยังมีต้นกล้วย มีเศษดินกองเต็มไปหมด หมายความว่า ตอนนั้นยังเป็นบ้านร้างอยู่ จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่า บ้านไม่ได้ถูกครอบครองในปี 2554
อีกหนึ่งคอมเมนต์ อธิบายเพิ่มถึงเรื่องทำไมอากู๋ซื้อบ้านมา 30 ปี แล้วแทบไม่เคยมาดูจนเกิดเคสแบบนี้ นั่นเป็นเพราะว่า คนสมัยก่อนเขาตระเวนหาซื้อบ้าน ซื้อที่ดินให้ลูกหลาน ซึ่งการลงทุนในยุคนั้นก็มี 2 อย่าง ซื้อทองหรือซื้อบ้าน ที่ดิน ไม่ได้มีการลงทุนอย่างหลากหลายเหมือนปัจจุบัน และคนยุคนั้นก็ไม่มีความรู้เรื่องครอบครองปรปักษ์ คดีแบบนี้เพิ่งมาเป็นข่าวไม่เกิน 20 ปี พอเป็นข่าวดัง คนจึงกลับไปแห่ดูที่ดินเปล่าที่ตัวเองซื้อไว้กันเพียบ
เจ้าของกระทู้ ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่ว่า ถ้าหากเพื่อนบ้านอยู่หลังปี 2554 เช่น ปี 2555 แต่คู่กรณีมาในช่วงกลางปี 2566 ก็เท่ากับว่า อยู่มาถึง 10 ปี แบบนี้ยังไงก็สามารถครอบครองโดยปรปักษ์ได้อยู่ดี
ส่วนชาวเน็ตก็เข้ามาแย้งว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าอยู่มาครบ 10 ปี แล้วจะได้กรรมสิทธิ์อัตโนมัติ ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล ให้มีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์ก่อน และสิ่งที่เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดคือ การครอบครองโดยปรปักษ์ ไม่ได้หมายความว่าเข้าไปอยู่เฉย ๆ ครบ 10 ปี แล้วได้สิทธิ์นั้นทันที แต่มันต้องอยู่โดยเปิดเผยและสงบ คือ ต้องไปติดต่อทะเบียนบ้าน ติดตั้งมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟอยู่ถึง 10 ปี แล้วค่อยส่งเรื่องขอให้อำนาจศาลพิจารณา และศาลต้องมีคำสั่งว่าครอบครองได้
กรณีนี้ อาจจะติดตั้งแค่ไฟกับน้ำ แล้วหัวหมอทึกทักเอาเอง ไม่มีคำสั่งศาล แล้วฉวยโอกาสติดประกาศบอก อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ บ้านหลังนี้มีการล็อกประตูแต่แรก การเข้าไปเปลี่ยนกุญแจ ทำทางเชื่อม จะเข้าข่ายการบุกรุกทำลายทรัพย์สิน ไม่เหมือนกับเคสที่ดินรกร้าง จึงเอามาผสมกันไม่ได้
ความเห็นนี้มองว่า เรื่องนี้อ้างการครอบครองแบบปรปักษ์ไม่ได้ เพราะยังไงกรรมสิทธิ์ก็เป็นของอากู๋ มีชื่อเขาเป็นเจ้าของบ้าน ที่ดิน และไม่ได้มีความยินยอม แต่เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญให้คนซื้อบ้านทิ้งไว้ แต่ไม่เข้าไปอยู่ ให้ควรกลับไปดูบ้าง วิธีง่าย ๆ ก็แวะไปเปิดน้ำ เปิดไฟไว้บ้าง เพื่อให้มิเตอร์มีการเคลื่อนไหว ถ่ายรูปตัวเองกับบ้าน เพื่อเก็บหลักฐานชัดเจนว่า ใครคือเจ้าของบ้าน
จุดประสงค์การครอบครองปรปักษ์ ถูกกำหนดไว้ใช้กับเจ้าของที่ดินที่ถือครอง ปล่อยร้างไม่ทำประโยชน์ หรือเจ้าของที่ดินที่เสียชีวิต ไม่มีผู้สืบทอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดิน แต่ถ้าหากเป็นกรณีบ้านร้าง ก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นการครอบครองปรปักษ์
ลองนึกภาพดู ถ้ากรณีนี้เพื่อนบ้านชนะ หลังจากนั้นคงมีคนไปหาบ้านที่ไม่มีคนอยู่แล้วอาศัยรอรับสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์กันเพียบจะเกิดอะไรขึ้น
ภาพจาก โหนกระแส
ช่วงนี้คำว่า ครอบครองโดยปรปักษ์ เป็นคำที่ถูกใช้ในสื่อมากเป็นพิเศษจากคดีเพื่อนบ้านยึดบ้านของซันและอาย หลานชายและหลานสะใภ้ของ อากู๋เหมทัศน์ ในซอยรามอินทรา 58 โดยอ้างว่าเป็นบ้านที่ถูกปล่อยร้างมานานกว่า 30 ปี พยายามติดต่อขอเช่ากับเจ้าของแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้ จึงมาดูแลให้เป็นเวลา 10 ปี ไม่มีเจตนาบุกรุกหรือครอบครองปรปักษ์
เรื่องนี้ดูท่าจะจบลงแบบไม่มีปัญหา แต่ล่าสุดซันและอายกลับได้รับหมายฟ้องปรปักษ์ และที่บ้านก็แปลงสภาพเป็นร้านขายไก่ทอด มีการเขียนข้อความว่า ได้รับการครอบครองปรปักษ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สังคมวิจารณ์กระหน่ำเพื่อนบ้าน ในความอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ส่วนทางพระมหารณฤทธิ์ ฐิตวิโส เจ้าอาวาสวัดคลองครุ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นพยานฝั่งคู่กรณีในการฟ้องปรปักษ์ เปิดเผยว่า เห็นนางสาวศรีพรรณ คู่กรณีซันและอายเดินเข้า-ออกบ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และหลังน้ำท่วมปี 2554 ซึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปี ทำให้เข้าใจว่านางสาวศรีพรรณ อาศัยที่บ้านหลังนี้มาโดยตลอด และล่าสุด ทางซันและอาย ได้เข้าไปตัดกุญแจบ้าน ติดป้ายห้ามบุกรุก และทำการยึดบ้านดังกล่าวของตัวเองคืนมาแล้ว
ภาพจาก โหนกระแส
อ่านเพิ่มเติม ซัน ทวงคืนบ้านตัวเอง ปลดป้าย-พังกุญแจ ชัดนะว่าใครคือเจ้าของ ขึ้นป้ายใหม่จี๊ดใจเพื่อนบ้าน
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 คุณ สมาชิกหมายเลข 3340806 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงด่าคนที่ครอบครองปรปักษ์ ทั้งที่เริ่มเข้ามาทำกินในปี 2554 ก็น่าจะทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เพราะเจตนาของกฎหมายข้อนี้คือ ต้องการให้เจ้าของที่ทำประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ให้มากที่สุด แล้วที่ผ่านมาทางเจ้าของบ้านตัวจริงก็ไม่เคยเข้าไปดูบ้านเลย เป็นจุดที่น่าสงสัยมาก
จุดที่น่าสงสัยอีกข้อคือ ปกติต้องมีการจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ทุกปี สมมติว่าฝั่งซันและอายไปจ่ายภาษีบ้านที่ อบต. ทุกปี แต่ไม่ได้ไปดูบ้าน แบบนี้ไม่ถือว่าใช้เจตนาครอบครองบ้านหลังนี้หรือ ?
รถทัวร์ลงฉ่ำหลังตั้งคำถาม ขอให้โดนคืนแบบนี้บ้าง การครอบครองปรปักษ์ ต้องไม่เป็นการบุกรุก และไม่ใช่การยึดบ้าน
หลังจากตั้งคำถาม คำตอบก็กลับมาเป็นรถทัวร์แบบฉ่ำ ๆ มีคนด่าเจ้าของกระทู้ในแบบหลายระดับ ทั้งด่าแบบสั้น ๆ กับด่าแบบมีรายละเอียดทางกฎหมายชัดเจน
การด่าสั้น ๆ ก็ตอบมาแบบง่าย ๆ เช่น ขอให้คุณโดนคนอื่นยึดบ้านไปแบบฟรี ๆ บางคนก็ตั้งคำถามกลับไปว่า ทำไมถึงอยากได้ของคนอื่นแบบฟรี ๆ
ส่วนการด่าแบบข้อกฎหมาย ก็มีการเพิ่มรายละเอียดของการครอบครองปรปักษ์ว่า "ต้องไม่เป็นการบุกรุก" ซึ่งบ้านหลังนี้มีรั้ว มีประตูหน้าต่าง มีการล็อกประตู ดังนั้น การเข้าไปถือเป็นการบุกรุกตั้งแต่ต้น
กฎหมายครอบครองปรปักษ์ มีเจตนาให้ใช้กับที่ดินทำกินที่มีอยู่อย่างจำกัดในเชิงเพาะปลูก เกษตรกรรม ไม่ใช่ให้ยึดบ้านเป็นหลัง เพราะบ้านต้องเสียเงินสร้าง ซื้อวัสดุต่าง ๆ เพื่ออาศัย
อีกคอมเมนต์ก็ลงรายละเอียดของข่าวแบบเต็ม ๆ จากฝั่งซันและอาย เพราะดูเหมือนว่าเจ้าของกระทู้จะได้ข้อมูลมาจากทางฝั่งพระเพียงอย่างเดียวว่า ซันและอายเช็กกับทาง Google Street View แล้วว่า ในปี 2555 บ้านหลังนี้ยังมีต้นกล้วย มีเศษดินกองเต็มไปหมด หมายความว่า ตอนนั้นยังเป็นบ้านร้างอยู่ จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่า บ้านไม่ได้ถูกครอบครองในปี 2554
อธิบายเพิ่ม ทำไมคนสมัยก่อนซื้อบ้านแล้วไม่ค่อยกลับมาดู
อีกหนึ่งคอมเมนต์ อธิบายเพิ่มถึงเรื่องทำไมอากู๋ซื้อบ้านมา 30 ปี แล้วแทบไม่เคยมาดูจนเกิดเคสแบบนี้ นั่นเป็นเพราะว่า คนสมัยก่อนเขาตระเวนหาซื้อบ้าน ซื้อที่ดินให้ลูกหลาน ซึ่งการลงทุนในยุคนั้นก็มี 2 อย่าง ซื้อทองหรือซื้อบ้าน ที่ดิน ไม่ได้มีการลงทุนอย่างหลากหลายเหมือนปัจจุบัน และคนยุคนั้นก็ไม่มีความรู้เรื่องครอบครองปรปักษ์ คดีแบบนี้เพิ่งมาเป็นข่าวไม่เกิน 20 ปี พอเป็นข่าวดัง คนจึงกลับไปแห่ดูที่ดินเปล่าที่ตัวเองซื้อไว้กันเพียบ
เจ้าของกระทู้ยังงงใจ ต่อให้อยู่หลังปี 54 แต่ยังไงก็เกิน 10 ปี แบบนี้ก็ครอบครองได้อยู่ดี
เจ้าของกระทู้ ตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่ว่า ถ้าหากเพื่อนบ้านอยู่หลังปี 2554 เช่น ปี 2555 แต่คู่กรณีมาในช่วงกลางปี 2566 ก็เท่ากับว่า อยู่มาถึง 10 ปี แบบนี้ยังไงก็สามารถครอบครองโดยปรปักษ์ได้อยู่ดี
ส่วนชาวเน็ตก็เข้ามาแย้งว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าอยู่มาครบ 10 ปี แล้วจะได้กรรมสิทธิ์อัตโนมัติ ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล ให้มีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์ก่อน และสิ่งที่เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดคือ การครอบครองโดยปรปักษ์ ไม่ได้หมายความว่าเข้าไปอยู่เฉย ๆ ครบ 10 ปี แล้วได้สิทธิ์นั้นทันที แต่มันต้องอยู่โดยเปิดเผยและสงบ คือ ต้องไปติดต่อทะเบียนบ้าน ติดตั้งมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟอยู่ถึง 10 ปี แล้วค่อยส่งเรื่องขอให้อำนาจศาลพิจารณา และศาลต้องมีคำสั่งว่าครอบครองได้
กรณีนี้ อาจจะติดตั้งแค่ไฟกับน้ำ แล้วหัวหมอทึกทักเอาเอง ไม่มีคำสั่งศาล แล้วฉวยโอกาสติดประกาศบอก อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ บ้านหลังนี้มีการล็อกประตูแต่แรก การเข้าไปเปลี่ยนกุญแจ ทำทางเชื่อม จะเข้าข่ายการบุกรุกทำลายทรัพย์สิน ไม่เหมือนกับเคสที่ดินรกร้าง จึงเอามาผสมกันไม่ได้
ไม่ว่าใครผิดใครถูก ก็เป็นบทเรียนสำคัญของคนมีบ้านทิ้งไว้-ทั่วประเทศจะวุ่นวาย ถ้าคดีนี้เพื่อนบ้านชนะ
ความเห็นนี้มองว่า เรื่องนี้อ้างการครอบครองแบบปรปักษ์ไม่ได้ เพราะยังไงกรรมสิทธิ์ก็เป็นของอากู๋ มีชื่อเขาเป็นเจ้าของบ้าน ที่ดิน และไม่ได้มีความยินยอม แต่เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสำคัญให้คนซื้อบ้านทิ้งไว้ แต่ไม่เข้าไปอยู่ ให้ควรกลับไปดูบ้าง วิธีง่าย ๆ ก็แวะไปเปิดน้ำ เปิดไฟไว้บ้าง เพื่อให้มิเตอร์มีการเคลื่อนไหว ถ่ายรูปตัวเองกับบ้าน เพื่อเก็บหลักฐานชัดเจนว่า ใครคือเจ้าของบ้าน
จุดประสงค์การครอบครองปรปักษ์ ถูกกำหนดไว้ใช้กับเจ้าของที่ดินที่ถือครอง ปล่อยร้างไม่ทำประโยชน์ หรือเจ้าของที่ดินที่เสียชีวิต ไม่มีผู้สืบทอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดิน แต่ถ้าหากเป็นกรณีบ้านร้าง ก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นการครอบครองปรปักษ์
ลองนึกภาพดู ถ้ากรณีนี้เพื่อนบ้านชนะ หลังจากนั้นคงมีคนไปหาบ้านที่ไม่มีคนอยู่แล้วอาศัยรอรับสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์กันเพียบจะเกิดอะไรขึ้น