ทนายความ นุ ภานุมาศ โบ้ยฝั่งอากู๋ ใช้สื่อกดดันจนลูกความคิดสั้นฆ่าตัวตาย คดีครอบครองปรปักษ์ ด้านทนายฝั่งอากู๋โต้ สื่อมีสิทธิ์นำเสนอในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ชี้ คดีที่กำลังเดินไปอยู่คือบุกรุกแรก ไม่ใช่ครอบครองปรปักษ์
จากกรณีที่นางสาวภานุมาส สามัคคี วัย 52 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 คู่กรณีอากู๋เหม ในคดีอ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์บ้านหลังหนึ่งในย่านรามอินทรา 58 เสียชีวิต ซึ่งทางอากู๋เหม หลังจากทราบข่าวก็อโหสิกรรมให้ ขอแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ช่อง 3 รายงานว่า นายวัฒนา ทนายความฝั่งของ นุ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานุเคยบ่นกับคนรอบตัวแล้วมาปรึกษาตนว่า นุมีความเครียดจากคดีที่เกิดขึ้น รวมถึงมีโรคประจำตัวอย่างร้ายแรง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร ส่วนสาเหตุความเครียด มาจากการที่เจ้าของบ้านตัวจริงใช้สื่อนำเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นเชิงกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือกฎหมาย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
หลังจากนี้ ตนจะพูดคุยกับญาติและลูกความคนอื่น ๆ ถึงขั้นตอนการดำเนินคดีต่อ แต่ส่วนของคดีที่เกิดขึ้นกับนุก็ถือว่าสิ้นสุดลงไปแล้ว
ขณะที่ญาติของนุ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ออกไปซื้อของข้างนอกและกลับมาตอน 8 โมงเช้า พอตะโกนเรียกนุ ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงขึ้นไปที่ชั้น 2 พบห้องนอนล็อกประตูอยู่ ตนจึงปีนหน้าต่างออกมาทางระเบียงเพื่อเช็กดูจากอีกทาง และเห็นนุเสียชีวิตที่ห้องน้ำในห้องนอน ตนจึงรีบตัดสินใจพังประตูเข้าไป ปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ประเมินว่า นุน่าจะเสียชีวิตก่อนที่จะมีการพบศพราว 4 ชั่วโมง หลังจากนี้จะนำร่างไปยัง สน.คันนายาว เพื่อทำบันทึกต่าง ๆ หากเสร็จเรียบร้อยก็จะนำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจต่อไป
ทนายฝั่งอากู๋ ชี้ ที่ฟ้องยังเป็นคดีบุกรุกแรก เชื่อ สื่อทำตามหน้าที่ ไม่ได้กดดันอะไร
ด้านนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทนายความฝั่งซันและอาย คู่กรณีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกความของตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงต้องเดินทางมายังโรงพักเพื่อสังเกตการณ์และรายงานผลให้ลูกความทราบ โดยที่นุ ผู้เสียชีวิต ถูกทางเจ้าของบ้านตัวจริง ฟ้องข้อหาบุกรุกในคดีแรก 17 กันยายน ไม่เกี่ยวข้องกับคดีครอบครองปรปักษ์ และที่ผ่านมา นุไม่เคยไกล่เกลี่ยกับทนายเดชาหรือตนเองแม้แต่น้อย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
หากเรียงลำดับเหตุการณ์ทางคดีที่เจ้าของบ้านฟ้องผู้ต้องหา เริ่มจากคดีบุกรุกแรก ซึ่งรวมนางสาวภานุมาศไปด้วย มีการนัดเจรจากันที่โรงพัก แต่ตอนนั้นไม่สามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายได้ จึงยุติการดำเนินการ และอีกฝ่ายมีการส่งมอบตัวบ้านคืน ยอมรับข้อหา
หลังจากนั้น เจ้าของบ้านตัวจริง ได้รับหมายศาลว่า มี 1 ในผู้ต้องหาคดีแรก ยื่นฟ้องต่อศาลมีนบุรีเพื่อครอบครองปรปักษ์บ้านดังกล่าว ซึ่งตนเห็นว่า ฝั่งของนุไม่สามารถฟ้องได้ เพราะมีการส่งมอบบ้านคืนเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้มีการครอบครองบ้านตามเงื่อนไขกฎหมาย จึงมีการส่งคำร้องคัดค้าน และฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งไปกับนางสาวศรีพรรณ ผู้ต้องหาอีกราย ที่เป็นคนแจ้งฟ้องครอบครองปรปักษ์ไปด้วย พร้อมกับแจ้งข้อหาให้นางสาวศรีพรรณ ข้อหาบุกรุกรอบที่ 2 ไปอีกข้อหา
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
สำหรับคดีบุกรุกแรก ตอนนี้อยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ มีกำหนดส่งฟ้องต่อศาลวันที่ 6 มีนาคม ที่จะถึงนี้ แต่ในเมื่อมีผู้ต้องหาในคดีเสียชีวิตไป 1 คน ต้องมีการจำหน่ายคดีส่วนผู้ตายออกไป จึงยังไม่ทราบว่า กำหนดการเดิมจะมีการเลื่อนหรือไม่
ฝั่งลูกความตน เท่าที่ได้คุยกันก็ตกใจกับเรื่องนี้ และไม่รู้จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ถ้าหากเสร็จจากการสังเกตการณ์ก็จะประสานกับลูกความอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่ทนายคู่กรณีบอกว่า ลูกความตนมีการใช้สื่อกดดัน ตนมองว่า ตนมีหน้าที่ต้องดำเนินการทางคดีเพื่อปกป้องสิทธิ์ของลูกความ สื่อก็มีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริงไปตามขั้นตอน ไม่ผิดแปลกจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นไม่ใช่การกดดันอะไร อยู่ที่มุมมองว่าใครจะมองยังไง
ส่วนการถอนฟ้อง สามีนางสาวภานุมาสพูดเองว่า จะให้ทนายไปถอนฟ้องครอบครองปรปักษ์ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการถอนฟ้อง