ป้าขี่ตุ๊ก ๆ ยกมือไหว้ขอโทษ ดราม่าเรียกเหมาค่าโดยสาร พี่ฮง 1,200 บาท แจงทำอาชีพมา 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียน ย้ำไม่คิดชาร์จนักท่องเที่ยว
จากคลิปที่กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงเรื่องการท่องเที่ยวในไทย กรณี พี่ฮง ยูทูบเบอร์ชาวเกาหลี ไปเที่ยวอยุธยา เจอแก๊งป้าตุ๊ก ๆ เจ้าถิ่น เรียกค่าบริการ 1,200 บาท อ้างไม่แพง ตำรวจการันตี แถมขู่เรียกแกร็บผิดกฎหมาย จนสุดท้ายต้องยอมจ่ายเนื่องจากเข้าใจว่าไม่มีทางเลือกอื่นนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (26 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เดินทางไปพบนางสมจิตร อายุ 59 ปี ภรรยาคนขับรถตุ๊ก ๆ ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดยบอกให้นำโลโก้ตำรวจทางหลวงที่ติดไว้ออก เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และไม่ได้มีการอนุญาตให้นำมาติด
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อ สอบถาม นางสมจิตร เล่าว่า เพิ่งรู้ว่านักท่องเที่ยวเป็นชาวเกาหลี มาเที่ยวอยุธยาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสอบถามหาร้านอาหาร ตนจึงมีการแนะนำร้าน และแนะนำค่าโดยสารไปร้านอาหารและท่องเที่ยว แบบเหมา 4 ชั่วโมง 1,200 บาท ซึ่งถ้าหารกัน 2 คน เท่ากับคนละ 600 บาท
เมื่อนักท่องเที่ยวเช็กราคาเปรียบเทียบกับในแอปฯ พบว่าราคาตุ๊ก ๆ แพงกว่า ตนจึงแนะนำว่าถ้าจะใช้บริการแอปฯ ต้องเดินออกไปเรียกที่อื่น แต่นักท่องเที่ยวไม่ได้ไป จากนั้นมีการมาตกลงให้พาไปส่งร้านอาหารและพาท่องเที่ยว
ตนยืนยันว่าตนเองกับสามีมีอาชีพขี่รถตุ๊ก ๆ มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่เคยถูกตำหนิ ตนไม่ได้มีการชาร์จราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นราคาในราคามาตรฐานที่มีการทำข้อตกลงกับทางขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สอบถามผู้ประกอบการตุ๊ก ๆ ให้บริการนักท่องเที่ยว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คลิปที่นำไปโพสต์ มีการสื่อสารไม่เข้าใจกัน ข้อเท็จจริงแล้วการเช่ารถตุ๊ก ๆ เที่ยวเป็นการเช่าเหมาคันไปรวมกัน ไม่ระบุจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คิดค่าบริการชั่วโมงละ 300 บาทต่อคัน หากเป็นคนไทย ชั่วโมงละ 200 บาทต่อคัน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อตรวจสอบที่ป้ายกำหนดราคาบริการตุ๊ก ๆ นำเที่ยวอยุธยาหน้าสถานีรถไฟ ในป้ายจะมีการเขียนราคาเหมาจ่ายต่อคันต่อชั่วโมง โดยกำหนดอัตราราคานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นตัวเลข เที่ยวละ 300 บาทอย่างเด่นชัดเข้าใจง่าย ส่วนราคาเหมาจ่าย นักท่องเที่ยวชาวไทย เที่ยวละ 200 บาท ที่ป้ายกำหนดราคา แต่เขียนเป็นภาษาไทย ไม่ได้ระบุตัวเลข
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (26 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เดินทางไปพบนางสมจิตร อายุ 59 ปี ภรรยาคนขับรถตุ๊ก ๆ ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดยบอกให้นำโลโก้ตำรวจทางหลวงที่ติดไว้ออก เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และไม่ได้มีการอนุญาตให้นำมาติด
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อ สอบถาม นางสมจิตร เล่าว่า เพิ่งรู้ว่านักท่องเที่ยวเป็นชาวเกาหลี มาเที่ยวอยุธยาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสอบถามหาร้านอาหาร ตนจึงมีการแนะนำร้าน และแนะนำค่าโดยสารไปร้านอาหารและท่องเที่ยว แบบเหมา 4 ชั่วโมง 1,200 บาท ซึ่งถ้าหารกัน 2 คน เท่ากับคนละ 600 บาท
เมื่อนักท่องเที่ยวเช็กราคาเปรียบเทียบกับในแอปฯ พบว่าราคาตุ๊ก ๆ แพงกว่า ตนจึงแนะนำว่าถ้าจะใช้บริการแอปฯ ต้องเดินออกไปเรียกที่อื่น แต่นักท่องเที่ยวไม่ได้ไป จากนั้นมีการมาตกลงให้พาไปส่งร้านอาหารและพาท่องเที่ยว
ตนยืนยันว่าตนเองกับสามีมีอาชีพขี่รถตุ๊ก ๆ มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่เคยถูกตำหนิ ตนไม่ได้มีการชาร์จราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นราคาในราคามาตรฐานที่มีการทำข้อตกลงกับทางขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดเช้าวันนี้ (27 กุมภาพันธ์)
จากการตรวจสอบบริเวณหน้าสถานีรถไฟอยุธยา ซึ่งเป็นจุดที่ตุ๊ก ๆ
จอดรอรับนักท่องเที่ยว ยังไม่พบนางสมจิตร โดยกลุ่มผู้ประกอบการ
บอกว่าตามปกติ นางสมจิตรจะมาประจำอยู่ที่วินช่วงประมาณ 08.00 น.
สอบถามผู้ประกอบการตุ๊ก ๆ ให้บริการนักท่องเที่ยว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คลิปที่นำไปโพสต์ มีการสื่อสารไม่เข้าใจกัน ข้อเท็จจริงแล้วการเช่ารถตุ๊ก ๆ เที่ยวเป็นการเช่าเหมาคันไปรวมกัน ไม่ระบุจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คิดค่าบริการชั่วโมงละ 300 บาทต่อคัน หากเป็นคนไทย ชั่วโมงละ 200 บาทต่อคัน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อตรวจสอบที่ป้ายกำหนดราคาบริการตุ๊ก ๆ นำเที่ยวอยุธยาหน้าสถานีรถไฟ ในป้ายจะมีการเขียนราคาเหมาจ่ายต่อคันต่อชั่วโมง โดยกำหนดอัตราราคานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นตัวเลข เที่ยวละ 300 บาทอย่างเด่นชัดเข้าใจง่าย ส่วนราคาเหมาจ่าย นักท่องเที่ยวชาวไทย เที่ยวละ 200 บาท ที่ป้ายกำหนดราคา แต่เขียนเป็นภาษาไทย ไม่ได้ระบุตัวเลข
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้