แม่ฝรั่งล็อกคอตำรวจภูเก็ต ชี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แค่เด็ก 2 คน เดินทางมาเที่ยวไทย ส่องดีกรีไม่ธรรมดา เล่นเอาตำรวจไปต่อไม่ได้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี นายออสการ์ แมตสัน เดย์ อายุ 38 ปี และนายฮามิช อาร์ต เดย์ อายุ 36 ปี นักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ 2 คน ก่อเหตุล็อกคอและยึดปืนตำรวจ จ.ภูเก็ต หลังถูกเอาผิดกรณีขี่รถไม่ชิดซ้ายและขี่ด้วยความเร็ว ก่อนจะถูกแจ้งข้อหาและทำการเพิกถอนวีซ่าห้ามเข้าประเทศไทยอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 19 มีนาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต. สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมชาวต่างชาติฝ่าฝืนกฎจราจร รุมทำร้ายและแย่งอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมาทำให้ ด.ต. สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.งานจราจร สภ.ฉลอง ได้รับบาดเจ็บและอาวุธปืนประจำกายได้รับความเสียหาย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
คดีนี้ตำรวจแจ้งข้อหา 5 ข้อหา คือ ร่วมกันชิงทรัพย์, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจ ให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล โดยตำรวจประสานไปยังสถานทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมสอบสวนข้อเท็จจริง
พล.ต.ต. สินเลิศ กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งสองคนยังถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยพนักงานสอบสวนประสานไปยังกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 ภูเก็ต เพื่อขอถอนวีซ่านักท่องเที่ยวทั้งสองแล้ว รวมทั้งคัดค้านการประกันตัวด้วย
ส่วนอาการของ ด.ต. สมศักดิ์ ล่าสุดยังมีขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม จากการสอบถามแพทย์ผู้รักษาอาการ
แจ้งว่าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ต่อมาได้อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านพัก
และได้จัดการดูแลสวัสดิการสิทธิประโยชน์เจ้าพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ตามสิทธิให้ครบถ้วน
ด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น ได้เพิกถอนวีซ่า 2 ชาวต่างชาติ ไปตั้งแต่คืนวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งกระทำความผิดในข้อหาหนักพอสมควร ถ้าเข้าเงื่อนไข ทาง ตม. จะเพิกถอนวีซ่าต่อไป
สื่อของนิวซีแลนด์ สอบถามพ่อแม่ของหนึ่งในผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่ากังวล ครอบครัวรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นั่นแค่เด็ก 2 คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเท่านั้น ลูกชายมาเที่ยวไทยประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะคิดว่าไทยเป็นประเทศที่วิเศษมาก แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ข้อมูลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้แค่จากที่สื่อหลายสำนักรายงาน ส่วนเรื่องคดีลูกชายได้ให้ทนายความที่เคยทำงานด้วยกันบินมาดูแลคดีแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี นายออสการ์ แมตสัน เดย์ อายุ 38 ปี และนายฮามิช อาร์ต เดย์ อายุ 36 ปี นักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ 2 คน ก่อเหตุล็อกคอและยึดปืนตำรวจ จ.ภูเก็ต หลังถูกเอาผิดกรณีขี่รถไม่ชิดซ้ายและขี่ด้วยความเร็ว ก่อนจะถูกแจ้งข้อหาและทำการเพิกถอนวีซ่าห้ามเข้าประเทศไทยอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 19 มีนาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต. สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมชาวต่างชาติฝ่าฝืนกฎจราจร รุมทำร้ายและแย่งอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมาทำให้ ด.ต. สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.งานจราจร สภ.ฉลอง ได้รับบาดเจ็บและอาวุธปืนประจำกายได้รับความเสียหาย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
พล.ต.ต. สินเลิศ กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งสองคนยังถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต โดยพนักงานสอบสวนประสานไปยังกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 ภูเก็ต เพื่อขอถอนวีซ่านักท่องเที่ยวทั้งสองแล้ว รวมทั้งคัดค้านการประกันตัวด้วย
โดยในช่วงเกิดเหตุนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของ ด.ต. สมศักดิ์ อยู่ในท่าพร้อมที่จะใช้อาวุธ แต่ชาวต่างชาติได้เข้าจู่โจม ก่อนจะล็อกตัว ด.ต. สมศักดิ์ และจากการสืบเชิงลึก พบว่าชาวต่างชาติคนดังกล่าว เป็นนักกีฬา MMA ของนิวซีแลนด์ มีร่างกายใหญ่ มีความแข็งแรง จึงต่อสู้กับ ด.ต. สมศักดิ์ ได้
ด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้น ได้เพิกถอนวีซ่า 2 ชาวต่างชาติ ไปตั้งแต่คืนวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งกระทำความผิดในข้อหาหนักพอสมควร ถ้าเข้าเงื่อนไข ทาง ตม. จะเพิกถอนวีซ่าต่อไป
สื่อของนิวซีแลนด์ สอบถามพ่อแม่ของหนึ่งในผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องน่ากังวล ครอบครัวรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น นั่นแค่เด็ก 2 คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเท่านั้น ลูกชายมาเที่ยวไทยประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะคิดว่าไทยเป็นประเทศที่วิเศษมาก แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ข้อมูลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้แค่จากที่สื่อหลายสำนักรายงาน ส่วนเรื่องคดีลูกชายได้ให้ทนายความที่เคยทำงานด้วยกันบินมาดูแลคดีแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้