หญิงไทยวัย 31 ปี ถูกฆ่าโหดที่ไต้หวันหลังบินไปหาแฟน พบโดนแทงและผลักตกเหวดับสลด ล่าสุดรวบตัวฆาตกรคนใกล้ตัว
วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เหตุการณ์พบร่างของหญิงไทยเสียชีวิตในไต้หวัน สาเหตุเกิดจากการถูกฆาตกรรมและทิ้งศพหมกป่า ก่อนจะพบว่าคนร้ายคือนายจ้างของผู้ตาย
การสืบสวนคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังมีคนพบศพ หญิงชาวไทยวัย 31 ปี เสียชีวิตบริเวณภูเขาต้าอู่หลุน จีหลง โดยพบบาดแผลถูกแทงที่มือและเท้าทั้ง 2 ข้าง ที่เกิดเหตุมีร่องรอยเลือดจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่า เธอเสียชีวิตจากการเสียเลือดมากเกินไป และถูกผลักตกลงไปในทางลาดชัน เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาวไทย เข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยระหว่างนั้นได้ทำงานที่ไต้หวันนานกว่า 2 เดือน
จากการสอบปากคำ แฟนหนุ่มชาวไทย ซึ่งทำงานที่ไต้หวัน เผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 10 พฤษภาคม เขาได้รับสายขอความช่วยเหลือจากแฟนสาว โดยเธอบอกว่า เธอถูกคุมตัวไปยังภูเขาก่อนสายจะตัดไป เขาพยายามโทร. ไปหลายครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อแฟนสาวได้ จึงตัดสินใจแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นก็ชวนเพื่อนอีก 2 คนไปยังพิกัดดังกล่าวเพื่อออกตามหาแฟนสาว
ต่อมา ชายหนุ่มและเพื่อน ได้พบร่างของแฟนสาวข้างป้อมร้าง บนถนนในภูเขาต้าอู่หลุน โดยร่างที่เย็นเยียบของเธอติดอยู่ในพุ่มไม้ สภาพถูกแทงหลายแผล และถูกทิ้งลึกลงไปในที่ลาดชัน 10 เมตร ภายหลังเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงที่มือและเท้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุเจิ่งนองไปด้วยเลือด แต่สาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้มาจากบาดแผลถูกแทง แต่มาจากที่ผู้ตายเสียเลือดมากหลังถูกผลักตกจากที่สูง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลักฐานเป็นมีด 1 เล่ม ถูกทิ้งไว้ ใกล้กันยังพบรองเท้าแตะและก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุ และก้นบุหรี่ชนิดเดียวกันในห้องน้ำสาธารณะห่างจากป้อม 300 เมตร โดยจากพยานหลักฐานนั้นพบตัวผู้ต้องสงสัยคือนายจ้างหญิงของผู้ตาย คาดว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงในจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะลงมือแทงและผลักตกลงมาจากเหว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวหญิงแซ่หลิน ซึ่งเป็นนายจ้าง ผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ โดยผู้ต้องสงสัยปฏิเสธข้อหาและไม่ให้การใด ๆ โดยทางอัยการได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมองว่ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังพบว่านายจ้างมีพฤติการณ์ปกปิดหลักฐานและมีโอกาสหลบหนีหากได้รับการประกันตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday, CTWANT
วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เหตุการณ์พบร่างของหญิงไทยเสียชีวิตในไต้หวัน สาเหตุเกิดจากการถูกฆาตกรรมและทิ้งศพหมกป่า ก่อนจะพบว่าคนร้ายคือนายจ้างของผู้ตาย
การสืบสวนคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังมีคนพบศพ หญิงชาวไทยวัย 31 ปี เสียชีวิตบริเวณภูเขาต้าอู่หลุน จีหลง โดยพบบาดแผลถูกแทงที่มือและเท้าทั้ง 2 ข้าง ที่เกิดเหตุมีร่องรอยเลือดจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่า เธอเสียชีวิตจากการเสียเลือดมากเกินไป และถูกผลักตกลงไปในทางลาดชัน เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาวไทย เข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยระหว่างนั้นได้ทำงานที่ไต้หวันนานกว่า 2 เดือน
จากการสอบปากคำ แฟนหนุ่มชาวไทย ซึ่งทำงานที่ไต้หวัน เผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 10 พฤษภาคม เขาได้รับสายขอความช่วยเหลือจากแฟนสาว โดยเธอบอกว่า เธอถูกคุมตัวไปยังภูเขาก่อนสายจะตัดไป เขาพยายามโทร. ไปหลายครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อแฟนสาวได้ จึงตัดสินใจแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นก็ชวนเพื่อนอีก 2 คนไปยังพิกัดดังกล่าวเพื่อออกตามหาแฟนสาว
ต่อมา ชายหนุ่มและเพื่อน ได้พบร่างของแฟนสาวข้างป้อมร้าง บนถนนในภูเขาต้าอู่หลุน โดยร่างที่เย็นเยียบของเธอติดอยู่ในพุ่มไม้ สภาพถูกแทงหลายแผล และถูกทิ้งลึกลงไปในที่ลาดชัน 10 เมตร ภายหลังเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทงที่มือและเท้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุเจิ่งนองไปด้วยเลือด แต่สาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้มาจากบาดแผลถูกแทง แต่มาจากที่ผู้ตายเสียเลือดมากหลังถูกผลักตกจากที่สูง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลักฐานเป็นมีด 1 เล่ม ถูกทิ้งไว้ ใกล้กันยังพบรองเท้าแตะและก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุ และก้นบุหรี่ชนิดเดียวกันในห้องน้ำสาธารณะห่างจากป้อม 300 เมตร โดยจากพยานหลักฐานนั้นพบตัวผู้ต้องสงสัยคือนายจ้างหญิงของผู้ตาย คาดว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงในจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะลงมือแทงและผลักตกลงมาจากเหว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวหญิงแซ่หลิน ซึ่งเป็นนายจ้าง ผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ โดยผู้ต้องสงสัยปฏิเสธข้อหาและไม่ให้การใด ๆ โดยทางอัยการได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมองว่ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังพบว่านายจ้างมีพฤติการณ์ปกปิดหลักฐานและมีโอกาสหลบหนีหากได้รับการประกันตัว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday, CTWANT