ญาติหนุ่มเกาหลีถูกฆ่ายัดถังโบกปูน เข้าพบ ตร. ไทย เผยอาชีพผู้ตาย แจงปมมาไทยบ่อย ๆ

         ญาติชายเกาหลีถูกฆ่าโบกปูนยัดใส่ถังบินถึงไทยแล้ว เผยไม่เคยรู้จักกับกลุ่มคนที่ก่อเหตุ เผยอาชีพผู้ตาย แจงทำไมมาไทยบ่อย ๆ

          จากกรณีนายโรห์ อึนจง อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ หายตัวไป กระทั่งแม่ของนายโรห์ ได้รับโทรศัพท์ปริศนาเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท อ้างว่าลูกชายนำยาเสพติดไปทิ้งน้ำจนทำให้เกิดความเสียหาย หากไม่จ่ายเงินจะทำการฆ่าทิ้ง ก่อนที่ต่อมาจะพบศพ นายโรห์ ถูกฆ่ายัดถัง 200 ลิตร โบกปูนถ่วงน้ำ ที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

อ่านข่าว : เปิดไทม์ไลน์ ฆ่าหนุ่มเกาหลียัดถังโบกปูน หลังถูกอุ้มเรียก 3 ล้าน หดหู่สภาพศพ

          ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า วานนี้ (12 พฤษภาคม) เวลา 13.20 น. ญาติของนายโรห์  คือนายจอง จอ ยอง อายุ 33 ปี ลูกพี่ลูกน้อง และน.ส.โนห์ ชินฮเย  อายุ 42 ปี พี่สาว บินมาจากเกาหลีใต้ มาถึงที่ สน.มักกะสัน สังเกตพบว่า พี่สาวมีสีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าหมอง โดยได้ทำการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์เทียบกับอัตลักษณ์ของศพผู้เสียชีวิต เป็นการยืนยันว่า คือนายโรห์ จริง ก่อนจะนำไปสู่การออกหมายจับคนร้าย และรับร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ

          ด้าน พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ เชื่อว่ามี 3 คน คือ นายคิม นายลี และนายลุน ชาวเกาหลี โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของ ตม. เชื่อว่าผู้ก่อเหตุ 2 ราย หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว คือ นายลี หลบหนีไปกัมพูชา ส่วนนายลุน หลบหนีกลับไปประเทศเกาหลีใต้ ส่วนนายคิม ยังไม่พบการเดินทางออกผ่านด่าน ตม. พบแค่การเดินทางเข้าประเทศไทย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางช่องทางทางธรรมชาติด้วย จึงประสานสถานทูต ซึ่งสถานทูตเกาหลีใต้พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะมีสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน


          หากผลการตรวจดีเอ็นเอเป็นนายโรห์จริง ก็จะมีการขอหมายจับและประสานขอหมายแดง หากพบตัวในประเทศเกาหลีใต้ ตำรวจเกาหลีก็สามารถเข้าคุมตัวไว้สอบสวนและประสานส่งตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ทันที  จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุมีประวัติอาชญากรรมย้อนหลังแต่นานมากแล้ว จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม

          ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น พล.ต.ต. นพศิลป์ ระบุว่า จากการสอบถามญาติ สอบถามเพื่อนและสอบถามแฟนที่อยู่เมืองไทย เบื้องต้นยังไม่มีความเกี่ยวข้องเรื่องยาเสพติด ส่วนที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างกับแม่ของผู้เสียชีวิต ก็ได้มอบให้กับทางตำรวจเกาหลีทำการตรวจสอบและจะต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง


          สอบถาม แฟนของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้เสียชีวิตทำอาชีพเทรดหุ้น ซึ่งทั้งญาติและแฟนของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน และเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่อาร์ซีเอ จึงต้องประสานตำรวจเกาหลีให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบว่าเงิน 3 ล้านที่ถูกเรียกค่าไถ่ ทางครอบครัวยังไม่ได้โอนให้


          จากการตรวจสอบศพของผู้เสียชีวิตพบว่ามีการตัดนิ้วทั้ง 10 นิ้ว ซึ่งทางแพทย์นิติเวชจะต้องตรวจชันสูตรให้ชัดเจนว่า เป็นการตัดก่อนหรือหลังการตาย หากตัดก่อนอาจเป็นการทรมานเพื่อเรียกร้องบางสิ่ง หรือบีบให้ผู้ตายบอกข้อมูลบางอย่าง แต่หากตัดนิ้วหลังการเสียชีวิต อาจเพราะไม่ต้องการให้เหลือลายนิ้วมือให้สืบสวนหากถูกพบศพ แต่เบื้องต้นยังไม่พบอุปกรณ์ใด ๆ ที่กลุ่มคนร้ายใช้ในการทำลายพยานหลักฐาน



          เบื้องต้น กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการวางแผนกันเป็นอย่างดี ทั้งการเตรียมที่เช่าพัก ทั้งการดำเนินการ และรู้วิธีการหาอุปกรณ์ในการดำเนินการอำพราง ซ่อนเร้นศพ เพราะนายคิม เข้าเมืองไทย มา 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2563 และนายลี เข้ามาปี 2567 พร้อมกับนายลุน ซึ่งการที่นายคิม เข้า-ออก เมืองไทย แสดงว่ามีความชำนาญพื้นที่พอสมควร

          ทั้งนี้จากการสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิต พบว่า ผู้เสียชีวิตชอบเที่ยว ชอบดื่ม และที่เข้ามาประเทศไทยประมาณ 8 ครั้งคือต้องการมาท่องเที่ยว รู้สึกรักเมืองไทย และอยากอยู่เมืองไทย ส่วนผู้เสียชีวิตจะทำธุรกิจอะไรนั้น ขณะนี้ได้มอบให้ตำรวจเกาหลีทำการตรวจสอบต่อไป

         

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้