ผัวฝากถึงเมียรักผีน้อย หลังถูก ตม.เกาหลีใต้ รวบคาไลฟ์ กลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บ้านเรา อ้างความจนบีบให้ต้องเป็นผีน้อย อยากมีบ้านมีรถเหมือนคนอื่น
จากกรณีฮือฮา หญิงไทยซึ่งไปเป็นผีน้อยในเกาหลีใต้ ไลฟ์คุยกับผู้ติดตามโซเชียลก่อนสังเกตเห็นรถตู้ปริศนาจอดอยู่หน้าร้านขายของของตัวเอง ซึ่งเธอก็สงสัยว่ารถดังกล่าวจะเป็นรถ ตม. หรือไม่ ขอให้ FC ช่วยกันดู จนสุดท้ายเมื่อพบว่าเป็นรถ ตม. เธอก็รีบวิ่งหนีแต่ไม่ทัน เจอรวบตัวไปคาไลฟ์
อ่านข่าว : ผีน้อยติดไลฟ์ เจอรถน่าสงสัยจอดติดเครื่องรอหน้าร้าน อยากรู้ใช่ ตม. ไหม ก่อนได้คำตอบพีค
ล่าสุด (7 มิถุนายน 2567) เฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า จากการพูดคุยกับชายอายุ 55 ปี ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ จ.อุดรธานี สามีของผีน้อยในคลิป เปิดเผยว่า ทราบข่าวเรื่องที่ภรรยาถูก ตม.เกาหลีใต้ จับกุมแแล้วหลังไปทำงาน 11 ปี โดยตนกับภรรยามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ยอมรับว่าภรรยาเดินทางไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยวกับทัวร์ ก่อนหนีไปทำงานเกษตรแบบตายเอาดาบหน้า แม้ไม่รู้จักใครที่นั่น เพราะฐานะทางบ้านยากจน
ภาพจาก โหนกระแส
โดยก่อนภรรยาจะไปเกาหลีใต้ พวกตนมีความจำเป็นต้องจดทะเบียนหย่า แต่ยังไม่ตัดขาดจากกัน ยังรักกันเหมือนเดิม ปัจจุบันก็ยังติดต่อกันอยู่ไม่ขาด ตนทำหน้าที่ดูแลครอบครัวที่บ้าน โดยหลังภรรยาไปเป็นผีน้อยได้ไม่นาน พ่อแม่ภรรยาก็เสียชีวิต
จากการที่ต้องห่างกันถึง 11 ปี บางวันก็ฝันเห็นกัน ตนยังรักและคิดถึงอยู่ทุกวัน จึงอยากฝากถึงภรรยาว่า เมื่อเกมที่นู่นมันจบลงก็ไม่ต้องเสียใจ กลับมาทำงานรับจ้างกรีดยาง ทำไร ทำนา ทำสวนอยู่ที่บ้านเมืองเราก็ได้ ก็พออยู่ได้ บ้านที่สร้างไม่เสร็จก็ไม่ต้องน้อยใจ ซึ่งตอนนี้บ้านของภรรยาสร้างไปได้ประมาณ 35% แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากภรรยาอยากกลับไปสู้ชีวิต หรือไปทำงานกับนายจ้างเกาที่เกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย ตนก็พร้อมตามใจ เพราะภรรยาเป็นคนสู้ชีวิต ขยันทำมาหากิน ยืนยันว่าที่ต้องไปเป็นแรงงานผิดกฎหมายก็เพราะความยากจน อยากมีบ้านมีรถเหมือนคนอื่นเขา
สามียังกล่าวย้ำว่า ไม่ต้องเสียใจไปนะเธอ กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่บ้าน อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากัน สู้ชีวิตกันต่อไป และฝากให้รัฐบาลช่วยพาภรรยากลับมาบ้านอย่างปลอดภัยด้วย
ทั้งนี้ ว่าที่ ร.ท. อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ทางกรมจัดหางานและกระทรวงแรงงานไม่มีข้อมูลที่จะดำเนินการช่วยหลือ หรือประสานการช่วยเหลือไปยังประเทศเกาหลีใต้ได้ เพราะไปแบบผิดกฎหมาย ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะถูกผลักดันหรือส่งตัวกลับประเทศไทย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศ และสถานทูตไทยประจำประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้ประสานงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส
จากกรณีฮือฮา หญิงไทยซึ่งไปเป็นผีน้อยในเกาหลีใต้ ไลฟ์คุยกับผู้ติดตามโซเชียลก่อนสังเกตเห็นรถตู้ปริศนาจอดอยู่หน้าร้านขายของของตัวเอง ซึ่งเธอก็สงสัยว่ารถดังกล่าวจะเป็นรถ ตม. หรือไม่ ขอให้ FC ช่วยกันดู จนสุดท้ายเมื่อพบว่าเป็นรถ ตม. เธอก็รีบวิ่งหนีแต่ไม่ทัน เจอรวบตัวไปคาไลฟ์
อ่านข่าว : ผีน้อยติดไลฟ์ เจอรถน่าสงสัยจอดติดเครื่องรอหน้าร้าน อยากรู้ใช่ ตม. ไหม ก่อนได้คำตอบพีค
ล่าสุด (7 มิถุนายน 2567) เฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า จากการพูดคุยกับชายอายุ 55 ปี ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ จ.อุดรธานี สามีของผีน้อยในคลิป เปิดเผยว่า ทราบข่าวเรื่องที่ภรรยาถูก ตม.เกาหลีใต้ จับกุมแแล้วหลังไปทำงาน 11 ปี โดยตนกับภรรยามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ยอมรับว่าภรรยาเดินทางไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยวกับทัวร์ ก่อนหนีไปทำงานเกษตรแบบตายเอาดาบหน้า แม้ไม่รู้จักใครที่นั่น เพราะฐานะทางบ้านยากจน
ภาพจาก โหนกระแส
โดยก่อนภรรยาจะไปเกาหลีใต้ พวกตนมีความจำเป็นต้องจดทะเบียนหย่า แต่ยังไม่ตัดขาดจากกัน ยังรักกันเหมือนเดิม ปัจจุบันก็ยังติดต่อกันอยู่ไม่ขาด ตนทำหน้าที่ดูแลครอบครัวที่บ้าน โดยหลังภรรยาไปเป็นผีน้อยได้ไม่นาน พ่อแม่ภรรยาก็เสียชีวิต
จากการที่ต้องห่างกันถึง 11 ปี บางวันก็ฝันเห็นกัน ตนยังรักและคิดถึงอยู่ทุกวัน จึงอยากฝากถึงภรรยาว่า เมื่อเกมที่นู่นมันจบลงก็ไม่ต้องเสียใจ กลับมาทำงานรับจ้างกรีดยาง ทำไร ทำนา ทำสวนอยู่ที่บ้านเมืองเราก็ได้ ก็พออยู่ได้ บ้านที่สร้างไม่เสร็จก็ไม่ต้องน้อยใจ ซึ่งตอนนี้บ้านของภรรยาสร้างไปได้ประมาณ 35% แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากภรรยาอยากกลับไปสู้ชีวิต หรือไปทำงานกับนายจ้างเกาที่เกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย ตนก็พร้อมตามใจ เพราะภรรยาเป็นคนสู้ชีวิต ขยันทำมาหากิน ยืนยันว่าที่ต้องไปเป็นแรงงานผิดกฎหมายก็เพราะความยากจน อยากมีบ้านมีรถเหมือนคนอื่นเขา
สามียังกล่าวย้ำว่า ไม่ต้องเสียใจไปนะเธอ กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่บ้าน อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากัน สู้ชีวิตกันต่อไป และฝากให้รัฐบาลช่วยพาภรรยากลับมาบ้านอย่างปลอดภัยด้วย
ทั้งนี้ ว่าที่ ร.ท. อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ทางกรมจัดหางานและกระทรวงแรงงานไม่มีข้อมูลที่จะดำเนินการช่วยหลือ หรือประสานการช่วยเหลือไปยังประเทศเกาหลีใต้ได้ เพราะไปแบบผิดกฎหมาย ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะถูกผลักดันหรือส่งตัวกลับประเทศไทย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศ และสถานทูตไทยประจำประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้ประสานงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส