ย้อนคดีสะเทือนขวัญ สาววัย 16 ปี วางแผนฆ่ายกครัว เหตุเพราะไม่ให้ไปเจอแฟน เหลือแค่พ่อรอดชีวิตมาได้ เผยคำพูดจุกหัวใจ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เว็บไซต์ Ladbible เผยเรื่องราวคดีความของ เอริน แคฟฟีย์ หญิงชาวอเมริกัน จากรัฐเทกซัส สหรัฐฯ ผู้ก่อเหตุอาชญากรรมสุดเลวร้าย วางแผนฆาตกรรมคนในครอบครัวตัวเอง เมื่อปี 2551 ในวัยแค่ 16 ปี เธอมีเป้าหมายคือต้องการสังหารทั้งพ่อ แม่ และน้อง ๆ ทั้งหมด ทั้งยังใช้ให้แฟนหนุ่มมาช่วยทำเรื่องอำมหิตครั้งนี้
ย้อนกลับไปในขณะนั้น แคฟฟีย์ เป็นนักเปียโนในโบสถ์ เธอดูเหมือนสาววัยรุ่นที่สดใสทั่ว ๆ ไม่มีใครรู้ว่าจิตใจลึก ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความดำมืด เธอมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเก็บกวาดสมาชิกทุกคนในบ้านให้พ้นโลกนี้ไป หลังจากเธอถูกสั่งห้ามไม่เจอกับ ชาร์ลี วิลคินสัน วัย 18 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเธอในตอนนั้น
แคฟฟีย์ เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ส มอร์แกน นักข่าวชาวอังกฤษ ในสารคดีพิเศษชุด Killer Women ทางช่อง ITV เมื่อปี 2559 เผยว่า เธอตัดสินใจวางแผนฆาตกรรมยกครัว และนอกจากเธอจะให้แฟนหนุ่มมาช่วยแล้ว เธอยังได้รับความร่วมมือจาก ชาร์ลส เวด เพื่อนของเธออีกคน ซึ่งมีอายุ 20 ปีในขณะนั้น จนกระทั่งแผนการอันอุกอาจและโหดเหี้ยมเกือบจะสำเร็จตามเป้าหมายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
วิลคินสันและเวดบุกเข้าไปในบ้านของครอบครัวแคฟฟีย์ ในขณะที่เธอนั่งรออยู่ในรถด้านนอกกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง แฟนหนุ่มและเพื่อนชายของเธอใช้อาวุธปืนยิงคนในครอบครัวของเธอ รวมทั้งใช้ดาบซามูไรฟันพวกเขา จนเป็นเหตุให้ เพนนี แม่ของเธอ และน้องชายของเธอ 2 คน ได้แก่ ไทเลอร์ อายุ 8 ขวบ และแมทธิว อายุ 13 ปี เสียชีวิต ส่วนเทอร์รี พ่อของเธอ ถูกกระสุนปืนยิงหลายนัด แต่พยายามหลบหนีและเอาชีวิตรอดมาได้ ก่อนที่บ้านจะถูกจุดไฟเผาวอด
หลังจากนั้นไม่นาน แคฟฟีย์ ร่วมทั้งเพื่อนอีก 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว โดยทั้ง 3 คนที่เหลือต่างโทษว่าเป็นความคิดของแคฟฟีย์เพียงคนเดียว เนื่องจากเธอโกรธแค้นที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้พบแฟนหนุ่ม และคำกล่าวหานี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เมื่อ ไมเคิล วาเชิร์น อดีตคนรักของแคฟฟีย์ ได้เข้าให้ปากคำว่า แคฟฟีย์เคยพูดกับเขาว่า อยากให้ทั้งครอบครัวตายไป
หลังจากผ่านไป 8 ปี แคฟฟีย์ในวัย 24 ปี
ได้สำนึกผิดต่อการกระทำของเธอ เธอยอมรับว่า เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า
ครั้งหนึ่งเธอต้องการจะฆ่าทั้งครอบครัว และเธอได้ทำมันลงไปจริง ๆ
มันเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายและโง่เขลามาก
"ฉันทั้งตกใจ โกรธ และรู้สึกเจ็บปวด เขา (วิลคินสัน) คือผู้ชายที่ฉันควรจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย เขารักฉัน และเรากำลังจะแต่งงานกัน พวกเขา (ครอบครัว) ไม่ได้ทุบตีฉัน พวกเขาไม่ได้ทำให้ฉันหิวจนตาย แต่ฉันกลับทำเช่นนั้นไป" แคฟฟีย์ เล่าย้อนความหลัง
ทางด้านพ่อของแคฟฟีย์ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่พ่อพูดกับลูกสาวคือบอกว่า พ่อรักลูก เขามองเข้าไปในตาของลูกสาวแล้วถามว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นแคฟฟีย์มีอาการสติแตก เธอได้แต่กรีดร้องบอกว่า ไม่ ไม่ ไม่ ก่อนที่พ่อของเธอจะบอกว่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้เธอเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ยิ่งเมื่อได้เห็นพ่ออยู่สภาพบาดเจ็บ เธอก็ยิ่งได้สติ
แม้จะสำนึกผิดแต่ก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ตอนนี้แคฟฟีย์ต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 40 ปี ส่วนวิลคินสันและเวด รับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยทั้งสองพ้นโทษประหารชีวิต เนื่องจากเทอร์รี พ่อของแคฟฟีย์ได้ยื่นคำร้องคัดค้าน โดยเขากล่าวว่า "ผมอยากจะให้โอกาสพวกเขาได้สำนึกผิด"
ส่วนแคฟฟีย์ ลูกสาวของเขา เทอร์รียังเชื่ออยู่เสมอว่า ลูกไม่ใช่คนเลวร้าย เชื่อว่าเธอไม่ใช่ผู้บงการ เธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุ 16 ปี ที่อ่อนแอและมีผู้ชายโรคจิตคอยควบคุมความคิด เขาให้อภัยและยกโทษให้เธอ และปัจจุบันก็ยังไปเยี่ยมลูกสาวที่เรือนจำอยู่เป็นประจำ
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
ย้อนกลับไปในขณะนั้น แคฟฟีย์ เป็นนักเปียโนในโบสถ์ เธอดูเหมือนสาววัยรุ่นที่สดใสทั่ว ๆ ไม่มีใครรู้ว่าจิตใจลึก ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความดำมืด เธอมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเก็บกวาดสมาชิกทุกคนในบ้านให้พ้นโลกนี้ไป หลังจากเธอถูกสั่งห้ามไม่เจอกับ ชาร์ลี วิลคินสัน วัย 18 ปี ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเธอในตอนนั้น
แคฟฟีย์ เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ส มอร์แกน นักข่าวชาวอังกฤษ ในสารคดีพิเศษชุด Killer Women ทางช่อง ITV เมื่อปี 2559 เผยว่า เธอตัดสินใจวางแผนฆาตกรรมยกครัว และนอกจากเธอจะให้แฟนหนุ่มมาช่วยแล้ว เธอยังได้รับความร่วมมือจาก ชาร์ลส เวด เพื่อนของเธออีกคน ซึ่งมีอายุ 20 ปีในขณะนั้น จนกระทั่งแผนการอันอุกอาจและโหดเหี้ยมเกือบจะสำเร็จตามเป้าหมายแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
วิลคินสันและเวดบุกเข้าไปในบ้านของครอบครัวแคฟฟีย์ ในขณะที่เธอนั่งรออยู่ในรถด้านนอกกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง แฟนหนุ่มและเพื่อนชายของเธอใช้อาวุธปืนยิงคนในครอบครัวของเธอ รวมทั้งใช้ดาบซามูไรฟันพวกเขา จนเป็นเหตุให้ เพนนี แม่ของเธอ และน้องชายของเธอ 2 คน ได้แก่ ไทเลอร์ อายุ 8 ขวบ และแมทธิว อายุ 13 ปี เสียชีวิต ส่วนเทอร์รี พ่อของเธอ ถูกกระสุนปืนยิงหลายนัด แต่พยายามหลบหนีและเอาชีวิตรอดมาได้ ก่อนที่บ้านจะถูกจุดไฟเผาวอด
หลังจากนั้นไม่นาน แคฟฟีย์ ร่วมทั้งเพื่อนอีก 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว โดยทั้ง 3 คนที่เหลือต่างโทษว่าเป็นความคิดของแคฟฟีย์เพียงคนเดียว เนื่องจากเธอโกรธแค้นที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้พบแฟนหนุ่ม และคำกล่าวหานี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เมื่อ ไมเคิล วาเชิร์น อดีตคนรักของแคฟฟีย์ ได้เข้าให้ปากคำว่า แคฟฟีย์เคยพูดกับเขาว่า อยากให้ทั้งครอบครัวตายไป
"ฉันทั้งตกใจ โกรธ และรู้สึกเจ็บปวด เขา (วิลคินสัน) คือผู้ชายที่ฉันควรจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย เขารักฉัน และเรากำลังจะแต่งงานกัน พวกเขา (ครอบครัว) ไม่ได้ทุบตีฉัน พวกเขาไม่ได้ทำให้ฉันหิวจนตาย แต่ฉันกลับทำเช่นนั้นไป" แคฟฟีย์ เล่าย้อนความหลัง
ทางด้านพ่อของแคฟฟีย์ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่พ่อพูดกับลูกสาวคือบอกว่า พ่อรักลูก เขามองเข้าไปในตาของลูกสาวแล้วถามว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นแคฟฟีย์มีอาการสติแตก เธอได้แต่กรีดร้องบอกว่า ไม่ ไม่ ไม่ ก่อนที่พ่อของเธอจะบอกว่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้เธอเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ยิ่งเมื่อได้เห็นพ่ออยู่สภาพบาดเจ็บ เธอก็ยิ่งได้สติ
แม้จะสำนึกผิดแต่ก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ตอนนี้แคฟฟีย์ต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 40 ปี ส่วนวิลคินสันและเวด รับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยทั้งสองพ้นโทษประหารชีวิต เนื่องจากเทอร์รี พ่อของแคฟฟีย์ได้ยื่นคำร้องคัดค้าน โดยเขากล่าวว่า "ผมอยากจะให้โอกาสพวกเขาได้สำนึกผิด"
ส่วนแคฟฟีย์ ลูกสาวของเขา เทอร์รียังเชื่ออยู่เสมอว่า ลูกไม่ใช่คนเลวร้าย เชื่อว่าเธอไม่ใช่ผู้บงการ เธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุ 16 ปี ที่อ่อนแอและมีผู้ชายโรคจิตคอยควบคุมความคิด เขาให้อภัยและยกโทษให้เธอ และปัจจุบันก็ยังไปเยี่ยมลูกสาวที่เรือนจำอยู่เป็นประจำ
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible