รัฐบาล สั่งตรวจสอบ BYD หลังลดราคาสนั่น ล่าสุดรุ่น Atto 3 ลดแหลกอีก 3.4 แสน จนลูกค้าเดิมบ่นยับ ซื้อรถเป็นล้าน ได้ภาพลักษณ์รถยนต์บ้าน ๆ วอน BYD ชดเชย
วันนี้ (2 กรกฎาคม 2567) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เกิดกรณีบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ประกาศโปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น BYD DOLPHIN โดยระบุส่วนลดล่าสุดไว้ถึง 1.4 -1.6 แสนบาท โดยต่อมามีผู้บริโภครายหนึ่ง สะท้อนความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ข้างต้น ระบุว่า ตนได้รับผลกระทบทางจิตใจ เนื่องจากตนเองซื้อรถยนต์จากแบรนด์ดังกล่าวมาในช่วงที่ได้รับส่วนลด 40,090 บาท พร้อมชี้ว่าเป็นการรีบตัดสินใจซื้อเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของแคมเปญเพราะถูกเซลส์หว่านล้อม โดยอ้างเหตุผลว่าราคาอาจกลับมาที่ราคาเต็ม แต่หลังจากนั้นราคาไม่กลับขึ้นมาที่ราคาเดิมดังที่กล่าวอ้าง แต่กลับลดลงอีก 100,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษเป็นของแถมต่าง ๆ โดยเหตุการณ์ข้างต้นส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงนั้น
อ่านข่าว ไขสาเหตุ รถ EV ดังลด 1.4 แสน ต้นทุนถูกแค่ไหน ลดได้เยอะขนาดนี้ ลดจนลูกค้าเก่าเป็นซึมเศร้า
เว็บไซต์รัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่าผู้จัดจําหน่ายรถยนต์ค่ายเดียวกัน ประกาศลดราคาอีกครั้งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า New BYD ATTO 3 รวมทั้งสิ้นอีก 4 รุ่น โดยให้เหตุผลว่า เพื่อฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งนี้ รวมส่วนลดได้สูงสุดถึง 340,000 บาท สร้างความไม่พอใจให้ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ กระทั่งมีการนัดรวมพลมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ.
ล่าสุด นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าตรวจสอบการโฆษณาลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงกำหนดข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. 2564 หรือไม่ พร้อมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหาย
หรือไม่ได้รับความธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจ สามารถร้องเรียนต่อ สคบ.
ได้ที่สายด่วน 1166 เว็บไซต์ www.ocpb.go.th แอปพลิเคชัน OCPB Connect
และศูนย์ดำรงธรรมในทุกจังหวัด
ในขณะเดียวกันในกลุ่ม BYD Thailand ได้มีลูกค้าที่เขียนจดหมายเปิด ส่งให้กับผู้บริหาร BYD Thailand ถึงการที่ซื้อรถได้ 1 ปี แต่กลับลดราคาแบบหักหลังลูกค้าเก่ากว่า 3.4 แสนบาท ดังนี้
เธอได้ซื้อรถ BYD Atto 3 รุ่น Extended Range ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 โดยที่พนักงานอ้างว่า รัฐบาลได้ยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100,000 บาท หากไม่รีบซื้อแล้วอีกไม่นานจะหมดมาตรการช่วยเหลือ จึงทำให้เธอซื้อรถในราคา 1,199,900 บาท ซึ่งหากรวมค่าใช้จ่ายเช่าซื้อและดอกเบี้ยทุกอย่างแล้ว จะคิดเป็นเงินที่ 1,389,108 บาท ปัจจุบันได้ผ่อนรถมาแล้ว 16 งวด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ทาง BYD Rever Thailand ได้ประกาศลดราคา BYD Atto 3 ทุกรุ่น และในรุ่นเดียวกับที่เธอซื้อนั้น ได้ลดราคากว่า 3.4 แสนบาท จนทำให้เธอได้รับความเสียหายหลายด้าน อาทิ ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ต้องจ่ายเงินล้านกว่าแต่กลับได้รถยนต์ระดับล่างที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้, ราคาขายต่อตกสนั่น รถยนต์ใช้ปีเดียวราคาน่าจะตก 40% ยิ่งบริษัทมาประกาศลดแบบนี้ ยิ่งทำให้ราคาขายต่อขาดทุนทันที น่าจะครึ่งต่อครึ่ง, บริการหลังการขายช้า นัดศูนย์ต้องรอ 2-3 วัน ไม่นับรวมกรณีเกิดอุบัติเหตุที่บางคนรออะไหล่ 3 เดือน, ประกันภัยที่หลายบริษัทเริ่มไม่รับคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้า และหากบริษัทลดราคาแบบนี้ ก็จะทำให้บริษัทประกันยึดวงเงินคุ้มครองเท่ากับราคารถยนต์ใหม่ ลูกค้าเดิมที่ซื้อรถไปในราคาแพง ก็จะได้วงเงินคุ้มครองที่ต่ำลงมา มีการเรียกร้องให้บริษัทชดเชยราคาที่เกิดขึ้น และช่วยพิจารณาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วย
วันนี้ (2 กรกฎาคม 2567) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เกิดกรณีบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ประกาศโปรโมชั่นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น BYD DOLPHIN โดยระบุส่วนลดล่าสุดไว้ถึง 1.4 -1.6 แสนบาท โดยต่อมามีผู้บริโภครายหนึ่ง สะท้อนความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ข้างต้น ระบุว่า ตนได้รับผลกระทบทางจิตใจ เนื่องจากตนเองซื้อรถยนต์จากแบรนด์ดังกล่าวมาในช่วงที่ได้รับส่วนลด 40,090 บาท พร้อมชี้ว่าเป็นการรีบตัดสินใจซื้อเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของแคมเปญเพราะถูกเซลส์หว่านล้อม โดยอ้างเหตุผลว่าราคาอาจกลับมาที่ราคาเต็ม แต่หลังจากนั้นราคาไม่กลับขึ้นมาที่ราคาเดิมดังที่กล่าวอ้าง แต่กลับลดลงอีก 100,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษเป็นของแถมต่าง ๆ โดยเหตุการณ์ข้างต้นส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงนั้น
อ่านข่าว ไขสาเหตุ รถ EV ดังลด 1.4 แสน ต้นทุนถูกแค่ไหน ลดได้เยอะขนาดนี้ ลดจนลูกค้าเก่าเป็นซึมเศร้า
เว็บไซต์รัฐบาลไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่าผู้จัดจําหน่ายรถยนต์ค่ายเดียวกัน ประกาศลดราคาอีกครั้งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า New BYD ATTO 3 รวมทั้งสิ้นอีก 4 รุ่น โดยให้เหตุผลว่า เพื่อฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ BYD ครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งนี้ รวมส่วนลดได้สูงสุดถึง 340,000 บาท สร้างความไม่พอใจให้ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ กระทั่งมีการนัดรวมพลมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ.
ล่าสุด นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าตรวจสอบการโฆษณาลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงกำหนดข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. 2564 หรือไม่ พร้อมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ในขณะเดียวกันในกลุ่ม BYD Thailand ได้มีลูกค้าที่เขียนจดหมายเปิด ส่งให้กับผู้บริหาร BYD Thailand ถึงการที่ซื้อรถได้ 1 ปี แต่กลับลดราคาแบบหักหลังลูกค้าเก่ากว่า 3.4 แสนบาท ดังนี้
เธอได้ซื้อรถ BYD Atto 3 รุ่น Extended Range ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 โดยที่พนักงานอ้างว่า รัฐบาลได้ยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100,000 บาท หากไม่รีบซื้อแล้วอีกไม่นานจะหมดมาตรการช่วยเหลือ จึงทำให้เธอซื้อรถในราคา 1,199,900 บาท ซึ่งหากรวมค่าใช้จ่ายเช่าซื้อและดอกเบี้ยทุกอย่างแล้ว จะคิดเป็นเงินที่ 1,389,108 บาท ปัจจุบันได้ผ่อนรถมาแล้ว 16 งวด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ทาง BYD Rever Thailand ได้ประกาศลดราคา BYD Atto 3 ทุกรุ่น และในรุ่นเดียวกับที่เธอซื้อนั้น ได้ลดราคากว่า 3.4 แสนบาท จนทำให้เธอได้รับความเสียหายหลายด้าน อาทิ ทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ต้องจ่ายเงินล้านกว่าแต่กลับได้รถยนต์ระดับล่างที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้, ราคาขายต่อตกสนั่น รถยนต์ใช้ปีเดียวราคาน่าจะตก 40% ยิ่งบริษัทมาประกาศลดแบบนี้ ยิ่งทำให้ราคาขายต่อขาดทุนทันที น่าจะครึ่งต่อครึ่ง, บริการหลังการขายช้า นัดศูนย์ต้องรอ 2-3 วัน ไม่นับรวมกรณีเกิดอุบัติเหตุที่บางคนรออะไหล่ 3 เดือน, ประกันภัยที่หลายบริษัทเริ่มไม่รับคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้า และหากบริษัทลดราคาแบบนี้ ก็จะทำให้บริษัทประกันยึดวงเงินคุ้มครองเท่ากับราคารถยนต์ใหม่ ลูกค้าเดิมที่ซื้อรถไปในราคาแพง ก็จะได้วงเงินคุ้มครองที่ต่ำลงมา มีการเรียกร้องให้บริษัทชดเชยราคาที่เกิดขึ้น และช่วยพิจารณาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วย
