พ่อแม่พาลูกมากินข้าว จู่ ๆ ตำรวจโผล่รวบถึงโต๊ะ กลายเป็นเหตุการณ์ช่วยชีวิต จากความหัวไวของสาวเสิร์ฟ สังเกตรู้ เด็กต้องการความช่วยเหลือ
วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่า มารับประทานอาหารของครอบครัวหนึ่ง ได้เปลี่ยนเป็นเหตุการณ์ชวนตกใจ เมื่อจู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็โผล่เข้ามารวบตัวพ่อกับแม่เด็กไป ทำให้เด็กชายวัย 11 ขวบ รอดชีวิตจากสถานการณ์สุดเลวร้าย ซึ่งต้องขอบคุณความหัวไวของพนักงานเสิร์ฟหญิงที่อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือนี้ หลังจากที่เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวดังกล่าว
รายงานเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร Mrs. Potato ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ในวันปีใหม่เมื่อปี 2564 ขณะนั้น ฟลาวีน คาร์วาลโฮ เพิ่งจะเลิกกะและกำลังรอให้บริการลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของเธอ ซึ่งเป็นพ่อ แม่ และลูกชาย ที่มากินอาหารในร้านด้วยกัน แต่ที่น่าผิดสังเกตก็คือ อาหารที่สั่งมามีแค่ส่วนของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่พวกเขาไม่สั่งอะไรให้ลูกชายกินเลย
เด็กชายคนนี้อยู่ในสภาพสวมเสื้อฮู้ด สวมแว่น และสวมหน้ากากอนามัย เมื่อคาร์วาลโฮเข้าไปถามว่าอาหารมีอะไรผิดปกติหรือไม่ พ่อเด็กก็บอกเพียงว่า เดี๋ยวลูกชายจะกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้านหลังจากนั้น
แต่ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นรอยข่วนใหญ่ ๆ ระหว่างคิ้วของเด็กชาย และอีก 2 นาทีต่อมาก็เห็นรอยช้ำที่ข้างตาของเขา เธอรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเธอไม่อาจปล่อยเด็กชายไว้แบบนี้โดยไม่ช่วยอะไรเลย
จากนั้นเธอก็คิดแผนที่จะสื่อสารกับเด็กชาย ด้วยการเขียนข้อความลงบนกระดาษว่า "หนูต้องการความช่วยเหลือไหม" และรอโอกาสช่วงที่พ่อแม่เด็กไม่เห็น โชว์ข้อความนั้นให้เด็กชายดูตอนที่เขาหันมา แต่ตอนนั้นเด็กชายตอบกลับด้วยการส่ายหน้า
ภาพจาก ORLANDO POLICE DEPARTMENT
"ฉันรู้ว่าเขากำลังหวาดกลัว" พนักงานสาว เปิดเผยในเวลาต่อมา
แต่เธอยังไม่ยอมปล่อยเหตุการณ์นี้ไปเฉย ๆ เธอพยายามทำให้เด็กชายหันมาสนใจข้อความของเธออีก 2 รอบ จนกระทั่งเขาพยักหน้าในที่สุด คาร์วาลโฮจึงรีบโทร. ไปบอกเจ้าของร้าน ว่าเธอจะเรียกตำรวจมาควบคุมตัวพ่อแม่ของเด็กชาย ก่อนจะโทร. ไปหาตำรวจเพื่อแจ้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า
"ฉันกังวลมาก ๆ และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง คุณแนะนำฉันได้ไหม เด็กชายมีรอยช้ำและเขาไม่ได้กินอะไรเลย" คาร์วาลโฮ บอกสายด่วน 911
เพียงไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่ร้านและจับกุมตัวพ่อกับแม่เด็กไป โดยพบว่าฝ่ายชายเป็นพ่อเลี้ยง โดนตั้งข้อหาทารุณกรรมและละเลยเด็ก ขณะที่แม่ของเด็กก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาละเลยเด็กเช่นกัน เพราะเธอรู้เรื่องที่ลูกถูกทารุณกรรม แต่กลับนิ่งดูดายและไม่พาลูกไปรักษา
จากการที่เจ้าหน้าที่สอบถามเด็กชาย ทำให้ทราบว่าเด็กชายถูกพ่อเลี้ยงทารุณกรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่งจะถูกพ่อเลี้ยงใช้ไม้กวาดและไม้เกาหลังตี ก่อนหน้านี้ก็ยังถูกจับมัดไว้กับรถเข็นเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงจับมัดข้อเท้าแขวนร่างไว้กับประตูในสภาพกลับหัว ซ้ำร้ายพ่อเลี้ยงยังจับลูกชายอดอาหารเป็นการทำโทษ จนทำให้เด็กชายมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ถึง 9 กิโลกรัม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่าครอบครัวดังกล่าวยังมีลูกสาววัย 4
ขวบอีกราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเด็กออกมา
ให้อยู่ในการดูและของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
แม้จะยังไม่พบสัญญาณการทารุณกรรมกับเด็กหญิงก็ตาม
ภาพจาก ORLANDO POLICE DEPARTMENT
ระหว่างการแถลงข่าวหลังการจับกุม ทางตำรวจได้กล่าวชื่นชมความหัวไวและความกล้าหาญของพนักงานสาว ที่ไม่นิ่งดูดายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้ว่า สิ่งที่เด็กชายต้องพบเจอมานั้นคือการทารุณกรรม การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของพนักงานสาวสามารถช่วยชีวิตเด็กไว้ได้ถึง 2 คน เพราะหากเธอไม่เข้าไปแทรกแซง สถานการณ์อาจเลวร้ายจนกลายเป็นเหตุฆาตกรรมได้
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนสำหรับทุก ๆ คน ที่จะต้องตระหนักเมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วลงมือทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเด็กชายไว้ในครั้งนี้
ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้ชื่นชมพนักงานสาวเช่นกัน และหวังว่าการกระทำครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ หันมาใส่ใจเรื่องสัญญาณการทารุณกรรมมากขึ้น และกล้าที่จะพูดออกมาเมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติ รับรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ โดยนอกจากการตระหนักรู้ก็ยังต้องใช้ความกล้าหาญด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible, Peop
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์ Ladbible รายงานว่า มารับประทานอาหารของครอบครัวหนึ่ง ได้เปลี่ยนเป็นเหตุการณ์ชวนตกใจ เมื่อจู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็โผล่เข้ามารวบตัวพ่อกับแม่เด็กไป ทำให้เด็กชายวัย 11 ขวบ รอดชีวิตจากสถานการณ์สุดเลวร้าย ซึ่งต้องขอบคุณความหัวไวของพนักงานเสิร์ฟหญิงที่อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือนี้ หลังจากที่เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวดังกล่าว
รายงานเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหาร Mrs. Potato ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ในวันปีใหม่เมื่อปี 2564 ขณะนั้น ฟลาวีน คาร์วาลโฮ เพิ่งจะเลิกกะและกำลังรอให้บริการลูกค้าโต๊ะสุดท้ายของเธอ ซึ่งเป็นพ่อ แม่ และลูกชาย ที่มากินอาหารในร้านด้วยกัน แต่ที่น่าผิดสังเกตก็คือ อาหารที่สั่งมามีแค่ส่วนของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่พวกเขาไม่สั่งอะไรให้ลูกชายกินเลย
เด็กชายคนนี้อยู่ในสภาพสวมเสื้อฮู้ด สวมแว่น และสวมหน้ากากอนามัย เมื่อคาร์วาลโฮเข้าไปถามว่าอาหารมีอะไรผิดปกติหรือไม่ พ่อเด็กก็บอกเพียงว่า เดี๋ยวลูกชายจะกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้านหลังจากนั้น
แต่ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นรอยข่วนใหญ่ ๆ ระหว่างคิ้วของเด็กชาย และอีก 2 นาทีต่อมาก็เห็นรอยช้ำที่ข้างตาของเขา เธอรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเธอไม่อาจปล่อยเด็กชายไว้แบบนี้โดยไม่ช่วยอะไรเลย
จากนั้นเธอก็คิดแผนที่จะสื่อสารกับเด็กชาย ด้วยการเขียนข้อความลงบนกระดาษว่า "หนูต้องการความช่วยเหลือไหม" และรอโอกาสช่วงที่พ่อแม่เด็กไม่เห็น โชว์ข้อความนั้นให้เด็กชายดูตอนที่เขาหันมา แต่ตอนนั้นเด็กชายตอบกลับด้วยการส่ายหน้า
ภาพจาก ORLANDO POLICE DEPARTMENT
"ฉันรู้ว่าเขากำลังหวาดกลัว" พนักงานสาว เปิดเผยในเวลาต่อมา
แต่เธอยังไม่ยอมปล่อยเหตุการณ์นี้ไปเฉย ๆ เธอพยายามทำให้เด็กชายหันมาสนใจข้อความของเธออีก 2 รอบ จนกระทั่งเขาพยักหน้าในที่สุด คาร์วาลโฮจึงรีบโทร. ไปบอกเจ้าของร้าน ว่าเธอจะเรียกตำรวจมาควบคุมตัวพ่อแม่ของเด็กชาย ก่อนจะโทร. ไปหาตำรวจเพื่อแจ้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า
"ฉันกังวลมาก ๆ และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง คุณแนะนำฉันได้ไหม เด็กชายมีรอยช้ำและเขาไม่ได้กินอะไรเลย" คาร์วาลโฮ บอกสายด่วน 911
เพียงไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่ร้านและจับกุมตัวพ่อกับแม่เด็กไป โดยพบว่าฝ่ายชายเป็นพ่อเลี้ยง โดนตั้งข้อหาทารุณกรรมและละเลยเด็ก ขณะที่แม่ของเด็กก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาละเลยเด็กเช่นกัน เพราะเธอรู้เรื่องที่ลูกถูกทารุณกรรม แต่กลับนิ่งดูดายและไม่พาลูกไปรักษา
จากการที่เจ้าหน้าที่สอบถามเด็กชาย ทำให้ทราบว่าเด็กชายถูกพ่อเลี้ยงทารุณกรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่งจะถูกพ่อเลี้ยงใช้ไม้กวาดและไม้เกาหลังตี ก่อนหน้านี้ก็ยังถูกจับมัดไว้กับรถเข็นเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงจับมัดข้อเท้าแขวนร่างไว้กับประตูในสภาพกลับหัว ซ้ำร้ายพ่อเลี้ยงยังจับลูกชายอดอาหารเป็นการทำโทษ จนทำให้เด็กชายมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ถึง 9 กิโลกรัม
ภาพจาก ORLANDO POLICE DEPARTMENT
ระหว่างการแถลงข่าวหลังการจับกุม ทางตำรวจได้กล่าวชื่นชมความหัวไวและความกล้าหาญของพนักงานสาว ที่ไม่นิ่งดูดายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้ว่า สิ่งที่เด็กชายต้องพบเจอมานั้นคือการทารุณกรรม การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของพนักงานสาวสามารถช่วยชีวิตเด็กไว้ได้ถึง 2 คน เพราะหากเธอไม่เข้าไปแทรกแซง สถานการณ์อาจเลวร้ายจนกลายเป็นเหตุฆาตกรรมได้
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนสำหรับทุก ๆ คน ที่จะต้องตระหนักเมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วลงมือทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเด็กชายไว้ในครั้งนี้
ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้ชื่นชมพนักงานสาวเช่นกัน และหวังว่าการกระทำครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ หันมาใส่ใจเรื่องสัญญาณการทารุณกรรมมากขึ้น และกล้าที่จะพูดออกมาเมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติ รับรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ โดยนอกจากการตระหนักรู้ก็ยังต้องใช้ความกล้าหาญด้วย
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible, Peop