โศกนาฎกรรม พายุไซโคลนพัดกระหน่ำพม่า ถัดมาอีกสัปดาห์แผ่นดินไหวถึง 8 ริกเตอร์ถล่มประเทศจีน คร่าชีวิตผู้คนน้อยใหญ่ ยังคงไว้ซึ่งน้ำตาและความอาลัย ไปดูกันเถิดว่า ต้นตอของเหตุมาจาก....!!
ร่องรอยความเสียหายและคราบน้ำตายังไม่ทันจะเลือนหายไปจากความทรงจำของชาวพม่า หลังจากพายุไซโคลนนาร์กีสที่มีความเร็วลม 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดเข้าถล่ม บริเวณพื้นที่แถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดีและนครย่างกุ้งเมืองหลวงเก่าของประเทศพม่า สร้างความเสียหายไปทั่วทุกหัวระแหง หลังคาบ้านเรือนปลิวว่อน ต้นไม้และเสาไฟฟ้า
หักโค่น ไฟฟ้าดับทั่วเมือง หลายชีวิตตกอยู่ในความมืด และอีกกว่าแสนชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับภัยพิบัติในครั้งนี้
ระยะเวลาห่างกันไม่กี่วัน เกิดเหตุแผ่นดินไหวบริเวณมณฑลเสฉวนของประเทศจีน ด้วยแรงสั่นสะเทือนขนาด 7.8 ริกเตอร์ บ้านเรือนพังทลายเป็นแถบ หลายชีวิตถูกฝังทั้งเป็นประชาชนหลายคนกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกระลอกเมื่อมีอาฟเตอร์ช็อคขนาด 6 และ 5.4 ริกเตอร์ตามมาติดๆ ยอดผู้เสียชีวิตนับหมื่นที่ต้องสังเวยให้กับโศกนาฏกรรมทางธรรมชาติอีกครั้ง
หลายคนวิตกกังวลว่าเมื่อใดจะถึงคราวของประเทศไทย ไม่มีใครล่วงรู้ว่าภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อใดและจะสร้างความสูญเสียอีกมากมายเท่าใด และแน่นอน ว่าเราไม่สามารถหยุดยั้งเหตุการณ์เหล่านี้ได้ แต่เราสามารถป้องกันและบรรเทาความรุนแรงให้ลดน้อยลงได้ ด้วยการลดการ "ใช้" ให้น้อยลง และ "ใช้" สิ่งของทุกชิ้นอย่างประหยัด และรู้คุณค่ามากขึ้น
"เชื่อหรือไม่?..ว่าการไม่รับใบบันทึกรายการจากตู้เอทีเอ็มจะช่วยประหยัดกระดาษกว่าสองพันล้านฟุต ซึ่งมากพอที่จะใช้พันตามเส้นศูนย์สูตรได้รอบโลกถึง 15 ครั้ง"
แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่ถูกกล่าวไว้ใน The green book ผลงานแปลสีเขียวจากโตมร ศุขปรีชา เขียนโดยเอลิซาเบธ โรเจอร์ส และโธมัส เอ็ม. คอสทิเจน หนังสือที่จะมาบอกเล่าคำแนะนำที่ง่ายแสนง่ายในการเริ่มต้นรักษาโลกด้วยมือของเรา เพียงสิ่งละอันพันละน้อยที่คุณทำในชีวิตประจำวัน อาทิ ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้ เปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ฯ ก็ส่งผลใหญ่หลวงต่อโลกของเราได้ ยืนยันได้ว่า สิ่งเล็กๆน้อยๆ สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งยิ่งใหญ่ได้
แม้ว่าเหตุการณ์พิบัติภัยดังกล่าวจะผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงซากแห่งความทรงจำ ความสูญเสียและคราบน้ำตา และแม้ว่าผู้ประสบภัยจะได้รับความช่วยเหลือแล้วก็ตาม แต่สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ หวาดกลัว หวั่นวิตก อาจต้องใช้ระยะเวลาในการเยียวยาให้หายขาด
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าผลพวงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาจาก "ภาวะโลกร้อน" ซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญให้หลายคนตระหนักและ
หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดูแลโลกเพิ่มขึ้น โลกที่มนุษย์ได้อาศัยอยู่ แต่มนุษย์กลับใช้อำนาจของผู้อาศัยทำลายโลกอย่างไม่ไยดี มหันตภัยความรุนแรงที่โลกได้ระบายออกมา ในครั้งนี้อาจเกินที่ผู้ถูกกระทำจะรับไหวและแสดงออกมาในรูปของพิบัติภัยต่างๆ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่มนุษย์จะหยุดพฤติกรรมย่ำยีโลกเสียที!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แผ่นดินไหวในจีน รู้สึกได้ถึงกทม.
- ข้อควรรู้เมื่อเกิดแผ่นดินไหว
- ตะลึง! แผ่นดินไหวจีนตายแล้ว 3,000 - 5,000 ราย
- ยอดตายพุ่งกว่า8,500 ศพ เด็กนักเรียน 50 ชีวิต แผ่นดินไหว
- 4 ทารกแรกเกิดรอดชีวิตแผ่นดินไหว จีนสร้างขวัญหน่วยกู้ชีพ
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต