สาวพูดไม่ออก ไปงานแต่งไม่ได้เพราะลูกป่วย ทักไปบอกเจ้าสาวจะโอนเงินให้ 1,200 เป็นค่าใส่ซอง กลับถูกเจ้าสาวทวงเงินเพิ่มอีกเท่าตัว ลั่นไม่มาก็ต้องจ่าย เพราะจองที่ให้แล้ว
ภาพประกอบข่าวไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ในขณะที่การใส่ซองแก่คู่บ่าวสาวนั้นเป็นเหมือนธรรมเนียม ที่สื่อถึงการอวยพรต่อคู่แต่งงาน แต่หลาย ๆ ครั้งการใส่ซองกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่า เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่หญิงคนหนึ่งถึงกับอึ้ง หลังจากที่เธอบอกเจ้าสาวว่าไปร่วมงานไม่ได้เพราะลูกป่วย เลยจะโอนเงินไปให้แทนการใส่ซอง แต่แทนที่เจ้าสาวจะรับไว้ด้วยความยินดี กลับมาทวงเงินเธอเพิ่มซะอย่างนั้น
โดยจากรายงานของเว็บไซต์ SETN เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 หญิงรายหนึ่งได้โพสต์ระบายความอัดอั้นใจผ่าน Threads ตั้งคำถามว่า "ถ้ามีเพื่อนที่คุณไม่ได้รู้จักกันดีมาเชิญไปงานแต่งงาน คุณจำเป็นต้องใส่ซองให้สักเท่าไหร่ และถ้าไม่ไปงานต้องให้เท่าไหร่ ฉันโอนไป 1,200 น้อยเกินไปงั้นเหรอ" พร้อมเปิดภาพบทสนทนาระหว่างเธอกับเพื่อนที่เป็นเจ้าสาว
จากบทสนทนานั้นทำให้ทราบว่า
เจ้าของโพสต์แจ้งกับเจ้าสาวว่าไม่สามารถไปร่วมงานแต่งได้แล้ว
เนื่องจากลูกสาวของเธอป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ และยังไข้ขึ้นไม่หยุด
หมอบอกว่าหากอาการรุนแรงก็ต้องเข้าโรงพยาบาล
เธอจึงไม่สามารถไปร่วมงานแต่งได้
แต่ก็ยินดีจะโอนเงินใส่ซองให้ผ่านบัญชีธนาคารแทน จำนวน 1,200
ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1,220 บาท)
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจ้าสาวจะไม่พอใจกับยอดเงินดังกล่าว จึงส่งข้อความกลับมาบอกว่า ตัวเองได้จองที่และอาหารสำหรับแขก 2 คนให้แก่เจ้าของโพสต์แล้ว ดังนั้นเจ้าของโพสต์จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินที่จะโอนให้
"คุณ 2 คนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะฉันจองไว้แล้ว คนละ 1,650 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1,690 บาท)"
และวันต่อมาเจ้าสาวก็ยังส่งข้อความมาทวงอีกครั้ง ว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีมาให้เลยไหม
คำตอบจากเจ้าสาวทำให้ทางเจ้าของโพสต์ไม่พอใจเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้รับแม้แต่บัตรเชิญ แถมยังเป็นแค่คนรู้จักที่ไม่ได้สนิทกัน แค่มีเพื่อนร่วมกันเท่านั้น การที่เจ้าสาวมาทวงเงินจากเธอแบบนี้จึงทำให้เธอตะลึงมาก ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า
"ฉันขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ฉันก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวของฉันป่วย แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน โปรดรับเงิน 1,200 ดอลลาร์ไต้หวันนั่นไว้ ยังไงซะฉันก็ยังไม่ได้รับซองแดง ไม่ได้รับบัตรเชิญร่วมงาน หรือแม้แต่เค้กแต่งงาน แต่ลืมมันไปเถอะและไม่ต้องส่งมาอีก ฉันขอให้คุณมีความสุขกับชีวิตแต่งงานแล้วกัน"
ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ชี้ว่า จริง ๆ เธอก็ไม่ได้รู้จักเจ้าสาวดีนัก แทบจะไม่เคยนัดส่วนตัวกัน อย่างมากก็แค่มีปฏิสัมพันธ์กันบนอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งคราว ที่พวกเธอรู้จักก็เพราะมีเพื่อนร่วมกันเท่านั้น สถานะจึงเป็นเพียงคนรู้จักมากกว่าจะเป็นเพื่อน
ขณะที่ชาวเน็ตต่างก็ร่วมวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น โดยบ้างก็ตั้งคำถามว่า "มันเป็นเรื่องปกติเหรอที่จะมาออกปากขอซองกันแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจไม่ไปร่วมงาน" ขณะที่หลาย ๆ คนมองว่า หากเป็นตัวเองก็คงไม่ไปงานของคนที่ไม่ได้สนิทกัน และแน่นอนว่าในกรณีแบบนี้ พวกเขาคงไม่ใส่ซองให้ด้วยซ้ำ เจ้าของโพสต์ไม่มีความจำเป็นต้องโอนเงินไปแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก SETN, CTWANT
ภาพประกอบข่าวไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
โดยจากรายงานของเว็บไซต์ SETN เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 หญิงรายหนึ่งได้โพสต์ระบายความอัดอั้นใจผ่าน Threads ตั้งคำถามว่า "ถ้ามีเพื่อนที่คุณไม่ได้รู้จักกันดีมาเชิญไปงานแต่งงาน คุณจำเป็นต้องใส่ซองให้สักเท่าไหร่ และถ้าไม่ไปงานต้องให้เท่าไหร่ ฉันโอนไป 1,200 น้อยเกินไปงั้นเหรอ" พร้อมเปิดภาพบทสนทนาระหว่างเธอกับเพื่อนที่เป็นเจ้าสาว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจ้าสาวจะไม่พอใจกับยอดเงินดังกล่าว จึงส่งข้อความกลับมาบอกว่า ตัวเองได้จองที่และอาหารสำหรับแขก 2 คนให้แก่เจ้าของโพสต์แล้ว ดังนั้นเจ้าของโพสต์จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินที่จะโอนให้
"คุณ 2 คนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะฉันจองไว้แล้ว คนละ 1,650 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1,690 บาท)"
และวันต่อมาเจ้าสาวก็ยังส่งข้อความมาทวงอีกครั้ง ว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีมาให้เลยไหม
คำตอบจากเจ้าสาวทำให้ทางเจ้าของโพสต์ไม่พอใจเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้รับแม้แต่บัตรเชิญ แถมยังเป็นแค่คนรู้จักที่ไม่ได้สนิทกัน แค่มีเพื่อนร่วมกันเท่านั้น การที่เจ้าสาวมาทวงเงินจากเธอแบบนี้จึงทำให้เธอตะลึงมาก ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า
"ฉันขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงาน ฉันก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวของฉันป่วย แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของฉัน โปรดรับเงิน 1,200 ดอลลาร์ไต้หวันนั่นไว้ ยังไงซะฉันก็ยังไม่ได้รับซองแดง ไม่ได้รับบัตรเชิญร่วมงาน หรือแม้แต่เค้กแต่งงาน แต่ลืมมันไปเถอะและไม่ต้องส่งมาอีก ฉันขอให้คุณมีความสุขกับชีวิตแต่งงานแล้วกัน"
ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ชี้ว่า จริง ๆ เธอก็ไม่ได้รู้จักเจ้าสาวดีนัก แทบจะไม่เคยนัดส่วนตัวกัน อย่างมากก็แค่มีปฏิสัมพันธ์กันบนอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งคราว ที่พวกเธอรู้จักก็เพราะมีเพื่อนร่วมกันเท่านั้น สถานะจึงเป็นเพียงคนรู้จักมากกว่าจะเป็นเพื่อน
ขณะที่ชาวเน็ตต่างก็ร่วมวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น โดยบ้างก็ตั้งคำถามว่า "มันเป็นเรื่องปกติเหรอที่จะมาออกปากขอซองกันแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจไม่ไปร่วมงาน" ขณะที่หลาย ๆ คนมองว่า หากเป็นตัวเองก็คงไม่ไปงานของคนที่ไม่ได้สนิทกัน และแน่นอนว่าในกรณีแบบนี้ พวกเขาคงไม่ใส่ซองให้ด้วยซ้ำ เจ้าของโพสต์ไม่มีความจำเป็นต้องโอนเงินไปแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลจาก SETN, CTWANT