แม่เลี้ยงเดี่ยวอึ้ง อยู่ ๆ มีเงินในบัญชีหลักล้าน รีบติดต่อธนาคารเพื่อคืนเงิน มั่นใจต้องมีคนโอนเงินผิด ถึงกับน้ำตาไหลเมื่อได้รู้ ใครโอนมาให้ ตอบแทนน้ำใจที่เคยได้รับ
วันที่ 23 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Sohu มีรายงานเรื่องราวของ หลี่ เถียนเหม่ย คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจากเมืองหยางโจว ประเทศจีน ที่ต้องแบกรับภาระความลำบากมากมายนับตั้งแต่สามีจากไป แต่ในขณะที่เธอเผชิญเรื่องท้าทายมากมายในชีวิต หลี่ เถียนเหม่ย ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันหนึ่งจะพบกับเรื่องช็อก เมื่อมียอดเงินปริศนาโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารของเธอถึง 15.3 ล้านหยวน (ราว 71 ล้านบาท)
แต่แทนที่จะดีใจ หลี่ เถียนเหม่ยกลับเต็มไปด้วยความกังวล และรีบติดต่อทางธนาคารเพื่อจะคืนเงินให้เจ้าของเงินที่แท้จริง เธอมั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะเงินก้อนนี้ไม่ใช่ของเธอ ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบข้อมูล เธอก็ได้แต่นั่งภาวนาในเจ้าตัวเจ้าของเงิน เธอกังวลว่าตัวเองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหา และต้องการคืนเงินก้อนนี้โดยเร็ว แต่เธอต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารยืนยันว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินของเธอจริง ๆ จนเมื่อรู้ว่าใครที่เป็นคนโอนเงินนี้มาให้ ก็ทำให้ หลี่ เถียนเหม่ย ถึงกับน้ำตาซึม
ปรากฏว่าในขณะที่ หลี่ เถียนเหม่ย ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง ต้องเผชิญความกดดันด้านการเงิน และปัญหามากมายในชีวิตจนเหนื่อยล้า เธอไม่เคยกล่าวโทษโชคชะตาและยังใช้ชีวิตด้วยความมุ่งมั่น คิดบวก รวมถึงมีน้ำใจเผื่อแผ่ คอยช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนเสมอ แม้ตัวเองจะไม่อยู่ในสถานะร่ำรวยใด ๆ ก็ตาม
กระทั่งวันหนึ่งในอดีต ตอนที่ หลี่ เถียนเหม่ย เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ที่สถานีรถไฟ เธอได้พบกับเด็กหนุ่มตัวผอมแห้งคนหนึ่ง ที่มาขอซื้อข้าวสวย เมื่อพูดคุยกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาด้วยความปวดใจ เพราะปรากฏว่าเด็กหนุ่มเพิ่งสูญเสียงาน ทำให้ไม่มีรายได้ และไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารกินด้วยซ้ำ ดังนั้น หลี่ เถียนเหม่ย จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย ด้วยการเลี้ยงอาหารให้เขาได้กินจนอิ่มท้อง รวมถึงให้เงินเขาอีก 50 หยวน (ราว 230 บาท)
"เอาเงินนี่ไปจ่ายค่ารถไฟกับรถเมล์ ไว้ถ้ามีโอกาสค่อยกลับมาคืนฉันทีหลังก็ได้" หลี่ เถียนเหม่ย กล่าวกับเด็กหนุ่ม
มันเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มากมาย แต่คือน้ำใจยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของเด็กหนุ่ม ขอบคุณเงินก้อนนี้ที่ทำให้เด็กหนุ่มขึ้นรถไฟมาถึงปักกิ่งได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานที่มั่นคง และทุ่มความพยายามจนในที่สุดก็เก็บเงินมาทำธุรกิจของตัวเองได้ เด็กหนุ่มเปิดบริษัทนำเข้าสินค้า และสร้างรายได้จนร่ำรวย
เป็นเวลานานถึง 15 ปี ที่เขาเคยได้รับความช่วยเหลือจาก หลี่ เถียนเหม่ย และตอนนี้เมื่อเขาทราบถึงสถานการณ์ของเธอ จึงตัดสินใจแอบโอนเงินจำนวน 15.3 ล้านหยวน เข้าบัญชีของเธอเพื่อแสดงความขอบคุณ
ด้าน หลี่ เถียนเหม่ย เมื่อได้ทราบชื่อของคนที่โอนเงินมาให้ เธอก็จำได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเองเคยช่วยไว้ ในตอนนั้นเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน ใจหนึ่งเธอรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจกับความสำเร็จของเด็กหนุ่ม และสัมผัสได้ว่าน้ำใจที่หยิบยื่นแก่เขาในวันนั้นไม่สูญเปล่า แต่อีกใจก็รู้สึกผิด เพราะเธอช่วยเขาด้วยใจล้วน ๆ ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดตอบแทนแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าเรื่องราวดังกล่าวก็กลายเป็นข่าวดังไปทั่วเมือง ผู้คนต่างชื่นชมความมีน้ำใจของ หลี่ เถียนเหม่ย ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ยินดีช่วยเหลือคนอื่นเสมอแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนที่มั่งมี รวมถึงชื่นชมในตัวเด็กหนุ่มที่ยังซาบซึ้งในน้ำใจของ หลี่ เถียนเหม่ย เสมอ ขณะที่เรื่องราวดังกล่าวก็ได้กลายเป็นเรื่องเตือนใจของผู้คน ให้หมั่นทำเรื่องราวดี ๆ เข้าไว้ เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าความดีที่เราทำไปจะนำสิ่งใดมาสู่ตัวเราในอนาคตบ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก Sohu, kenh14.vn
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
วันที่ 23 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Sohu มีรายงานเรื่องราวของ หลี่ เถียนเหม่ย คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจากเมืองหยางโจว ประเทศจีน ที่ต้องแบกรับภาระความลำบากมากมายนับตั้งแต่สามีจากไป แต่ในขณะที่เธอเผชิญเรื่องท้าทายมากมายในชีวิต หลี่ เถียนเหม่ย ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันหนึ่งจะพบกับเรื่องช็อก เมื่อมียอดเงินปริศนาโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารของเธอถึง 15.3 ล้านหยวน (ราว 71 ล้านบาท)
แต่แทนที่จะดีใจ หลี่ เถียนเหม่ยกลับเต็มไปด้วยความกังวล และรีบติดต่อทางธนาคารเพื่อจะคืนเงินให้เจ้าของเงินที่แท้จริง เธอมั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะเงินก้อนนี้ไม่ใช่ของเธอ ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบข้อมูล เธอก็ได้แต่นั่งภาวนาในเจ้าตัวเจ้าของเงิน เธอกังวลว่าตัวเองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหา และต้องการคืนเงินก้อนนี้โดยเร็ว แต่เธอต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารยืนยันว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินของเธอจริง ๆ จนเมื่อรู้ว่าใครที่เป็นคนโอนเงินนี้มาให้ ก็ทำให้ หลี่ เถียนเหม่ย ถึงกับน้ำตาซึม
ปรากฏว่าในขณะที่ หลี่ เถียนเหม่ย ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง ต้องเผชิญความกดดันด้านการเงิน และปัญหามากมายในชีวิตจนเหนื่อยล้า เธอไม่เคยกล่าวโทษโชคชะตาและยังใช้ชีวิตด้วยความมุ่งมั่น คิดบวก รวมถึงมีน้ำใจเผื่อแผ่ คอยช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนเสมอ แม้ตัวเองจะไม่อยู่ในสถานะร่ำรวยใด ๆ ก็ตาม
กระทั่งวันหนึ่งในอดีต ตอนที่ หลี่ เถียนเหม่ย เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ที่สถานีรถไฟ เธอได้พบกับเด็กหนุ่มตัวผอมแห้งคนหนึ่ง ที่มาขอซื้อข้าวสวย เมื่อพูดคุยกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาด้วยความปวดใจ เพราะปรากฏว่าเด็กหนุ่มเพิ่งสูญเสียงาน ทำให้ไม่มีรายได้ และไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารกินด้วยซ้ำ ดังนั้น หลี่ เถียนเหม่ย จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย ด้วยการเลี้ยงอาหารให้เขาได้กินจนอิ่มท้อง รวมถึงให้เงินเขาอีก 50 หยวน (ราว 230 บาท)
"เอาเงินนี่ไปจ่ายค่ารถไฟกับรถเมล์ ไว้ถ้ามีโอกาสค่อยกลับมาคืนฉันทีหลังก็ได้" หลี่ เถียนเหม่ย กล่าวกับเด็กหนุ่ม
มันเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มากมาย แต่คือน้ำใจยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของเด็กหนุ่ม ขอบคุณเงินก้อนนี้ที่ทำให้เด็กหนุ่มขึ้นรถไฟมาถึงปักกิ่งได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานที่มั่นคง และทุ่มความพยายามจนในที่สุดก็เก็บเงินมาทำธุรกิจของตัวเองได้ เด็กหนุ่มเปิดบริษัทนำเข้าสินค้า และสร้างรายได้จนร่ำรวย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ในขณะที่เขาประสบความสำเร็จ
ชายคนนี้ไม่เคยลืมหญิงมีน้ำใจที่เคยช่วยเหลือเขาไว้
เธอเป็นเหมือนผู้มอบชีวิตที่ 2 แก่เขา แต่เพราะเขาไม่มีข้อมูลใด ๆ
เกี่ยวกับตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงเดินทางกลับไปที่เมืองหยางโจวในปี 2558
ขอความช่วยเหลือจากตำรวจจนทราบข้อมูลของผู้มีพระคุณจนได้ เป็นเวลานานถึง 15 ปี ที่เขาเคยได้รับความช่วยเหลือจาก หลี่ เถียนเหม่ย และตอนนี้เมื่อเขาทราบถึงสถานการณ์ของเธอ จึงตัดสินใจแอบโอนเงินจำนวน 15.3 ล้านหยวน เข้าบัญชีของเธอเพื่อแสดงความขอบคุณ
ด้าน หลี่ เถียนเหม่ย เมื่อได้ทราบชื่อของคนที่โอนเงินมาให้ เธอก็จำได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเองเคยช่วยไว้ ในตอนนั้นเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน ใจหนึ่งเธอรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจกับความสำเร็จของเด็กหนุ่ม และสัมผัสได้ว่าน้ำใจที่หยิบยื่นแก่เขาในวันนั้นไม่สูญเปล่า แต่อีกใจก็รู้สึกผิด เพราะเธอช่วยเขาด้วยใจล้วน ๆ ไม่ได้คาดหวังสิ่งใดตอบแทนแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าเรื่องราวดังกล่าวก็กลายเป็นข่าวดังไปทั่วเมือง ผู้คนต่างชื่นชมความมีน้ำใจของ หลี่ เถียนเหม่ย ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ยินดีช่วยเหลือคนอื่นเสมอแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนที่มั่งมี รวมถึงชื่นชมในตัวเด็กหนุ่มที่ยังซาบซึ้งในน้ำใจของ หลี่ เถียนเหม่ย เสมอ ขณะที่เรื่องราวดังกล่าวก็ได้กลายเป็นเรื่องเตือนใจของผู้คน ให้หมั่นทำเรื่องราวดี ๆ เข้าไว้ เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าความดีที่เราทำไปจะนำสิ่งใดมาสู่ตัวเราในอนาคตบ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก Sohu, kenh14.vn