วิเคราะห์แผน พอล วรัตน์พล ทำยังไง ถึงรวยคนเดียวระดับพันล้าน เชื่อไม่มีใครเอาผิดได้

         เพจดังออกมาวิเคราะห์ลากไส้ พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล จาก The iCON โดนหาว่า หลอกลวง สาวตั้งแต่ต้นจนจบ การตลาดที่ทำยังไง ถึงรวยได้พันล้าน และเป็นการรวยคนเดียว งานนี้เชื่อ พอล ยังไงก็รอด เพราะใสมาตั้งแต่ต้น แต่แม่ทีม เซฟตัวเองให้ดี


  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON

         จากกรณีที่กำล้งเป็นประเด็น กับการที่มีเหยื่อหลายคนออกมาพูดถึง  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอของ ดิไอคอน กรุ๊ป ว่ามีการทำธุรกิจในเชิงหลอกลวง มีดาราจนถึงชาวบ้านหลายคนตกเป็นเหยื่อ โดยพบว่าก่อนหน้านี้ พอล ได้ออกมาเผยถึงชีวิตเมื่อสิบปีก่อน ที่ไม่มีอะไรเลย จนมีวันนี้

         อ่านเพิ่มเติม ย้อนเส้นทางรวย พอล วรัตน์พล จากไม่มีกินจนมีพันล้าน สู่อาณาจักร The iCON Group

         ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก เหยื่อ V.2 ได้ออกมาวิเคราะห์แผนของ พอล The iCON ไว้ดังนี้

จุดเริ่มต้น พอล วรัตน์พล The iCON ลูกศิษย์ ธเนตร นักการตลาดระดับต้น ๆ และเหตุที่พอลยิงแอดจนเก่ง


         พอล ดิไอคอน เป็นลูกศิษย์ของคุณ ธเนตร นักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้น ๆ และคุณธเนตรได้เข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global ซึ่งในยุคนั้น การตลาดขายตรงมีกฎว่าห้ามเอาสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อป้องกันการที่สมาชิกขายตัดราคากัน หากใครทำจะถือว่าผิดกฎบริษัท แต่มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ที่ชื่อว่า แพทริก จาง ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่าจะพัฒนาระบบชวนคนแบบออนไลน์ ให้สามารถชวนคนจากทั่วโลกมาเป็นสมาชิกได้ เช่นตัวเราอยู่ที่เมืองไทย ก็สามารถมีดาวน์ไลน์ที่ไต้หวัน ลาว ได้หมด จนเกิดการทำตลาดแบบ "ชวนคน" ออนไลน์ แต่ถ้าอยากได้สินค้า ให้ไปซื้อที่เว็บไซต์เหมือนเดิม

ธเนตร

         คุณธเนตร ได้มาเปิดธุรกิจนี้ในเมืองไทย และได้พอลมาเป็นดาวน์ไลน์ ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคตื่นแอด ค่ายิงแอดบนเฟซบุ๊กถูกมาก ๆ คลิกละ 5 สตางค์ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้งก็แค่ 1 บาท ใครก็ยิงแอดได้และทำได้หมด ซึ่งพอลก็หัดยิงแอดจนชำนาญ เพราะการทำการตลาดยิงแอดมันถูกมากนั่นเอง

         เมื่อพอลมาเจอคุณธเนตร จึงเกิดเป็น 2 พลังมหาศาล คนหนึ่งเก่งยิงแอด คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน 
คุณธเนตรมีกำไรพันล้าน พอลมีกำไรร้อยล้าน และพอลก็ได้ไปออกรายการ ตีสิบ จนตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็น "พอล ตีสิบ" และตลอดเวลา พอลก็ซึมซับความรู้จากคุณธเนตร จนสุดท้าย พอลได้มาทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่ชื่อว่า The iCON ซึ่งช่วงแรกที่ทำก็จะเป็นสินค้า กาแฟ คอลลาเจน เพราะชวนคนง่าย เข้าถึงคนง่าย พอลใช้วิธีการทำโปรโมชั่น หากสมัครสมาชิกจะได้ไปเที่ยวฟรีตามจังหวัดต่าง ๆ เน้นไปดีลโรงแรม 3 ดาว จองห้องไว้สัมมนา

พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล
ภาพจาพ ตีสิบ

ลูกค้า พอล วรัตน์พล The iCON ตอนแรกเน้นคนแก่ เปิดบิลแล้วพาไปเที่ยว ชวนคนมาเรื่อย


         ลูกค้าในช่วงแรกของพอลนั้น จะเป็นคนแก่วัยเกษียณ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะผลักดันให้พอลอยู่รอดได้ในช่วงแรก ให้ลูกค้าเปิดบิลซื้อสินค้าแล้วไปเที่ยว ถ้าเปิดเยอะก็ชวนเพื่อนมาได้อีก คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอ ไม่ต่างกับซื้อสินค้า และได้ไปเที่ยวฟรีกับเพื่อน ๆ คนแก่หลายคนก็ไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลหนักหน่อย เพื่อให้ได้พาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน

         การเที่ยวนั้นคือไปเที่ยวทะเล หลังกินข้าวเสร็จ วันต่อมาจะมีอีเวนต์กลางคืน พบคนดังคือ บอสพอล ตีสิบ และพอลจะมาถึงหลังจากทุกคน 1 วันเสมอ เพื่อขอบคุณสมาชิก และชักชวนคนที่ชวนเพื่อนมา ให้สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้า จะได้มาเที่ยวด้วยกันครั้งหน้า คนแก่หลายคนอยากเที่ยวก็เปิดบิลซ้ำ เปิดบิลใหม่ และด้วยแผนนี้ ทำให้ปีแรกของการเปิดบริษัท พอลมีกำไรทันที

พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

พอล วรัตน์พล ดิไอคอน เจาะกลุ่มใหม่ เป็นคนวัยทำงานอยากรวยไว สอนยิงแอด 89 บาท - รวยจากการทำ OPM


         พอลเริ่มไปซื้อรถซูเปอร์คาร์ และเปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะกลุ่มคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือคนอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่อยากมีรถ บ้าน กระเป๋าแบรนด์เนม ใช้คอร์สออนไลน์สอนการทำตลาด ซึ่งในยุคนั้น ค่าโฆษณายิงแอดบนเฟซบุ๊กยังไม่แพง จากคลิกละ 10 สตางค์ สู่คลิกละ 50 สตางค์ จ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนคลิกได้ 2,000 คลิก และสมมุติว่าในจำนวน 2,000 คลิก มีคนที่สนใจ 1% ทักมาซื้อสินค้า 20 คน คอร์สก็จะมีบทให้ปิดการขาย แค่มีโน้ตบุ๊กก็สามารถตั้งโฆษณาได้ และราคาที่ตั้งไว้ขายสินค้าและชวนคนเข้าทีมคือ 89 บาท

           89 บาทนั้น คือค่าเฉลี่ยจากเทคนิค OPM หรือ Other People Money โดยการพัฒนาการสอน ตั้งแม่ทีม คิดค่าเรียนยิงแอด 89 บาท และเอาเงิน 89 บาทนี้ไปยิงโฆษณา เท่ากับว่า พอลจะได้ Facebook Ads Account มหาศาล โดยที่ตัวเองไม่ต้องสมัครเอง ไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณา และต่อให้โดนแบน พอลก็ไม่ต้องไปคุมเอง จากนั้น ก็จะมีการให้เปิดบิล อาจจะเริ่มจาก 2,000-5,000 บาท ถ้าแม่ทีมเก่งก็เปิดบิลใหญ่ 250,000 บาท เที่ยวฟรีได้เป็นสิบครั้ง และมีโควตาชวนคนอื่นมาได้อีก นั่นจึงทำให้คนยิ่งเข้าหามาก เพราะนอกจากจะได้เรียนยิงแอดแล้ว ยังได้เที่ยวด้วย

           และด้วยเทคนิคนี้ ทำให้ยอดขายของพอลพุ่งหลักร้อยล้านทันที พอลจะไม่ใช้คำว่าทำ MLM แต่เรียกระบบบริษัทว่า ระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่ต่อต้าน และพอลได้ขออนุญาตทำการตลาดขายตรงไว้แล้ว บริษัทจึงดำเนินการแบบนี้ได้ โดยไม่มีความผิด

The iCON Group


พอล วรัตน์พล ดิไอคอน เริ่มเจอวิกฤต คนขายเยอะกว่าคนซื้อ ยิงแอดไปไม่คุ้ม ผลของการดึงดารามาพยุงธุรกิจ


           เมื่อโควิดหมดและเริ่มเปิดประเทศ คนก็เริ่มหางานออนไลน์ทำ เพราะคนยังกลัวโควิดแต่ต้องทำมาหากิน อันเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท ซึ่งในตอนแรก คนที่มาเรียนก็แค่อยากมีรายได้ แต่พอเจอคนพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ถือแบรนด์เนม ก็เริ่มอยากรวยมาก เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมาก ชวนกันมาก เปิดบิลมาก เที่ยวกันสะใจ ทีมงานของพอลก็โพสต์ภาพกินเที่ยวเต็มโซเชียล ซึ่งสุดท้าย ก็ต้องเข้าสู่หลักการ Demands-Supply คนขายเยอะกว่าคนซื้อ ทุกคนแห่ไปยิงแอดโฆษณาเต็มเฟซบุ๊ก ค่าโฆษณาก็พุ่ง เพราะทุกคนต้องการ Placement จนเกิดการประมูลราคากันแบบออโต้ และทำให้เอไอของเฟซบุ๊ก ลากราคาไปสุด ๆ ที่คลิกละ 10 บาท

           เมื่อเจอแบบนี้ หลายเริ่มเจ๊ง สต็อกล้นมือ สู้ค่าโฆษณาไม่ไหว ยิงแอดไปก็ไปซ้ำกับคนเดิม เหมือนกับทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของดิไอคอนอยู่แล้ว จึงไม่ง่าย เริ่มเจอคนหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนรากหญ้า ยอดขายปีต่อมา จาก 4,000 กว่าล้าน จึงตกไปที่ 3,000 กว่าล้านบาท

           แต่พอลก็ต้องไปต่อ จึงต้องหาคนมาช่วยพยุงธุรกิจ ซึ่งนั่นก็คือ ดารา และดาราคนแรก ๆ ก็คือ กันต์ กันตถาวร ตอนแรกกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์ แต่มายืนถือสินค้าหลังดาราคนอื่น และเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์บริษัทให้ดียิ่งขึ้น กันต์จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น CMO เพื่อบอกว่า บริษัทสะอาดโปร่งใส ขนาดดารายังมาทำงานด้วย มีดารามาการันตี ซึ่ง ณ ตอนนี้ ค่าโฆษณาแพงแล้ว คนที่มาทำก็เริ่มเจ๊ง

กันต์ กันตถาวร


พอล วรัตน์พล  ดิไอคอน ปรับการตลาดหลังยอดตก 40% ให้แม่ทีมมาถ่ายรูปกับรถสปอร์ต รู้ว่าหลอกแต่ยังทำ


         อย่างไรก็ตาม งานนี้หากใครจะเอาผิด พอล ดิไอคอน อาจจะเอาผิดไม่ได้ เพราะเรื่องของกฎหมาย สคบ. จะตีความการตลาดของพอลว่า ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่เป็นการขายไปยังตัวแทน ทำให้ใครก็ตามที่ร้องเรียนเรื่องนี้กับ สคบ. จะทำอะไรพอลไม่ได้ และพอลไม่ได้ต้องรับผิดชอบอะไรเลย นอกจากพอลจะการันตีว่ายิงแอดแล้วจะปัง

         พอลเริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดด้านใน ให้คนมาถ่ายรูปกับรถแล้วไปยิงแอด จากที่พาคนไปเที่ยว กลายเป็นสร้างภาพว่ารวยแทน ซึ่งบางคนเริ่มรู้ว่า ค่ายิงโฆษณาค่อนข้างแพง การจะไปชวนคนทำต่อลึก ๆ ก็ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้ และถอยออกมาหาเงินใช้หนี้

         ยอดขายปีต่อมาของ ดิไอคอนกรุ๊ป ก็ตกต่อไป เหลือ 1,800 ล้าน จาก 3,000 ล้าน หายไปกว่า 40% พอลก็ต้องหาทางยื้อธุรกิจของตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามากขึ้น ผลิตของมากขึ้น เปิดบิลและหมุนไปยิงสินค้า SKU ใหม่ ๆ จนกลายเป็นความวิบัติ พอลไม่ได้คุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี จากแม่ทีมสอนยิงแอด เริ่มสถาปนาตัวเป็นโค้ช ทุกคนไปถ่ายรูปกับรถสปอร์ตของบอสพอล จากกลายเป็นการตลาดแบบหลอกลวง ด้วยการที่มีคนสร้างโปรไฟล์จอมปลอม เอารถคนอื่นมาบอกว่าเป็นรถของตัวเอง ทำให้คนเชื่อว่าทำธุรกิจกับ The iCON แล้วรวย

           อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้พอลเหมือนหลับตาข้างเดียว ปล่อยแม่ทีมทำตามอำเภอใจ จนกลายเป็นเรื่องอย่างทุกวันนี้

ธุรกิจ พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON  ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

ยิงแอดตอนนี้ ไม่ง่ายเหมือนก่อน ทำให้ พอล วรัตน์พล ดิไอคอน ต้องจ้าง โดม-มิน-แซม


           สิ่งที่ต้องรู้คือ การยิงแอดออนไลน์มันตายไปแล้ว 3 ปี หลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทน เพราะทำแล้วอยู่ไม่รอดสักราย เหตุผลเพราะค่าโฆษณาแพงกว่ามาร์จิ้นไปแล้ว คนเดียวที่จะอยู่ได้คือ เจ้าของสินค้า ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมตเอง ถึงจะรอด

           และตอนนี้ คนก็หนีจากยิงแอดเฟซบุ๊ก ไปยิงแอดที่ Shopee Lazada แต่ปี 2567 ทั้งสองแพลตฟอร์มก็เริ่มเอาไม่อยู่ คนก็หันไปยิงแอด TikTok แต่อีกไม่นานก็น่าจะเอาไม่อยู่ และวนลูปเดิมไป เพราะค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มนั้น ถ้าขึ้นแล้วไม่มีวันลง บอสพอลจึงต้องยืดชีวิตด้วยการจ้างดาราไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คนยังกรี๊ดกับธุรกิจ นั่นจึงหมายถึงการไปเลือก โดม ปกรณ์ ลัม เพื่อหาลูกค้ามีอายุ และ มิน พีชญา เพื่อหาลูกค้าระดับอายุ 30+ รวมไปถึงแซม ยุรนันท์ ที่เป็นระดับดาราและนักการเมือง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ อย่างที่พอลทำมาตลอด 3 ปี

           บริษัท ดิไอคอน ไม่ได้จ่ายค่าคอมมิชชั่น แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยว ใครไม่อยากไปเที่ยวก็ขายสิทธิ์นั้นออกไป จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมมิชชั่นได้เยอะ และได้กำไรจากการจัดทัวร์อีก และสินค้าที่บอกว่า สต็อกไว้ในโกดัง 100% แต่พอไปเบิกจะเบิกไม่ได้ 100% เพราะเป็น Dropship คือต้องขายสินค้าให้ได้ บริษัทถึงจะเบิกของให้ ไม่ให้เอาของไปกองไว้ที่บ้าน และเปิดบิลดีลเลอร์ ต้องรอของผลิต 2 เดือน กว่าจะได้ของครบก็ต้องรอไปเรื่อย ๆ จนกว่าของจะเข้า ได้ออร์เดอร์มาแล้วค่อยผลิต จึงเป็นช่องให้พอลเอาเงินไปหมุนได้

บทสรุปสุดท้าย พอล วรัตน์พล ดิไอคอน จะรอดเพราะทุกอย่างถูกต้อง คนที่ไม่รอดคือแม่ทีม ที่แห่มา เซฟบอสพอล


บทสรุปของเรื่องนี้ คือ

           1. พอลจะเป็นคนเดียวที่รวยและรอด เพราะส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากร เพราะพอลเรียนรู้เรื่องนี้จากคุณธเนตร ว่าสรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่น

           2. คอร์สออนไลน์ราคาถูกไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายคุณจะโดนอัปเซลล์ ให้ไปเรียนคอร์สแอดวานซ์ และต้องเป็นเมมเบอร์ จะรวยเป็นล้านต้องเป็นดีลเลอร์

           3. โฆษณาที่ยิงไปจะปังหมด เพราะมีหน้าม้าที่อวตารไปคอมเมนต์ว่าจะสั่งซื้อ แต่ซื้อจริงไม่ถึง 20% ปิดการขายไม่ได้ ตอบแชตกับผี และคนที่ซวยก็คือดาวน์ไลน์ บางคนอาจจะโดนหลอกว่าถ้าจะทำทั้งทีต้องทำเยอะ เหมือนเปิด 7-11 หลายสาขา

           4. ใครไม่อยากตายอย่าเข้าไปทำ ให้หนีสุดชีวิต เพราะพอลเองก็รู้ว่าเอาธุรกิจไม่อยู่ และหลับหูหลับตาให้ธุรกิจนี้เป็นระเบิดเวลา แต่พอลจะไม่โดนอะไรเลย เพราะพอลทำทุกอย่างใสสะอาดคนเดียว

           5. คนที่ซวยที่สุดคือ แม่ทีมที่ออกมาเซฟบอสพอล แนะนำให้ไปเซฟตัวเองก่อนเลย เพราะพอลได้ทำทุกอย่างถูกต้องตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัท ยากที่กฎหมายจะเอื้อมได้ และจะมีแค่พอลและวงศ์วานเท่านั้น ที่จะรอดจากเรื่องนี้  และสุดท้ายเมื่อทุกอย่างดี พอลก็จะกลับมา

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล

  พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล The iCON
ภาพจาก เฟซบุ๊ก วรัตน์พล วรัทย์วรกุล


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิเคราะห์แผน พอล วรัตน์พล ทำยังไง ถึงรวยคนเดียวระดับพันล้าน เชื่อไม่มีใครเอาผิดได้ อัปเดตล่าสุด 11 ตุลาคม 2567 เวลา 11:15:03 115,187 อ่าน
TOP
x close