ทีมฟุตบอลไนจีเรีย ติดอยู่ในสนามบินกว่า 12 ชั่วโมง ไร้อาหาร ที่พัก หลังเดินทางไปแข่งที่ ลิเบีย ด้านนักเตะโพสต์เดือด เหมือนโดนจับเป็นตัวประกัน
ภาพจาก X @WTroostEkong
วันที่ 14 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์เทเลกราฟ และสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ทีมฟุตบอลทีมชาติไนจีเรีย ออกมาตีแผ่ประสบการณ์สุดย่ำแย่ เมื่อต้องติดอยู่ในสนามบินนานกว่า 12 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีอาหาร สัญญาณ Wi-Fi หรือแม้แต่ที่นอนหลับ ขณะเดินทางไปที่ลิเบีย เพื่อเตรียมทำการแข่งขัน แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก
เดิมที ทีมชาติไนจีเรีย มีกำหนดลงจอดที่เบงกาซี แต่เครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขากลับถูกเปลี่ยนเส้นทางไปที่อัลอับราค ซึ่งอยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางประมาณ 230 กิโลเมตร เมื่อเครื่องบินลงจอด นักเตะถูกห้ามไม่ให้ออกจากสนามบิน และถูกปฏิเสธการดูแลทั้งเรื่องอาหารและที่พัก
ภาพจาก X @WTroostEkong
นักเตะไนจีเรีย ได้แสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียล และบอกว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะลงเล่นในเกมกับลิเบีย ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เพื่อเป็นการประท้วง ซึ่งต่อมาเมื่อเครื่องบินเติมน้ำมันเสร็จ นักเตะทุกคนได้บินกลับไปที่ไนจีเรียทันที
วิลเฟร็ด เอ็นดิดิ กองกลางไนจีเรีย จากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ โพสต์ว่า พวกเขาเหมือนถูกจับเป็นตัวประกันที่สนามบินลิเบีย พร้อมระบุว่า "นี่มันไม่ใช่ฟุตบอลแล้ว มันโครตขายหน้า การจับนักฟุตบอลทีมชาติเป็นตัวประกันคือสิ่งที่น่าอับอาย"
ภาพจาก X @WTroostEkong
วิคเตอร์ โอซิเมน กองหน้าทีมชาติไนจีเรีย โพสต์แถลงการณ์ เรียกร้องให้สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน (CAF) ดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อลิเบียสำหรับพฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรม
สมาคมฟุตบอลไนจีเรีย ยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของลิเบีย สำหรับการเหตุผลที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินของทีมชาติไนจีเรียไปยังสนามบินดังกล่าว ระหว่างนั้นผู้เล่นและทีมงานถูกขังไว้ที่สนามบินโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ
ภาพจาก X @WTroostEkong
อย่างไรก็ดี
ก่อนหน้านี้ไม่นานมีกรณีที่ลิเบียร้องเรียนว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่เช่นกัน
ในเกมที่ต้องไปแข่งขันที่ไนจีเรีย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ซึ่งไนจีเรียเอาชนะไป 1-0 แต่ทางไนจีเรีย ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะที่ปัจจุบันลิเบียถูกกล่าวหาว่าจงใจตอบโต้เพื่อทำลายแผนการเดินทางของไนจีเรีย
ซึ่งต่อมาลิเบียได้แถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวเช่นกัน
ขณะที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน ระบุเพิ่มเติมว่า เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการวินัยเพื่อทำการสอบสวน และจะมีการดำเนินการต่อไป หากพบการละเมิดกฎและระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการ
ภาพจาก X @WTroostEkong
ภาพจาก X @WTroostEkong
ภาพจาก X @WTroostEkong
ขอบคุณข้อมูลจาก Telegraph, BBC
ภาพจาก X @WTroostEkong
วันที่ 14 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์เทเลกราฟ และสำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ทีมฟุตบอลทีมชาติไนจีเรีย ออกมาตีแผ่ประสบการณ์สุดย่ำแย่ เมื่อต้องติดอยู่ในสนามบินนานกว่า 12 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีอาหาร สัญญาณ Wi-Fi หรือแม้แต่ที่นอนหลับ ขณะเดินทางไปที่ลิเบีย เพื่อเตรียมทำการแข่งขัน แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก
เดิมที ทีมชาติไนจีเรีย มีกำหนดลงจอดที่เบงกาซี แต่เครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขากลับถูกเปลี่ยนเส้นทางไปที่อัลอับราค ซึ่งอยู่ห่างจากจุดหมายปลายทางประมาณ 230 กิโลเมตร เมื่อเครื่องบินลงจอด นักเตะถูกห้ามไม่ให้ออกจากสนามบิน และถูกปฏิเสธการดูแลทั้งเรื่องอาหารและที่พัก
ภาพจาก X @WTroostEkong
นักเตะไนจีเรีย ได้แสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียล และบอกว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะลงเล่นในเกมกับลิเบีย ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เพื่อเป็นการประท้วง ซึ่งต่อมาเมื่อเครื่องบินเติมน้ำมันเสร็จ นักเตะทุกคนได้บินกลับไปที่ไนจีเรียทันที
วิลเฟร็ด เอ็นดิดิ กองกลางไนจีเรีย จากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ โพสต์ว่า พวกเขาเหมือนถูกจับเป็นตัวประกันที่สนามบินลิเบีย พร้อมระบุว่า "นี่มันไม่ใช่ฟุตบอลแล้ว มันโครตขายหน้า การจับนักฟุตบอลทีมชาติเป็นตัวประกันคือสิ่งที่น่าอับอาย"
ภาพจาก X @WTroostEkong
วิคเตอร์ โอซิเมน กองหน้าทีมชาติไนจีเรีย โพสต์แถลงการณ์ เรียกร้องให้สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน (CAF) ดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อลิเบียสำหรับพฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรม
สมาคมฟุตบอลไนจีเรีย ยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้รับการอธิบายจากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของลิเบีย สำหรับการเหตุผลที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินของทีมชาติไนจีเรียไปยังสนามบินดังกล่าว ระหว่างนั้นผู้เล่นและทีมงานถูกขังไว้ที่สนามบินโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ
ภาพจาก X @WTroostEkong
ขณะที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน ระบุเพิ่มเติมว่า เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการวินัยเพื่อทำการสอบสวน และจะมีการดำเนินการต่อไป หากพบการละเมิดกฎและระเบียบข้อบังคับของคณะกรรมการ
ภาพจาก X @WTroostEkong
ภาพจาก X @WTroostEkong
ภาพจาก X @WTroostEkong