เกมแล้ว ! นัตตี้ นัทธมณ ยูทูบเบอร์ดัง เจ้าของช่อง Nutty’s Diary โดนรวบพร้อมแม่ คดีตุ๋นเหยื่อเทรดหุ้น 2 พันล้าน หลังหนีไปกบดานที่อินโดนีเซีย
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงชุดสืบสวน บช.สอท. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัว น.ส.นัทธมณ ลีอาห์ หรือ นัตตี้ นัทธมณ ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง "Nutty’s Diary" ที่มีผู้ติดตามกว่า 8 แสนราย
สืบเนื่องมาจาก นัตตี้ นัทธมณ ถูกผู้เสียหายหลายรายร้องเรียน ปมโกงเงินผ่านการเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่าสองพันล้านบาท ถูกศาลอาญาออกหมายจับที่ 1919/2565 ลงวันที่ 12 กันยายน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนหรือปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน, โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนในการกู้ยืมเงิน ว่าจะจ่ายหรืออาจจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะจ่ายได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ ที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเพียงพอที่จะนำมาจ่าย และเป็นเหตุให้ได้กู้ยืมเงินไป
ต่อมาชุดสืบสวน บช.สอท. สืบสวนจนทราบว่า นอกจาก นัตตี้ นัทธมณ แล้ว ยังมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน คือ นางธานิยา ผู้เป็นมารดา และ น.ส.ณิชาภัทร เลขาฯ ส่วนตัว และถูกศาลออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน พบความเคลื่อนไหวว่าทั้ง 3 คนได้หลบหนีออกนอกประเทศไทย จึงแกะรอยพบความเชื่อมโยงว่ากบดานอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย
จากนั้นทาง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานความร่วมมือกับทางการประเทศอินโดนีเซีย และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำอินโดนีเซีย ตำรวจสากลประเทศไทย ตำรวจสากลประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับส่งชุดทำงานร่วมกันติดตามตัว กระทั่งสามารถจับกุม นัตตี้ นัทธมณ และผู้เป็นแม่ ได้ที่เมืองดูไม จังหวัดรีเยา บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นัตตี้ นัทธมณ และแม่ ได้ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่ต้องรอให้ทางอินโดนีเซียดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและการอนุญาตสิ้นสุดก่อน โดยมีรายงานว่าทางการอินโดนีเซียเตรียมส่งตัวให้ทางการไทยในวันพรุ่งนี้ (25 ตุลาคม) เวลา 13.00 น. ซึ่งทาง ผบ.ตร. และผู้ช่วย รวมถึงชุดทำงาน จะเดินทางไปรับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงชุดสืบสวน บช.สอท. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัว น.ส.นัทธมณ ลีอาห์ หรือ นัตตี้ นัทธมณ ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง "Nutty’s Diary" ที่มีผู้ติดตามกว่า 8 แสนราย
สืบเนื่องมาจาก นัตตี้ นัทธมณ ถูกผู้เสียหายหลายรายร้องเรียน ปมโกงเงินผ่านการเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่าสองพันล้านบาท ถูกศาลอาญาออกหมายจับที่ 1919/2565 ลงวันที่ 12 กันยายน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนหรือปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน, โฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนในการกู้ยืมเงิน ว่าจะจ่ายหรืออาจจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะจ่ายได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ ที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเพียงพอที่จะนำมาจ่าย และเป็นเหตุให้ได้กู้ยืมเงินไป
ต่อมาชุดสืบสวน บช.สอท. สืบสวนจนทราบว่า นอกจาก นัตตี้ นัทธมณ แล้ว ยังมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก 2 คน คือ นางธานิยา ผู้เป็นมารดา และ น.ส.ณิชาภัทร เลขาฯ ส่วนตัว และถูกศาลออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน พบความเคลื่อนไหวว่าทั้ง 3 คนได้หลบหนีออกนอกประเทศไทย จึงแกะรอยพบความเชื่อมโยงว่ากบดานอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย
จากนั้นทาง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานความร่วมมือกับทางการประเทศอินโดนีเซีย และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำอินโดนีเซีย ตำรวจสากลประเทศไทย ตำรวจสากลประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับส่งชุดทำงานร่วมกันติดตามตัว กระทั่งสามารถจับกุม นัตตี้ นัทธมณ และผู้เป็นแม่ ได้ที่เมืองดูไม จังหวัดรีเยา บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นัตตี้ นัทธมณ และแม่ ได้ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่ต้องรอให้ทางอินโดนีเซียดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและการอนุญาตสิ้นสุดก่อน โดยมีรายงานว่าทางการอินโดนีเซียเตรียมส่งตัวให้ทางการไทยในวันพรุ่งนี้ (25 ตุลาคม) เวลา 13.00 น. ซึ่งทาง ผบ.ตร. และผู้ช่วย รวมถึงชุดทำงาน จะเดินทางไปรับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์