พ่อสามีเพิ่งเกษียณ หอบเงิน 4 แสนมาขออยู่ด้วย ไม่ถึง 2 เดือน มีเหตุให้บ้านพัง ถามขอความช่วยเหลือควรทำอย่างไร
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวจากหญิงรายหนึ่งในเวียดนาม หลังจากเธอแต่งงานกับสามี ก็ได้แยกครอบครัวออกมาอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ของเธอได้มอบที่ดินให้ผืนหนึ่ง พร้อมกับเงิน 2 พันล้านดอง (ราว 2.6 ล้านบาท) โดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องดูแลพี่ชายคนเดียวของเธอที่พิการขาทั้ง 2 ข้าง และทุก ๆ เดือนพ่อแม่ของเธอจะให้เงินช่วยเหลือเดือนละ 2 ล้านดอง (ราว 2,600 บาท) สำหรับค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลของเขา ซึ่งเธอก็ได้ตกลงเรื่องนี้กับสามีเรียบร้อยก่อนที่จะแต่งงานกัน
เธอและสามีมีลูกด้วยกัน 1 คน อีกทั้งเธอยังมีพี่ชายที่ต้องคอยดูแลอีก รวมเป็น 4 คน จึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งในตอนแรกทางครอบครัวของสามีก็ไม่ได้มาสนใจอะไรครอบครัวของเธอ แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่พ่อของสามีเกษียณจากการทำงาน อยู่ ๆ เขาก็มาขออาศัยอยู่ที่บ้านของเธอกับสามีด้วย พร้อมกับเงินติดตัวมา 300 ล้านดอง (ราว 4 แสนบาท)
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากพ่อสามีเกษียณอายุการทำงาน เขาได้รับเงินจำนวน 600 ล้านดง (ราว 8 แสนบาท) โดยแบ่งให้แม่สามีไปครึ่งหนึ่ง ส่วนตัวเองเหลืออีกครึ่งหนึ่ง เนื่องจากเขามีปัญหากับภรรยาจึงไม่อยากอยู่ด้วยกัน จึงตั้งใจย้ายครัวเรือนมาหาลูกชายและลูกสะใภ้ให้ดูแลเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต
ทางภรรยารู้สึกไม่สะดวกใจที่ให้พ่อสามีมาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่เนื่องจากเธอรักสามีมากจึงยอม ตอนแรกเธอยกชั้นสองของบ้านให้พ่อสามีอยู่ ส่วนเธอกับสามีและลูก รวมทั้งพี่ชายของเธออาศัยอยู่ที่ชั้นล่างเพื่อความสะดวก เนื่องจากพี่ชายของเธอต้องนั่งรถเข็นจึงขึ้น-ลงบันไดไม่ได้ ส่วนลูกเธอก็ยังเล็กจึงกลัวการขึ้นบันได แต่พ่อสามีกลับไม่พอใจ บอกว่า เขาแก่แล้วปวดกระดูกและข้อ จะปล่อยให้เขาต้องขึ้น-ลงบันไดทุกวันได้อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงเขายังแข็งแรงดีอยู่
ในที่สุด เพื่อตัดปัญหา ทางภรรยาและสามีจึงต้องพาลูกย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นสองอย่างไม่เต็มใจ ส่วนพ่อของสามีก็ได้อยู่ในห้องใหญ่สุดของครอบครัว เมื่ออยู่ที่ชั้นล่าง พ่อของสามีก็มักจะเจอกับพี่ชายของเธอบ่อย ๆ แต่เขาไม่ชอบหน้าพี่ชายของเธอ ทั้งที่พี่ชายของเธอแม้ว่าจะพิการ แต่ก็ช่วยงานบ้านบางอย่างได้ เช่น ล้างจาน เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า หรือทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้ แถมยังไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่ทำงานออนไลน์หารายได้เดือนละ 4-5 ล้านดอง (ราว 5-6 พันบาท)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
พ่อสามีมักแสดงท่าทีรังเกียจพี่ชายของเธอ
บางครั้งก็หาเรื่องต่อว่า เช่น ล้างจานไม่สะอาดมีกลิ่นสบู่
เวลาที่พี่ชายของเธอทำงานอยู่ในห้องไม่ออกมาข้างนอก
ก็จะตำหนิว่าเขาเกียจคร้านเอาแต่กินและนอน ซึ่งทางภรรยารู้สึกโกรธมาก
จึงเถียงกลับไปหลายครั้งเพื่อปกป้องพี่ชาย
แต่ทางพ่อสามีกลับมาว่าเธออย่างฉุนเฉียว ทำให้เธอทำอะไรไม่ได้
ส่วนสามีของเธอก็บอกให้อดทน แต่พฤติกรรมของพ่อสามีก็ยังเป็นเช่นเดิม
กระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อสามีเข้าไปในห้องของพี่ชายของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต และเผลอทำของที่ระลึกที่เป็นรูปของครอบครัวแตก พี่ชายของเธอโกรธมากจนทนไม่ไหว จึงตะโกนเสียงดังใส่พ่อสามี แต่พ่อสามีก็ไม่ยอม ตะโกนเสียงดังโต้กลับอย่างไม่รู้สึกผิดใด ๆ แถมยังชี้หน้าไล่พี่ชายของเธอให้ออกไปจากบ้าน ทำราวกับว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเขาเอง
ทางภรรยาทนเห็นภาพที่เกิดขึ้นไม่ไหว จึงร้องไห้ออกมาเสียงดัง ด้านสามีของเธอจึงเข้ามายุติความวุ่นวายด้วยอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน เขาบอกให้พ่อของเขาเก็บข้าวของพร้อมกับเงินแสนที่เอามา แล้วเอากลับไปอยู่ที่บ้านเกิดให้ญาติพี่น้องช่วยดูแลแทน และขอร้องให้หยุดรบกวนชีวิตครอบครัวของเขา
เมื่อทางพ่อสามีเห็นลูกชายตัวเองโมโห เขาตัดพ้อว่าลูกชายกลัวภรรยา ปกป้องแต่ภรรยา แต่ไม่ปกป้องพ่อ ก่อนที่ออกจากห้องไปเงียบ ๆ แล้วหลังจากนั้น เขาไม่ได้ทำตามที่ลูกชายบอกแต่อย่างใด ยังคงใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังทำท่าทีน้อยใจลูกชายและครอบครัว ตอนที่ถึงเวลากินอาหาร เขามักจะออกจากบ้านไปหรือเก็บตัวอยู่ในห้อง
ทางภรรยารู้สึกอับจนหนทางมาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ต่อไป จึงมาระบายความอัดอั้นและขอความช่วยเหลือผ่านทางโซเชียล "ฉันสับสนมาก ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรแล้ว ฉันควรทำอย่างไรดี ?"
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวจากหญิงรายหนึ่งในเวียดนาม หลังจากเธอแต่งงานกับสามี ก็ได้แยกครอบครัวออกมาอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ของเธอได้มอบที่ดินให้ผืนหนึ่ง พร้อมกับเงิน 2 พันล้านดอง (ราว 2.6 ล้านบาท) โดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องดูแลพี่ชายคนเดียวของเธอที่พิการขาทั้ง 2 ข้าง และทุก ๆ เดือนพ่อแม่ของเธอจะให้เงินช่วยเหลือเดือนละ 2 ล้านดอง (ราว 2,600 บาท) สำหรับค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลของเขา ซึ่งเธอก็ได้ตกลงเรื่องนี้กับสามีเรียบร้อยก่อนที่จะแต่งงานกัน
เธอและสามีมีลูกด้วยกัน 1 คน อีกทั้งเธอยังมีพี่ชายที่ต้องคอยดูแลอีก รวมเป็น 4 คน จึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งในตอนแรกทางครอบครัวของสามีก็ไม่ได้มาสนใจอะไรครอบครัวของเธอ แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่พ่อของสามีเกษียณจากการทำงาน อยู่ ๆ เขาก็มาขออาศัยอยู่ที่บ้านของเธอกับสามีด้วย พร้อมกับเงินติดตัวมา 300 ล้านดอง (ราว 4 แสนบาท)
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากพ่อสามีเกษียณอายุการทำงาน เขาได้รับเงินจำนวน 600 ล้านดง (ราว 8 แสนบาท) โดยแบ่งให้แม่สามีไปครึ่งหนึ่ง ส่วนตัวเองเหลืออีกครึ่งหนึ่ง เนื่องจากเขามีปัญหากับภรรยาจึงไม่อยากอยู่ด้วยกัน จึงตั้งใจย้ายครัวเรือนมาหาลูกชายและลูกสะใภ้ให้ดูแลเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต
ทางภรรยารู้สึกไม่สะดวกใจที่ให้พ่อสามีมาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่เนื่องจากเธอรักสามีมากจึงยอม ตอนแรกเธอยกชั้นสองของบ้านให้พ่อสามีอยู่ ส่วนเธอกับสามีและลูก รวมทั้งพี่ชายของเธออาศัยอยู่ที่ชั้นล่างเพื่อความสะดวก เนื่องจากพี่ชายของเธอต้องนั่งรถเข็นจึงขึ้น-ลงบันไดไม่ได้ ส่วนลูกเธอก็ยังเล็กจึงกลัวการขึ้นบันได แต่พ่อสามีกลับไม่พอใจ บอกว่า เขาแก่แล้วปวดกระดูกและข้อ จะปล่อยให้เขาต้องขึ้น-ลงบันไดทุกวันได้อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงเขายังแข็งแรงดีอยู่
ในที่สุด เพื่อตัดปัญหา ทางภรรยาและสามีจึงต้องพาลูกย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นสองอย่างไม่เต็มใจ ส่วนพ่อของสามีก็ได้อยู่ในห้องใหญ่สุดของครอบครัว เมื่ออยู่ที่ชั้นล่าง พ่อของสามีก็มักจะเจอกับพี่ชายของเธอบ่อย ๆ แต่เขาไม่ชอบหน้าพี่ชายของเธอ ทั้งที่พี่ชายของเธอแม้ว่าจะพิการ แต่ก็ช่วยงานบ้านบางอย่างได้ เช่น ล้างจาน เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า หรือทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้ แถมยังไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่ทำงานออนไลน์หารายได้เดือนละ 4-5 ล้านดอง (ราว 5-6 พันบาท)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
กระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อสามีเข้าไปในห้องของพี่ชายของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต และเผลอทำของที่ระลึกที่เป็นรูปของครอบครัวแตก พี่ชายของเธอโกรธมากจนทนไม่ไหว จึงตะโกนเสียงดังใส่พ่อสามี แต่พ่อสามีก็ไม่ยอม ตะโกนเสียงดังโต้กลับอย่างไม่รู้สึกผิดใด ๆ แถมยังชี้หน้าไล่พี่ชายของเธอให้ออกไปจากบ้าน ทำราวกับว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเขาเอง
ทางภรรยาทนเห็นภาพที่เกิดขึ้นไม่ไหว จึงร้องไห้ออกมาเสียงดัง ด้านสามีของเธอจึงเข้ามายุติความวุ่นวายด้วยอารมณ์โกรธเช่นเดียวกัน เขาบอกให้พ่อของเขาเก็บข้าวของพร้อมกับเงินแสนที่เอามา แล้วเอากลับไปอยู่ที่บ้านเกิดให้ญาติพี่น้องช่วยดูแลแทน และขอร้องให้หยุดรบกวนชีวิตครอบครัวของเขา
เมื่อทางพ่อสามีเห็นลูกชายตัวเองโมโห เขาตัดพ้อว่าลูกชายกลัวภรรยา ปกป้องแต่ภรรยา แต่ไม่ปกป้องพ่อ ก่อนที่ออกจากห้องไปเงียบ ๆ แล้วหลังจากนั้น เขาไม่ได้ทำตามที่ลูกชายบอกแต่อย่างใด ยังคงใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังทำท่าทีน้อยใจลูกชายและครอบครัว ตอนที่ถึงเวลากินอาหาร เขามักจะออกจากบ้านไปหรือเก็บตัวอยู่ในห้อง
ทางภรรยารู้สึกอับจนหนทางมาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ต่อไป จึงมาระบายความอัดอั้นและขอความช่วยเหลือผ่านทางโซเชียล "ฉันสับสนมาก ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรแล้ว ฉันควรทำอย่างไรดี ?"
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha