สื่อสิงคโปร์ตีข่าว นักท่องเที่ยวพัก รร. หรู กทม. ลืมแหวนเพชร-สร้อย มูลค่ากว่า 7 แสนทิ้งไว้ในห้องน้ำ แค่ครึ่ง ชม. ให้คนเช็กดู หายไปแล้ว ชี้ท่าที่ พนง. น่าสงสัย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
วันที่ 18 ธันวาคม 2567 เว็บไซต์มาเธอร์ชิป รายงานกรณีของคู่สามีภรรยาชาวสิงคโปร์ ซึ่งเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย และเข้าพักในโรงแรม 5 ดาวที่กรุงเทพฯ โดยหลังจากที่ทั้งคู่เช็กเอาต์ประมาณ 30 นาที ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเครื่องประดับของภรรยาไว้ในห้อง ทั้งแหวนแต่งงาน แหวนเพชร 2 วง รวมถึงสร้องข้อมือ รวมมูลค่าประมาณ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 7.6 แสนบาท) แต่ไม่คิดว่าเมื่อพวกเขากลับไปขอให้ทางโรงแรมตรวจสอบ กลับได้คำตอบว่าไม่เจออะไร และท่าทีของผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นทำให้ฝ่ายสามีรู้สึกคาใจอย่างมาก
โดย นายเจิ้ง ชายวัย 41 ปี เปิดเผยกับ Shin Min Daily News สื่อภาษาจีนของสิงคโปร์ ระบุว่า ตนกับภรรยาได้เข้าพักที่โรงแรมหรู ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นในวันสุดท้ายของการเข้าพัก
นายเจิ้ง เผยว่า พวกเขาเช็กเอาต์ในเวลา 14.30 น. และรอให้คนยกกระเป๋าลงมาให้บริเวณล็อบบี้โรงแรม แต่รออยู่นาน 15 นาทีแล้วกระเป๋าก็ยังไม่มา และพวกเขายังมีกำหนดขึ้นเครื่องบินเวลา 19.00 น. จึงตัดสินใจออกไปซื้อของที่ห้างก่อน แล้วค่อยกลับมารับกระเป๋าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังออกจากโรงแรมไปได้ประมาณ 30 นาที ภรรยาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอรีบจนลืมเครื่องประดับไว้ในห้องน้ำของห้องพัก จึงรีบติดต่อทางโรงแรม แจ้งว่ามีเครื่องประดับ 4 ชิ้นถูกลืมทิ้งไว้ โดยมีทั้งแหวนแต่งงาน แหวนเพชร 2 วง และสร้อยข้อมูล มูลค่าประมาณ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
แต่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา พนักงานโรงแรมกลับแจ้งนายเจิ้งว่าไม่พบอะไรในห้อง อย่างไรก็ตาม นายเจิ้งรู้สึกผิดสังเหตุ ตรงที่ผู้จัดการโรงแรมถามเขาว่า แหวนเพชรนั้นสีขาวหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ให้รายละเอียดหรือลักษณะใด ๆ ของสิ่งที่ลืมทิ้งไว้ แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าแหวนเพชรส่วนมากก็เป็นสีขาวอยู่แล้ว ทำให้เขากับภรรยารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังพยายามเบี่ยงประเด็น
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งคู่สงสัยพฤติกรรมของพนักงานยกกระเป๋า
โดยเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
พวกเขาเห็นว่าตอนที่พนักงานเข้าไปยกกระเป๋าและเดินออกมาจากห้องพัก
มีการเงยหน้ามองกล้องวงจรปิด
อีกทั้งการยกกระเป๋าเป็นงานที่ไม่น่าจะใช้เวลานาน
แค่เข้าห้องไปหยิบแล้วเดินออกมา แต่พนักงานยกกระเป๋ากลับอยู่ในห้องเกือบ 2
นาที
เมื่อกลับไปถึงโรงแรม นายเจิ้งได้ซักถามพนักงานยกกระเป๋า ซึ่งอ้างว่าห้องพักถูกทำความสะอาดแล้วตอนที่ตนเข้าไป ทำให้เขารู้สึกสงสัยอีกครั้งว่า "ทำไมคนยกกระเป๋าต้องเข้าไปดูในห้องน้ำด้วย ตอนที่มายกกระเป๋าของเรา แถมเราเพิ่งจะเช็กเอาต์ไป แล้วห้องน้ำจะถูกทำความสะอาดได้ยังไง"
ทั้งนี้ หลังคู่สามีภรรยาเดินทางกลับสิงคโปร์ไปแล้ว ก็ได้ขอให้ญาติและเพื่อน ๆ โทร. ไปแจ้งเรื่องต่อตำรวจไทยในวันต่อมา ซึ่งนายเจิ้งพบว่า พนักงานกระเป๋าได้กลับคำให้การระหว่างถูกตำรวจสอบสวน โดยอ้างว่าตัวเองไม่เคยพูดคุยกับภรรยาของนายเจิ้งเลย และไม่เคยเข้าไปในห้องน้ำด้วย ทั้งที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ชัดเจน ว่าทั้งพนักงานยกกระเป๋า ภรรยาของนายเจิ้ง ผู้จัดการกะ และหัวหน้า รปภ. ได้เข้าไปในห้องพักด้วยกันหลังเกิดเหตุ
นายเจิ้งชี้ว่า เขากับภรรยาเพิ่งแต่งงานกันในเดือนกันยายน ที่ผ่านมา เครื่องประดับเหล่านี้มีค่าทางจิตใจของพวกเขาอย่างมาก โดยเขายังแจ้งเรื่องนี้ไปถึง STOMP สื่อออนไลน์อีกเจ้า เพื่อให้ช่วยเตือนภัยคนอื่น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ หลังตกเป็นประเด็นข่าว ทางโฆษกของเครือโรงแรมดังกล่าว ได้เผยกับสื่อว่า ทางบริษัทตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ติดต่อหาแขกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และจะทำการตรวจสอบเป็นการภายในอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจและแก้ปัญหา
ขอบคุณข้อมูลจาก Mothership, Shin Min Daily News
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
โดย นายเจิ้ง ชายวัย 41 ปี เปิดเผยกับ Shin Min Daily News สื่อภาษาจีนของสิงคโปร์ ระบุว่า ตนกับภรรยาได้เข้าพักที่โรงแรมหรู ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นในวันสุดท้ายของการเข้าพัก
นายเจิ้ง เผยว่า พวกเขาเช็กเอาต์ในเวลา 14.30 น. และรอให้คนยกกระเป๋าลงมาให้บริเวณล็อบบี้โรงแรม แต่รออยู่นาน 15 นาทีแล้วกระเป๋าก็ยังไม่มา และพวกเขายังมีกำหนดขึ้นเครื่องบินเวลา 19.00 น. จึงตัดสินใจออกไปซื้อของที่ห้างก่อน แล้วค่อยกลับมารับกระเป๋าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังออกจากโรงแรมไปได้ประมาณ 30 นาที ภรรยาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอรีบจนลืมเครื่องประดับไว้ในห้องน้ำของห้องพัก จึงรีบติดต่อทางโรงแรม แจ้งว่ามีเครื่องประดับ 4 ชิ้นถูกลืมทิ้งไว้ โดยมีทั้งแหวนแต่งงาน แหวนเพชร 2 วง และสร้อยข้อมูล มูลค่าประมาณ 30,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
แต่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา พนักงานโรงแรมกลับแจ้งนายเจิ้งว่าไม่พบอะไรในห้อง อย่างไรก็ตาม นายเจิ้งรู้สึกผิดสังเหตุ ตรงที่ผู้จัดการโรงแรมถามเขาว่า แหวนเพชรนั้นสีขาวหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ให้รายละเอียดหรือลักษณะใด ๆ ของสิ่งที่ลืมทิ้งไว้ แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าแหวนเพชรส่วนมากก็เป็นสีขาวอยู่แล้ว ทำให้เขากับภรรยารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังพยายามเบี่ยงประเด็น
เมื่อกลับไปถึงโรงแรม นายเจิ้งได้ซักถามพนักงานยกกระเป๋า ซึ่งอ้างว่าห้องพักถูกทำความสะอาดแล้วตอนที่ตนเข้าไป ทำให้เขารู้สึกสงสัยอีกครั้งว่า "ทำไมคนยกกระเป๋าต้องเข้าไปดูในห้องน้ำด้วย ตอนที่มายกกระเป๋าของเรา แถมเราเพิ่งจะเช็กเอาต์ไป แล้วห้องน้ำจะถูกทำความสะอาดได้ยังไง"
ทั้งนี้ หลังคู่สามีภรรยาเดินทางกลับสิงคโปร์ไปแล้ว ก็ได้ขอให้ญาติและเพื่อน ๆ โทร. ไปแจ้งเรื่องต่อตำรวจไทยในวันต่อมา ซึ่งนายเจิ้งพบว่า พนักงานกระเป๋าได้กลับคำให้การระหว่างถูกตำรวจสอบสวน โดยอ้างว่าตัวเองไม่เคยพูดคุยกับภรรยาของนายเจิ้งเลย และไม่เคยเข้าไปในห้องน้ำด้วย ทั้งที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ชัดเจน ว่าทั้งพนักงานยกกระเป๋า ภรรยาของนายเจิ้ง ผู้จัดการกะ และหัวหน้า รปภ. ได้เข้าไปในห้องพักด้วยกันหลังเกิดเหตุ
นายเจิ้งชี้ว่า เขากับภรรยาเพิ่งแต่งงานกันในเดือนกันยายน ที่ผ่านมา เครื่องประดับเหล่านี้มีค่าทางจิตใจของพวกเขาอย่างมาก โดยเขายังแจ้งเรื่องนี้ไปถึง STOMP สื่อออนไลน์อีกเจ้า เพื่อให้ช่วยเตือนภัยคนอื่น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ หลังตกเป็นประเด็นข่าว ทางโฆษกของเครือโรงแรมดังกล่าว ได้เผยกับสื่อว่า ทางบริษัทตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ติดต่อหาแขกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และจะทำการตรวจสอบเป็นการภายในอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจและแก้ปัญหา
ขอบคุณข้อมูลจาก Mothership, Shin Min Daily News