ถนนบรรทัดทอง แหล่งของกินตอนกลางคืนสุดฮิปใกล้จุฬาฯ และ mrt คนเดินเยอะมาก ร้านค้าคนแน่น แต่ทำไมร้านยังเจ๊งกันระนาว สาเหตุเกิดจากอะไร บอกเลยกว่าจะคืนทุน ไม่ง่าย !
ภาพจาก shutterstock.com / joojoob27
แต่ในขณะเดียวกัน แม้ว่าร้านนี้จะมีคนมาเดินเยอะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน จนคนแทบจะลงไปเดินบนถนน แต่กลับมีบางคนที่มาเปิดร้านแล้วประสบภาวะขาดทุน ขายของไม่ได้ ปิดร้านตามๆ กันไป จนทำให้ล่าสุดได้มีคนมาร่วมกันวิเคราะห์ว่า ทำไมนะ บรรทัดทอง ย่านใจกลางเมืองคนเดินเยอะขนาดนี้ ถึงขายของไม่ได้เลย
อ่านเพิ่มเติม ความจริงผู้ประกอบการ เปิดร้านที่บรรทัดทอง ย่านของกินแต่ขายได้วันละ 1,000 ผิดพลาดตรงไหน
โดยที่ X. ของ บองเต่า hนักเขียนและผู้บริหารเอเจนซี่คนดัง ได้พูดว่า ตนได้คุยกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านบรรทัดทอง และอยากจะฝากคนที่จะมาเปิดร้านอาหารที่นี่ว่า ก่อนที่จะมาลงทุนใด ๆ ควรจะคำนวณ feasibility (ความเป็นไปได้ของโปรเจกต์) ให้ดีก่อน เพราะความโหดของถนนเส้นนี้ คือ ร้านจะมีช่วงเวลาพีคในการขายแค่ 2 ชม. เท่านั้น ร้านอาหารคาวจะขายได้ตอน 19.00-21.00 น. ร้านขนมจะขายได้ตอน 20.00-22.00 น. ดังนั้น ร้านต้องคิดดี ๆ ว่าจะหมุนโต๊ะเพื่อโกยเงินอย่างไร ส่วนเวลากลางวันนั้น แม้ร้านจะเปิดและขายได้ แต่คนน้อยกว่าตอนเย็นเยอะ
เรื่องนี้ทำให้หลายคนมาเล่าประสบการณ์ และร่วมกันวิเคราะห์ ถึงสาเหตุและปัญหาที่ของร้านย่านบรรทัดทอง ที่คนเดินเยอะ แต่ของขายไม่ออก ดังนี้
ค่าเช่า ค่าเซ้งแพง : เนื่องจากย่านนี้เป็นแลนด์มาร์ก ทำเลดี เป็นห้องแถวค้าขายได้ คนก็ให้ความสนใจกันมาก ดันราคาค่าเช่าค่าเซ้งกันไปมาศาล โดยพบว่าค่าเซ้งตึกอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง 3 ชั้น อยู่ที่ 8.5 ล้านบาท เงินประกัน 400,000 บาท ได้คืนตอนหมดสัญญา ค่าเปลี่ยนสัญญา 100,000 บาท ส่วนค่าเช่าตึกตกที่หลังละ 48,000 บาท จ่ายตรงกับจุฬาฯ ซึ่งหากใครจะเซ้งไปทำร้านอาหาร ก็ต้องคิดแล่วว่าเท่าไรถึงจะคุ้มทุน 8 ล้าน
การแข่งขันสูง : ที่บรรทัดทอง มีร้านเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ละร้านก็มีลูกคาประจำ มีรีวิวมายาวนาน คนเลยแห่ไปกินร้านเก่า แต่บางครั้งร้านใหม่เปิดมาแล้วเป็นกระแส คนก็แห่ไปต่อคิวร้านใหม่ กลายเป็นบางครั้งร้านเก่าอยู่ยาก ร้านใหม่ก็อยู่ไม่ได้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหน้ากันไปเรื่อย ๆ
ไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ : หลายคนชื่นชอบร้านย่านบรรทัดทอง มองว่าเป้นแหล่งของกิน คนเดินเยอะ คิดว่ายังไง ๆ ก็มีคนเข้า แต่พอเอาเงินมาลงจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น รสชาติอาหารไม่ดี ราคาแพงอีก คนไปเดินสยามดีกว่า
Traffic น้อย : ในย่านบรรทัดทองจะคึกคักแค่ช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ร้านอาจจะเปิด 10 ชั่วโมง ขายได้จริงคนแน่นแค่ 2 ชม. ดังนั้นการหมุนเวียนโต๊ะให้ลูกค้าได้นั่งจึงจำเป็นมาก ถ้าลูกค้านั่งแช่ไม่ยอมลุกคือจบ และถ้าใน 2 ชม. นั้นขายไม่ได้ ยิ่งแย่เข้าไปอีก
เรียกได้ว่าการทำร้านอาหาร ไม่ว่าจะย่านไหน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ก่อนจะลงทุนทำธุรกิจ อาจต้อคิดวิเคราะห์กันยาว ๆ
ภาพจาก shutterstock.com / joojoob27
ถนนบรรทัดทอง ล่าสุดได้กลายมาเป็นแหล่งของกินใหม่ที่กลายเป็ที่ชื่นชอบของเหล่าวัยรุ่น ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟใต้ดิน ของกินอร่อยเพียบ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนไทยและนักท่องเที่ยว ร้านบางร้านต้องต่อคิวกันยาว
แต่ในขณะเดียวกัน แม้ว่าร้านนี้จะมีคนมาเดินเยอะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน จนคนแทบจะลงไปเดินบนถนน แต่กลับมีบางคนที่มาเปิดร้านแล้วประสบภาวะขาดทุน ขายของไม่ได้ ปิดร้านตามๆ กันไป จนทำให้ล่าสุดได้มีคนมาร่วมกันวิเคราะห์ว่า ทำไมนะ บรรทัดทอง ย่านใจกลางเมืองคนเดินเยอะขนาดนี้ ถึงขายของไม่ได้เลย
อ่านเพิ่มเติม ความจริงผู้ประกอบการ เปิดร้านที่บรรทัดทอง ย่านของกินแต่ขายได้วันละ 1,000 ผิดพลาดตรงไหน
โดยที่ X. ของ บองเต่า hนักเขียนและผู้บริหารเอเจนซี่คนดัง ได้พูดว่า ตนได้คุยกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านบรรทัดทอง และอยากจะฝากคนที่จะมาเปิดร้านอาหารที่นี่ว่า ก่อนที่จะมาลงทุนใด ๆ ควรจะคำนวณ feasibility (ความเป็นไปได้ของโปรเจกต์) ให้ดีก่อน เพราะความโหดของถนนเส้นนี้ คือ ร้านจะมีช่วงเวลาพีคในการขายแค่ 2 ชม. เท่านั้น ร้านอาหารคาวจะขายได้ตอน 19.00-21.00 น. ร้านขนมจะขายได้ตอน 20.00-22.00 น. ดังนั้น ร้านต้องคิดดี ๆ ว่าจะหมุนโต๊ะเพื่อโกยเงินอย่างไร ส่วนเวลากลางวันนั้น แม้ร้านจะเปิดและขายได้ แต่คนน้อยกว่าตอนเย็นเยอะ
คนวิเคราะห์ ร้านถนนบรรทัดทอง เจ๊งเพราะอะไร
เรื่องนี้ทำให้หลายคนมาเล่าประสบการณ์ และร่วมกันวิเคราะห์ ถึงสาเหตุและปัญหาที่ของร้านย่านบรรทัดทอง ที่คนเดินเยอะ แต่ของขายไม่ออก ดังนี้
ค่าเช่า ค่าเซ้งแพง : เนื่องจากย่านนี้เป็นแลนด์มาร์ก ทำเลดี เป็นห้องแถวค้าขายได้ คนก็ให้ความสนใจกันมาก ดันราคาค่าเช่าค่าเซ้งกันไปมาศาล โดยพบว่าค่าเซ้งตึกอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง 3 ชั้น อยู่ที่ 8.5 ล้านบาท เงินประกัน 400,000 บาท ได้คืนตอนหมดสัญญา ค่าเปลี่ยนสัญญา 100,000 บาท ส่วนค่าเช่าตึกตกที่หลังละ 48,000 บาท จ่ายตรงกับจุฬาฯ ซึ่งหากใครจะเซ้งไปทำร้านอาหาร ก็ต้องคิดแล่วว่าเท่าไรถึงจะคุ้มทุน 8 ล้าน
การแข่งขันสูง : ที่บรรทัดทอง มีร้านเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ละร้านก็มีลูกคาประจำ มีรีวิวมายาวนาน คนเลยแห่ไปกินร้านเก่า แต่บางครั้งร้านใหม่เปิดมาแล้วเป็นกระแส คนก็แห่ไปต่อคิวร้านใหม่ กลายเป็นบางครั้งร้านเก่าอยู่ยาก ร้านใหม่ก็อยู่ไม่ได้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนหน้ากันไปเรื่อย ๆ
ไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ : หลายคนชื่นชอบร้านย่านบรรทัดทอง มองว่าเป้นแหล่งของกิน คนเดินเยอะ คิดว่ายังไง ๆ ก็มีคนเข้า แต่พอเอาเงินมาลงจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น รสชาติอาหารไม่ดี ราคาแพงอีก คนไปเดินสยามดีกว่า
Traffic น้อย : ในย่านบรรทัดทองจะคึกคักแค่ช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ร้านอาจจะเปิด 10 ชั่วโมง ขายได้จริงคนแน่นแค่ 2 ชม. ดังนั้นการหมุนเวียนโต๊ะให้ลูกค้าได้นั่งจึงจำเป็นมาก ถ้าลูกค้านั่งแช่ไม่ยอมลุกคือจบ และถ้าใน 2 ชม. นั้นขายไม่ได้ ยิ่งแย่เข้าไปอีก
เรียกได้ว่าการทำร้านอาหาร ไม่ว่าจะย่านไหน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ก่อนจะลงทุนทำธุรกิจ อาจต้อคิดวิเคราะห์กันยาว ๆ