หมอเจด ไขคำตอบ วิ่ง หรือ เดินเร็ว แบบไหนผอมไวกว่า แนะทำวิธีไหนเห็นผลได้จริง

          หมอเจด ไขคำตอบ วิ่ง หรือ เดินเร็ว แบบไหนผอมไวกว่ากัน เปรียบเทียบให้ดูชัด ๆ ว่าเราเหมาะกับการออกกำลังกายวิธีไหน
ออกกำลังกาย

          วันที่ 6 มิถุนายน 2568 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ให้ความรู้ด้านสุขภาพผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด โพสต์ให้ความรู้ในหัวข้อ เดินเร็ว VS วิ่ง แบบไหนผอมไวกว่ากัน คำถามยอดฮิตที่หลายคนถามบ่อยมาก 

          เวลาเริ่มอยากลดน้ำหนัก ก็จะสงสัยว่า "เราควรเดินเร็วดี หรือควรวิ่งไปเลย จะได้ผอมเร็ว ๆ" บางคนก็กลัวเข่าเจ็บ บางคนก็ขี้เกียจเหนื่อย

          บางคนเดินจนเหนื่อยแล้ว แต่เลขบนตาชั่งก็ไม่ขยับสักที วันนี้จะมาเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ เลยว่าจริง ๆ แล้ว เดินเร็วกับวิ่ง มันต่างกันยังไง ? แล้วแบบไหนที่ช่วยให้เราผอมเร็วกว่า ? มาดูไปทีละข้อกันเลย

1. ใครเผาผลาญพลังงานได้มากกว่ากัน ?


          ถ้าเอาเรื่อง "ผอมไว" มาเป็นประเด็นหลักเนี่ย ต้องบอกก่อนเลยว่า วิ่งเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าเดินเร็ว ง่าย ๆ เลยก็คือ

          - วิ่งประมาณ 8 กม./ชม. : เผาประมาณ 600 แคลอรี/ชั่วโมง

          - เดินเร็วประมาณ 5-6 กม./ชม. : เผาประมาณ 300-400 แคลอรี/ชั่วโมง

          ดูจากตัวเลขเหมือนจะชัดเลยใช่ไหมว่า วิ่งดีกว่า แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะร่างกายเราไม่ได้เลือกใช้พลังงานจากแคลอรีเหมือนกันตลอด

          มันขึ้นอยู่กับว่าเราเหนื่อยแค่ไหน หรือพูดง่าย ๆ คือออกกำลังกายอยู่ในโซนหัวใจโซนไหน ?

          แล้ว Heart Rate Zone คืออะไร ? มันคือระดับความหนักของการออกกำลังกายครับ แบ่งเป็น 5 โซน แต่เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ แค่ 3 โซนพอ

          - โซน 2 (60–70% ของ Max Heart Rate): ใช้ไขมันเป็นหลัก เหมาะกับ เดินเร็ว หรือ วิ่งเบา ๆ ลดไขมันช้าแต่ชัวร์

          - โซน 3–4 (70–90%): ใช้ทั้งไขมัน + คาร์บ เหมาะกับวิ่งแบบจริงจัง

          - โซน 5 เหนื่อยสุด ๆ เหมาะกับสั้น ๆ อย่าง sprint หรือ HIIT

          ดังนั้น ต่อให้คุณ เดิน แต่ถ้าอยู่ในโซน 2 ได้ต่อเนื่องวันละ 40 นาที มันก็ลดไขมันได้ดีนะ

2. ผลต่อหัวใจและหลอดเลือด 


          ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่ง ถ้าทำประจำก็มีผลดีต่อหัวใจทั้งนั้นครับแต่จะต่างกันที่ ความหนัก และ ความเสี่ยง

วิ่ง
           - หัวใจเต้นแรงขึ้น : เสริมความแข็งแรงหัวใจเร็วขึ้น

           - ได้ออกแรงแบบเต็ม ๆ ทั้งปอด หัวใจ กล้ามเนื้อ

เดินเร็ว
           - เบากว่า เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่ม

           - ลดความดันโลหิตได้ดี

           - โอกาสเจ็บน้อยกว่าเยอะ 

          โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกิน, เข่าไม่ดี, อายุเยอะหน่อย เดินจะดีกับร่างกายมากกว่า แนะนำว่า เริ่มจากเดินเร็วไปก่อนก็ไม่เสียหาย ให้ร่างกายปรับตัว พอแข็งแรงขึ้นค่อย ๆ ขยับเป็นวิ่งช้า ๆ ได้

3. เมตาบอลิซึมกับการเผาผลาญ 


          นี่เป็นเรื่องที่คนชอบออกกำลังกายอยากรู้กันมาก หลังวิ่งเสร็จแล้ว รู้ไหมว่า ร่างกายยังเผาผลาญพลังงานต่ออีกหลายชั่วโมง เพราะมันเกิดสิ่งที่เรียกว่า Afterburn Effect (EPOC)เหมือนร่างกายยังร้อนอยู่ ต้องใช้พลังงานเพิ่มเพื่อปรับสมดุล แต่มันจะเกิดเฉพาะใน การออกกำลังกายที่เข้มข้นพอ เท่านั้นนะ เช่น วิ่งเร็ว วิ่ง HIIT

          ส่วนเดินเร็ว อาจจะไม่มี Afterburn แบบวิ่ง แต่ข้อดีของมันคือ คุณทำได้นานกว่า เช่น เดิน 1 ชั่วโมงทุกวันก็เผาได้เยอะเหมือนกัน แถมไม่เสี่ยงเข่าพัง

เปรียบเทียบง่าย ๆ


          - วิ่ง 30 นาที เผา 400 แคลอรี + Afterburn เพิ่มอีก 100

          - เดินเร็ว 1 ชั่วโมง เผาได้ประมาณ 350–400 แคลอรี

          รวม ๆ แล้วพอ ๆ กัน ถ้าเดินได้สม่ำเสมอ

4. กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ 


          เรื่องนี้สำคัญมากโดยเฉพาะถ้าคุณน้ำหนักเยอะ หรืออายุเริ่มมากแล้วอย่างที่รู้กันว่าวิ่งอาจมีแรงกระแทกมาก ถ้าวิ่งผิดท่า, พื้นแข็ง หรือไม่วอร์มดี ทำให้เสี่ยงเข่าพัง, เอ็นอักเสบได้ง่ายมาก แต่ถ้าวิ่งถูกวิธีกล้ามเนื้อ, กระดูก, เอ็น จะถูกกระตุ้นให้แข็งแรงขึ้น

          ส่วนเดินเร็วกระแทกน้อยกว่าเยอะมากเหมาะมากสำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม, คนอ้วน, หรือคนที่เข่าไม่ค่อยดีแถมถ้าเดินแบบมีการแกว่งแขน ใช้ลำตัวร่วมด้วย ก็ช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้หลายส่วนเลยนะ

5. สุดท้าย (แต่สำคัญที่สุดเลย) คือคำว่า ทำต่อเนื่องได้ไหม ? 


          คือบางคนตั้งใจจะวิ่งทุกวัน แต่สุดท้ายทำได้อาทิตย์ละ 1–2 วัน เพราะเหนื่อย แต่บางคนเดินเร็วทุกวัน สบาย ๆ 40 นาทีหลังเลิกงาน ผลรวมออกมาดีกว่าเยอะ

ลองดูเปรียบเทียบง่าย ๆ


          - วิ่ง 2 วัน/สัปดาห์ × 600 แคลอรี = 1,200 แคลอรี

          - เดินเร็ว 6 วัน/สัปดาห์ × 350 แคลอรี = 2,100 แคลอรี

          ผอมกว่าแบบไหน ก็ตอบไม่ยากแล้วเนอะ

          การเดินเร็วอาจดูช้า แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ มันคือ "ทางเลือกที่ยั่งยืน" มากกว่า ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเจ็บ

          สุดท้ายคนที่จะตอบว่า แล้วควรเลือกอะไรดี ก็คือคุณนะ

          - แบบไหนที่ฉันสามารถทำได้บ่อย และทำได้นาน ?

          - ฉันมีข้อจำกัดทางร่างกายอะไรไหม ?

          - ฉันโอเคกับความเหนื่อยแค่ไหน ? 

          ถ้า "ฉันโอเคกับการวิ่ง" ลุยเลย วิ่งได้ก็สุดยอด แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า "ฉันเดินเร็วดีกว่า ไม่เจ็บ ไม่เหนื่อยมาก ทำได้ทุกวัน" นั่นแหละคือคำตอบของคุณ

          เพราะการออกกำลังกาย ไม่ใช่เรื่องของใครเร็วกว่าใคร แต่มันคือ "เราทำได้แค่ไหน และทำได้นานแค่ไหน" สิ่งที่เวิร์กที่สุด คือสิ่งที่ "คุณทำได้ต่อเนื่อง" 

          ใครอยากเริ่มวันนี้ ลองตั้งเป้าสั้น ๆ ก่อน เช่น เดินเร็ววันละ 20–30 นาทีแล้วค่อยขยับเวลาและความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อว่าไม่กี่เดือนคุณจะเห็นผล 

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก หมอเจด


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมอเจด ไขคำตอบ วิ่ง หรือ เดินเร็ว แบบไหนผอมไวกว่า แนะทำวิธีไหนเห็นผลได้จริง โพสต์เมื่อ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 11:10:55 6,618 อ่าน
TOP
x close